จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอ เจนซีส์ - ไมเคิล เพิรส์ช (Micheal Pirsch) แห่งสื่อทางเลือกอิสระ “Truth Out” ได้เขียนบทความวิเคราะห์ตีแผ่สิ่งที่สื่อยักษ์ใหญ่ทุนนิยมจากโลกตะวันตก เช่นหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ของสหรัฐฯ หรือ บีบีซีของอังกฤษ รวมไปถึงสื่ออิสระนิยมซ้ายบนโลกอินเตอร์เนต เช่น CounterPunch หรือที่มองความขัดแย้งของไทยในแง่เดียว และเลือกที่จะไม่กล่าวถึงข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่เกี่ยวกับทักษิณ ชินวัตร ความฉ้อฉลของเขาและครอบครัวในไทย รวมไปถึงความข้องเกี่ยวในโลกตะวันตกในทั้งฝ่ายนีโอคอน(หัวอนุรักษ์นิยมยุค ใหม่)และฝ่ายนีโอลิเบอร์รัล(หัวก้าวหน้ายุคใหม่) ไมเคิล เพิรส์ช (Micheal Pirsch) เป็นนักเขียนชาวอเมริกันในสื่อทางเลือกอิสระ “Truth Out” เขาเป็นทั้งนักเคลื่อนไหวสิทธิผู้ใช้แรงงานในสหรัฐฯมากว่า 25 ปี และเป็นนักจัดรายการคลื่นวิทยุใต้ดิน “Berkeley Liberation Radion” และในขณะนี้เพิรส์ชพำนักอยู่ในประเทศไทย การมองที่ผิดพลาดของสื่อตะวันตก รวมไปถึง สื่อทางเลือกบนโลกอินเตอร์เนต ถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในไทยจนทำให้เกิดการประท้วงที่ยืดเยื้อ มาเกือบ 4 เดือนของกลุ่มกปปส.ซึ่งการมองปัญหาแบบผิวเผินที่เห็นภาพเพียง “กลุ่มผู้มีอันจะกินในเมืองหลวง” กำลังขัดแยงกับ “กลุ่มผู้ยากไร้ในต่างจังหวัด” และคนชนชั้นกลางในกรุงเทพฯพยายามอย่างเต็มกำลังในการขัดขวางประชาธิปไตย ซึ่งผู้ประประท้วงกลุ่มผู้ประท้วงกปปส.นั้นถูกมองว่าเป็น พวกนิยมเจ้าอย่างสุดโต่ง ฝักใฝ่ในกองทัพ และมีเกษตรกรจากภาคใต้ที่ยากไร้เป็นฉากหน้าประกอบเท่านั้น ในขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลนอมินีของ ทักษิณ ชินวัตร นั้นเป็นชาวนาที่ยากจนข้นแค้นในแถบภาคเหนือและภาตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศ ที่แสดงให้เห็นภาพว่า พวกเขาเหล่านั้นถูกยกระดับฐานะมาจากความยากจนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทักษิณ เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้นำของประเทศ และเริ่มนโยบายประชานิยมที่โด่งดังทั้งหลาย ซึ่งโครงการประชานิยมเหล่านี้ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องภายใต้รัฐบาลนอมิ นีของทักษิณทุกชุดในปี 2007, 2008 และ 20011แต่สื่อโลกตะวันตกน้อยมากที่จะพูดถึง “อภิมหาโคตรโกง” ที่ทักษิณและครอบครัวทำไว้ |
||||
ชาวต่างประเทศที่อยู่ในโลกตะวันตกกำลังถูกสื่อของพวกเขาเองโกหกครั้งแล้วครั้งเล่า และซ้ำยังถูกปิดบังข้อมูลซ้ำไปซ้ำมาและ เหตุผลหลักในการลุกขึ้นสู้ของกลุ่มกปปส.กลับลดเหลือเพียงแค่ “แบ่งแยกชนชั้นนำในเมืองหลวงออกจากชาวนาที่ยากไร้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ทั้งๆที่คนไทยทุกกลุ่มและทุกชนชั้นต่างเอือมระอากับอำนาจนิยมของทักษิณที่ ถูกซ่อนภายใต้หน้ากาก “ประชาธิปไตย” จะมีใครสามารถให้คำนิยามได้กับรัฐบาลประเทศที่มีประชากรราว 60ล้านคนและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นลำดับที่ 2 ของภูมิภาคนี้ถูกบริหาร “อย่างเปิดเผย” โดยนักโทษหนีคดีที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งอาศัยอยู่ในต่างแดน ซึ่งฝ่ายสนับสนุนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยต่างอ้างชัยชนะการเลือกตั้งใน ปี2011ซึ่งนำมาสู่ความชอบธรรมในการบริหารประเทศ แต่ความจริงแล้วพรรคเพื่อไทยของทักษิณนั้นชนะการเลือกตั้งเพียง 47.8% ของคะแนนเสียงทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่อย่างที่กล่าวอ้าง และจากความจริงที่ทักษิณได้โอ้อวดไว้ในแคมเปญจ์เลือกตั้งหาเสียงในปี 2011ที่กล่าวว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” แต่กระนั้นในวันเลือกตั้ง ทักษิณกลับไม่เคยปรากฎตัวในคูหาลงคะแนน และไม่ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากการหย่อนบัตรเลือกตั้ง แต่พรรคนอมินีของเขาได้รับชัยชนะ 47.8%แทน |
