จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน / จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
การชุมนุมของกลุ่มกปปส. กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนให้สื่อทั่วโลกต้องส่งผู้สื่อข่าวเข้ามาติดตามอย่างใกล้ชิด โดยหนึ่งในนั้น คือ สถานีโทรทัศน์ ทีวีบีเอส (TVBS) หรือ Taiwan TV Station สถานีโทรทัศน์อันดับหนึ่งของประเทศไต้หวัน ที่ได้ส่งทีมข่าวมาเกาะติดสถานการณ์เช่นกัน
"แชง อิกจุน" หรือ เอมเบอร์ ผู้สื่อข่าวจาก สถานีโทรทัศน์ ทีวีบีเอส เล่าว่า ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อเกาะติดสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มกปปส. ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อรายงานกลับไปยังประเทศไต้หวัน โดยก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ ทีวีบีเอส ก็ได้ส่งทีมข่าวมาเกาะติดสถานการณ์ชุมนุมรายวัน และเธอก็เข้ามาทำหน้าที่ต่อจากทีมที่มาเกาะติดก่อนหน้านี้
เธอบอกว่า การเข้ามาทำข่าว จะติดตามสถานการณ์และบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่จะต้องรายงานข่าวกลับไปที่ประเทศไต้หวันทุกวัน โดยคาดว่าจะทำข่าวในไทยประมาณ 1 สัปดาห์ หรืออาจจะยาวนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การชุมนุมจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร และในประเทศไต้หวัน ก็ติดตามสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเข้ามาทำข่าวในประเทศไทยนั้น ไม่ได้เตรียมตัว หรือนำอุปกรณ์ป้องกันตัวเข้ามาเป็นพิเศษ เพราะเพิ่งเดินทางเข้ามาทำข่าว โดยหลังจากได้เข้ามาทำข่าว สัมภาษณ์กลุ่มที่เข้ามาร่วมชุมนุมที่เป็นคนมาจากจังหวัดภาคใต้ และสามารถพูดภาษาจีนได้ ที่ได้เล่าให้ฟังว่า ได้เข้ามาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ เนื่องจาก ต้องการต่อต้านรัฐบาลเพราะธุรกิจได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศอย่างมาก ทำให้ธุรกิจย่ำแย่ลง
“เมื่อได้สัมภาษณ์และพบบรรยากาศการชุมนุมที่แยกปทุมวัน พบว่าไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด ทำให้ไม่มีความรู้สึกกังวล และพบว่าการชุมนุมในครั้งนี้มีบรรยากาศที่คึกคัก เพราะมีการร้องเพลงบนเวที และมีการเต้นจากกลุ่มคนที่ชุมนุมด้วย จึงเห็นว่า เป็นการชุมนุมที่สงบอย่างมาก ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาไทย ได้ดูข่าวผ่านสื่อในประเทศไต้หวัน พบว่า การชุมนุมในไทยบรรยากาศค่อนข้างน่ากลัว เพราะมีการยิงกันเกิดขึ้น ทำให้รู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้ว พบว่า บรรยากาศการชุมนุม มีความสงบ”
ขณะเดียวกันที่ประเทศไต้หวันนั้น ก็มีการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลเช่นเดียวกัน ที่คล้ายคลึงกับการชุมนุมในไทย จึงเห็นว่า การชุมนุมเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ และที่ประเทศไต้หวัน เคยมีการประท้วงรัฐบาลครั้งใหญ่สุดในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยการชุมนุมในไต้หวันนั้น ประชาชนจะไปร่วมชุมนุมในสถานที่บางแห่ง ที่มีขนาดใหญ่ และเป็นสถานที่ ไม่มีผลกระทบต่อชุมชน หรือภาคธุรกิจ ขณะเดียวกัน ก็จะมีตำรวจคอยดูแลการชุมนุมอย่างใกล้ชิดมาก และหากประชาชนชุมนุมเกิน ขอบเขตก็จะถูกฉีดแก๊สน้ำตา
เอมเบอร์ บอกว่า แต่ในประเทศไทยที่แตกต่างจากไต้หวัน คือ การที่ไม่มีตำรวจมาอยู่ในพื้นที่ชุมนุมและการชุมนุมมีความสนุกสนาน ประชาชนดูมีความคึกคัก และบรรยากาศก็มีความสงบ ขณะเดียวกัน ในประเทศไต้หวัน เมื่อมีการชุมนุมประท้วงของประชาชนนั้น รัฐบาลก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายตามข้อเรียกร้องของประชาชน
เธอบอกด้วยว่า ไม่ว่าการชุมนุมจะมีทางออกหรือไม่อย่างไร ก็จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อไป เพราะชื่นชอบประเทศไทยมาก คนไทยมีนิสัยที่น่ารัก ใจดี และชอบอาหารไทยมาก เคยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 20-30 ครั้ง ก่อนที่จะมาทำงานนักข่าว เคยทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ของสายการบิน “ไชน่า แอร์ไลน์” มาก่อน
“อยากเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยอีก ชอบภูเก็ต เชียงใหม่ กทม. คนไทยใจดี และชอบอาหารไทย มาที่เมืองไทยจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าประเทศอื่น”เอมเบอร์กล่าว
ขณะที่บรรยากาศการชุมนุมที่แยกปทุมวัน กลายเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ แวะเข้ามาสัมผัสบรรยากาศ และเข้ามาถ่ายรูป เดินชมรอบบริเวณที่มีการชุมนุมมากเป็นพิเศษ รวมถึงมีนักท่องเที่ยวจากประเทศแอฟริกาใต้ จำนวน 5 คน ที่เดินทางเข้ามาแวะท่องเที่ยวใน กทม. และในกลุ่มนี้มีคู่รัก ที่ยืนยันจะเข้ามาจัดงานแต่งงานในไทย ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี
"นิกมา จาคอบส์" ชาวประเทศแอฟริกาใต้ อายุ 22 ปีที่เลือกจัดงานแต่งงานในเกาะเต๋า จ. สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 2 ก.พ.นี้ กับแฟนหนุ่ม "ริคาร์โด ดีฟาร์เรีย" ชาวแอฟริกาใต้อเพราะชื่นชอบในประเทศไทย และชอบเกาะเต่ามาก ที่มีความสวยงาม และเดินทางเข้ามาพักใน กทม. เป็นเวลาหนึ่งวัน หลังจากนั้นเดินทางไปพักที่เกาะเต่า ยาว 3 สัปดาห์ ซึ่งในพิธีจัดงานแต่งงาน จะมีญาติและเพื่อนจากแอฟริกาใต้ เดินทางมาร่วมงานประมาณ 20 คน โดยจะจัดงานแต่งงานริมชายหาดที่เกาะเต่า
ส่วนการชุมนุมที่ กทม. บริเวณแยกปทุมวัน พบว่า เมื่อเข้ามาเดินดูบรรยากาศพบว่า ไม่มีความน่ากังวลแต่อย่างใด เพราะการชุมนุมสงบเรียบร้อย ถือว่ามีความปลอดภัยที่จะเดินทางเข้ามาใน กทม.
นอกจากนี้ยังมี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตั้งแต่ ม.2-ม.6 จากโรงเรียน Gaeumjung school ในเมืองชางวอน ประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 13 คนที่เดินทางเข้ามาทัศนศึกษา และเลือกที่เข้ามาช้อปปิ้ง ที่ศูนย์การค้ามาบุญครอง โดย "ฮูร์ ยอบ" อาจารย์ที่นำนักเรียนเกาหลีมาทัศนศึกษาในไทย กล่าวว่า เมื่อเข้ามาสัมผัสบรรยากาศการชุมนุมในไทย รู้สึกว่า แปลกใจที่การชุมนุมในไทยมีความสงบอย่างมาก
ขณะที่นักเรียนเกาหลีก็บอกว่า รู้สึกประหลาดใจมากที่สามารถชุมนุมและสามารถปิดถนนได้ แตกต่างจากเกาหลีที่ไม่สามารถทำได้ จะถูกตำรวจดำเนินการทันที และ นักเรียนบางคนก็ระบุว่า อาจจะไม่มีความสะดวกในการเดินทางบ้างเล็กน้อย
ด้าน ไซมอน หนุ่มชาวฝรั่งเศส วัย 31 ปี ยืนอยู่บริเวณหน้าโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ กำลังกางแผนที่เพื่อวางแผนการเดินทางไปยังห้วยขวาง ที่ให้ความเห็นว่า เขาทำงานอยู่ที่ฮ่องกง มาเที่ยวไทยนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว หากจะให้นับคร่าวๆ ก็คงจะไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง และครั้งนี้ถึงแม้จะมีการชุมนุมก็ยังคงเดินทางมาตามปกติ โดยมองว่า หากรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดินยังเปิดให้บริการตามปกติ ก็คงจะไม่เป็นปัญหาอะไรสำหรับเขา
"วันที่เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ขึ้นแท็กซี่ออกมาจากสนามบิน จากนั้นแท็กซี่ก็มาส่งบริเวณที่ใกล้รถไฟใต้ดิน และแนะนำให้ขึ้นรถไฟใต้ดินต่อไปยังโรงแรม"ไซมอน กล่าว
ทั้งนี้เขาได้เดินผ่านบริเวณพื้นที่ชุมนุม แต่ก็ไม่ได้ทำให้หวาดกลัว หรือไม่อยากเที่ยวเมืองไทยเลย เพราะเห็นว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้ดูรุนแรงอะไร ภาพที่เขาเห็นคือ คนไทยออกมาร้องเล่นเต้นรำกันกลางถนนเต็มไปหมด เหมือนเป็นเทศกาลรื่นเริง อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นเพราะเขามาเมืองไทยหลายครั้งแล้ว รู้จักเมืองไทยดี เลยไม่ได้กังวลอะไร แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่งเดินทางมาประเทศไทยครั้งแรก เขาเชื่อว่า หากมาในช่วงนี้ก็อาจจะไม่ประทับใจ เพราะไม่รู้ว่าจะเดินทางไปเที่ยวพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างไรบ้าง
ไซมอน กล่าวว่า งวดนี้เขาคงจะอยู่ไทยอีก 2 วัน ซึ่งวันนี้เขาก็จะเดินทางไปรับพ่อของเขาที่กำลังบินมาจากโมร๊อคโค มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเที่ยวเมืองไทย ส่วนหนึ่งที่ยังเดินทางมาอยู่ เพราะว่าจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้นานมากแล้ว วางแผนการเดินทางทุกอย่างแล้ว จึงไม่อยากยกเลิก
เหล่านี้เป็นเสียงสะท้อนต่อการชุมนุมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และกลายเป็นที่จับตามองในเวทีโลก
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