||||
แต่จากข้อเขียนของ Andre Vtlchek ในสื่อทางเลือกอิสระ CounterPunch นั้นเป็นบทความที่แย่มากที่สุดเท่าที่เคยปรากฏมา Vtlchek เป็นนักแต่งนวนิยาย ผู้สร้างภาพยนต์ และนักข่าวสืบสวน ซึ่งผลงานล่าสุดของเขาได้รับการชื่นชมจากนักวิชาการชื่อดัง และผู้มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น โนม ชอมสกี ไมเคิล ปาเรนติ และคนอื่นๆ แต่จากบทความของเขา “Down and Out in Thailand : Elites F**** Up Bangkok” ทำให้ต้องสงสัยถึงความถูกต้องของข้อมูลที่ Vtlchek มี ในวันที่ 29 มกราคม 2014 สื่อทางเลือกออนไลน์ Counterpunch.org ได้ตีพิมพ์บทความของ Andre Vtlchekภายใต้หัวข้อ “Down and Out in Thailand : Elites F**** Up Bangkok” และในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2014 Counterpunch.org ได้ลงบทความของVtlchek อีกครั้งที่ชื่อว่า “How the West Manufactures Opposition Movements” |
||||
ซึ่งคอนเนกชันของทักษิณในโลกตะวันตก กับทั้งฝ่ายหัวอนุรักษ์สมัยใหม่และหัวก้าวหน้าสมัยใหม่นั้นย้อนหลังไป ตั้งแต่ที่เขาถูกเชิญให้เข้าร่วมกับกลุ่มคาร์ไลล์ กรุ๊ป (The Carlyle Group) บริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกระดับโลกที่เน้นหนักทางด้านอุตสาหกรรมทางทหาร โดยทักษิณได้รับคำเชิญให้ร่วมนั่งในบอร์ดที่ปรึกษาพร้อมกับอดีตประธานาธิบดี สหรัฐฯ จอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ผู้พ่อ, อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เจมส์ เบเกอร์ , อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แฟรงค์ คาร์ลูซชี, อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ จอห์น เมเจอร์ และอดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ฟิเดล ลามอส และคนอื่นๆซึ่งเป็นประตูเปิดกว้างสำหรับทั้งนีโอคอนและนีโอริเบอร์รัลจะเดิน เข้าไป และหนึ่งในนักลงทุนหลักของกลุ่มคาร์ไลล์ กรุ๊ปในขณะนั้นคือตระกูลบินลาเดน จากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอาจจะช่วยอธิบายได้ว่าเหตุใดดูไบจึงอนุญาตให้ผู้นำไทยที่หลบหนีคดี สามารถใช้เป็นฐานสั่งการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ |
||||
และ Vtlchek ยังชี้ว่าสหรัฐฯ และ CIAได้เข้าครอบงำรัฐบาลทหารของไทยในสมัยสงครามเวียดนามโดยการให้ผลประโยชน์ ต่างตอบแทน รวมไปถึงการผลิตและส่งออกเฮโรอีน โดยVtlchekได้ใช้ตัวอย่าง “การจัดหาหญิงบริการ” เป็นหลักฐานชี้ถึง “สังคมศักดินาในไทย” ที่ผู้หญิงต้องกลายเป็นโสเภณีและส่งเงินกลับไปจุนเจือครอบครัว โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งก็เป็นความจริงที่ทั้งกองทัพสหรัฐฯและกองทัพไทยในสมัยนั้นได้ร่วมสร้าง ธุรกิจน้ำกามขึ้นเพื่อให้ความบันเทิงกับทหาร GI ที่รบอยู่ในเวียดนาม นอกจากนี้ธุรกิจการจัดหาหญิงบริการยังมีเชื่อมส่วนโยงไปถึงนักการเมืองของ ไทยระดับบน ตำรวจ และทหารที่ได้ผลประโยชน์ ซึ่งมันก็เหมือนกับที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และจะถือว่าสหรัฐฯเป็นสังคมศักดินาอย่างนั้นหรือ ซึ่งเพิรส์ช กล่าวว่า บางทีทั้งเขาและ Vtlchekอาจจะเห็นตรงกันว่า สหรัฐฯในขณะนี้นั้นเป็นศักดินามากกว่าประชาธิปไตยเสียอีก และที่สำคัญ Vtlchekยังให้ข้อสนับสนุนความคิดของเขาว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นหุ่นเชิดให้กับสหรัฐฯ เพราะทรงเสด็จราชสมภพในสหรัฐฯ และพระองค์ทรงถูกนำกลับเข้าประเทศเพื่อขึ้นครองราชสมบัติ เหตุเพราะชาติตะวันตกต้องการพระองค์” ซึ่งจินตนาการของ Vtlchek นั้นถือเป็นการจุดไฟความโกรธให้กับประชาชนชาวไทย และสิ่งที่อ้างขึ้นล้วนไม่เป็นความจริงทั้งสิ้นทั้งในแง่ประวัติศาสตร์หรือ ข้อเท็จจริง และแนวความคิดนี้เหมือนกับที่ออกมาจากอดีตนักข่าวรอยเตอร์ แอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชล คนทำงานให้ทักษิณสังกัดโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม |
||||
และเพิร์ส์ชยังชี้ว่า ทักษิณเป็นทั้ง “นีโอคอน” และ”นีโอลิเบอร์รัล” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีว่า ทักษิณจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ให้กับตัวเองเป็นหลัก และให้ตามคำสั่งโลกทุนนิยมตะวันตก จึงไม่น่าแปลกใจที่สหรัฐฯจะอนุญาตให้ทักษิณที่ได้หลบหนีคดีสามารเดินทางเข้า สหรัฐฯได้ 2ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้เหยียบจมูกกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยเฉพาะศาลไทย และยังไม่มีหลักฐานชี้ว่าทั้ง “นีโอคอน” และ”นีโอลิเบอร์รัล” ในรัฐบาลสหรัฐฯตัดขาดจากทักษิณ นอกจากนี้คำอ้างของ Vtlchek ที่กล่าวหาว่าสหรัฐฯอยู่เบื้องหลังการประท้วงกปปส.นั้นยังเป็นข้ออ้างที่ฟัง ไม่ขึ้นเมื่อดูจากเหตุการณ์ใน4ปีก่อนหน้านี้ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงเป็นพรรครัฐบาล รัฐบาลสหรัฐฯในสมัยโอบามาได้ร้องขอให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นฐานของกองทัพ สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญใน “ยุทธการปักหมุดเอเชีย” ที่สหรัฐฯต้องการปิดล้อมจีน แต่ทว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์กลับลังเลที่จะตอบสนอง และแผนนี้ก็ล่มไปจนกระทั่งทักษิณได้อำนาจกลับคืนผ่านน้องสาวคนเล็ก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯบารัค โอบามาได้เดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ และแผนการขอใช้สนมบินอู่ตะเภาก็เริ่มต้นปรึกษาหารืออีกครั้ง ที่สหรัฐฯต้องการสัญญาณบวกว่าไทยพร้อมสนับสนุน และร่วมการตกลงทางการค้า Trans Pacific Partnership หรือ TPP ทันที่ที่รัฐบาลไทยร่วมลงนาม ซึ่งทักษิณได้ส่งสัญญาณสนับสนุน TPPจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพื่อมุ่งกระชับอำนาจฝ่ายบริหาร-ชนชั้นนำ กำจัดพื้นที่ประชาชน และสุดท้ายข้ออ้างที่น่าตลกอย่างร้ายกาจของVtlchekต่อการประท้วงของ กลุ่มกปปสคือ การประท้วงครั้งนี้กำลังทำสงครามกับวัฒนธรรม ซึ่งเขาอ้างว่าศูนย์กลางศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติของประเทศต้องถูกปิดตัวลง ไป โดยไม่เป็นที่ต้องสงสัยว่าวัฒนธรรมกำลังตกอยู่ในอันตราย และอ้างว่าในขณะที่กลุ่มเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณที่ได้เข้ายึดพื้นที่ บริเวณราชประสงค์ ตลอดจนรวมไปถึงหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในปี 2010 หอศิลป์กรุงเทพฯ เปิดทำการตลอดในเวลานั้น แต่ความจริงแล้ว กลุ่มเสื้อแดงได้ปักหลักอยู่ห่างจากสถานที่แห่งนี้ไปมากกว่า 100 ม. และเวทีใหญ่ของพวกเขาตั้งห่างไปไกลอย่างน้อย 1กิโลเมตร ดังนั้นคำกล่าวอ้างจึงผิดจากความเป็นจริง |
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน