สร้างเงินล้านง่ายๆ...เริ่มด้วยพันบาท
โดย : สรวิศ อิ่มบำรุง
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เมื่อสังคมไทย ก้าวสู่ "สังคมผู้สูงอายุ" การวางแผนการเงินเกษียณจึงเป็นเรื่องสำคัญ ก.ล.ต.จึงผลักดัน "โครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท"ขึ้น
ปัจจุบันสังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่ "สังคมผู้สูงอายุ" เรียบร้อยแล้ว การวางแผนการเงินเพื่อก้าวเข้าสู่วัยเกษียณจึงมีความสำคัญมากขึ้น
การทำให้คนไทยได้ตระหนักเพื่อวางแผนการออมและลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายชีวิตหลังเกษียณอย่างมีคุณภาพสบายไม่ลำบากจึงเกิดขึ้น
ผ่าน "โครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท" ที่ทาง "สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)" จับมือกับพันธมิตร "17 บลจ." ผลักดันให้เกิดขึ้น
Fundamentals สัปดาห์นี้ มีเรื่องราวดีๆ ในการสร้างเงินล้านง่ายๆ มาฝากกัน
………………………
@ โครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท เกี่ยวกับเรื่องนี้ "ดร.วรพล โสคติยานุรักษ์" เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ทางสำนักงานก.ล.ต.สนับสนุนให้คนไทยมีการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่ชีวิตหลังเกษียณอย่างมั่นคงผ่าน "โครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท" ที่ให้ประชาชนลงทุนในกองทุนรวมได้ตั้งแต่ 1,000 บาท ส่งเสริมให้ลงทุนอย่างมีวินัยทำเป้าหมายชีวิตสำเร็จด้วยการออมและการลงทุน ลองคิดดูว่าหากคุณต้องการใช้เงินเดือนละ 20,000 บาท ไปอีก 20 ปี หลังเกษียณ สมมติเกษียณ 60 ปี อยู่ไปถึง 80 ปี คุณต้องมีเงินเก็บตอนเกษียณประมาณ 5 ล้านบาท จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องทำให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญในการออมและลงทุนเพื่อเป้าหมายในวัยเกษียณ จึงเป็นแนวคิดและเป็นที่มาของโครงการดังกล่าวนี้
ปัจจุบันมี 17 บลจ. ที่ร่วม "โครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท" รวม 51 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนหุ้น 27 กอง กองทุนตราสารหนี้ 8 กอง กองทุนผสม 9 กอง และกองทุนทาร์เก็ทเดทฟันด์ 7 กองทุน ที่เข้าร่วมในโครงการ อย่างไรก็ตามปัจจุบันทุกบลจ.เองก็มีโปรแกรมการออมหรือลงทุนแบบประจำสม่ำเสมอทุกบลจ.อยู่แล้ว เพียงแต่เงินลงทุนขั้นต่ำอาจจะแตกต่างกันออกไปเท่านั้นเอง
ล่าสุดทางสำนักงานก.ล.ต.ยังสนับสนุนให้ไปรษณีย์ไทย เคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-11 และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ และเทสโก้ โลตัส เป็น 3 ช่องทางรับชำระเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม (Paying Agent) ได้ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มต้นในเดือนมิ.ย.2557 นี้ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกสู่ธุรกิจตลาดทุน โดยอาศัยสาขาไปรษณีย์ไทยและโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศช่วยประชาชนทุกระดับเข้าถึงการลงทุนได้สะดวกและคล่องตัวยิ่งขึ้น
"ในระยะแรก Paying Agent จะให้บริการแก่ผู้ที่เปิดบัญชีกับบลจ.วรรณก่อนเพียงแห่งเดียวก่อนพันธมิตรของ Paying Agent และส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงกองทุนรวมใน “โครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท” โดยสามารถชำระเงินค่าหน่วยลงทุนกับ Paying Agent ได้ทั่วประเทศก่อน 16.00 น. โดยในช่วงแรกนี้นับจนถึงสิ้นปี 2557 ผู้ใช้บริการจะไม่เสียค่าธรรมเนียมในการใช้บริการแต่ประการใด"
@ ลงทุนเดือนละพันสร้างเงินล้านได้ โดย "ดร.ดวงมน จึงเสถียรทรัพย์" ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. บอกว่า "โครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท" เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเหมือนเป็นก้าวแรกให้กับผู้ลงทุนทั่วไปเท่านั้นเพื่อให้ตระหนักว่าการจะสร้างเงินล้านบาทจริงๆ ไม่ยากใครก็ทำได้เริ่มต้นง่ายๆ เพียงออมเดือนละ 1,000 บาท เท่านั้น ไม่ยาก แต่เป้าหมายจริงที่ต้องการอาจจะมากกว่า 1 ล้านบาท ก็ได้ แต่นี่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น มาดูตัวอย่าง สมมติคุณออมเงินทุกเดือนๆ ละ 1,000 บาท สมมติได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 5% ถ้าเริ่มต้นลงทุนอายุ 25 ปี ใช้เวลาลงทุน 35 ปี ตอนอายุ 60 ปี คุณจะมีเงิน 1.08 ล้านบาท
แต่ถ้าคุณออมเพิ่มเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย สมมติให้เงินเดือนขึ้นปีละ 5% และออมเพิ่มอีกเดือนละ 1% เริ่มต้นลงทุนอายุ 25 ปี คุณจะใช้เวลาเพียง 19 ปี ตอนอายุ 44 ปี คุณจะมีเงิน 1.04 ล้านบาท แล้ว จะเห็นว่าการสร้างเงิน 1 ล้านบาท ไม่ยากอย่างที่คิดเริ่มต้นออมแค่เดือนละ 1,000 บาท ก็สามารถทำได้
"ประเด็นสำคัญคือ ออมก่อนจะใช้เงินน้อยกว่า ในการสร้างเงิน 1 ล้านบาท ตอนอายุ 60 ปี สมมติผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ย 5% ต่อปี ถ้าคุณเริ่มต้นลงทุนตอนอายุ 25 ปี จะใช้เงินลงทุนต่อเดือนเพียง 880 บาท เท่านั้น แต่ถ้าเริ่มลงทุนตอนอายุ 45 ปี จะต้องออมถึงเดือนละ 3,741 บาท สรุป คือ ถ้าลงทุนตอนอายุ 25 ปี จะใช้เงินลงทุนทั้งหมดเพียง 369,600 บาท แต่ถ้าเริ่มต้นลงทุนตอนอายุ 45 ปี จะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 673,380 บาท"
@ ผลตอบแทนต่าง-เงินเติบโตต่างกันนอกจากนี้ "ผลตอบแทน" ที่ต่างกันก็ทำให้เงินเติบโตต่างกันไปด้วย จากตัวอย่างเดิม สมมติออมเงินเดือนละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 35 ปี หากได้ผลตอบแทน 2% ต่อปี เงินจะโตเป็น 6 แสนบาท แต่ถ้าผลตอบแทน 5% ต่อปี เงินจะเพิ่มเป็น 1.08 ล้านบาท ที่ผลตอบแทน 8% ต่อปี เงินจะเพิ่มเป็น 2.2 ล้านบาท และที่ผลตอบแทน 10% ต่อปี เงินจะเพิ่มเป็น 3.4 ล้านบาท ดังนั้นเงินอยู่ต่างที่ก็มีค่าต่างกันขึ้นกับผลตอบแทนที่แตกต่างกันของเงินลงทุนนั่นเอง
ถ้าเก็บเงิน 1,000 บาท เป็นเวลา 20 ปี ที่อัตราเงินเฟ้อ 3% ต่อปี ไว้ในตุ่มที่บ้านผ่านไป 20 ปี เงิน 1,000 บาท จะมีค่าเหลืออยู่ 544 บาท แต่ถ้านำไปฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ย 1% ต่อปี ผ่านไป 20 ปี เงินจะมีค่าเหลือ 668 บาท เพราะผลตอบแทนโตไม่ทันเงินเฟ้อ แต่หากนำไปลงทุนในกองทุนรวมได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี ผ่านไป 20 ปี เงินจะมีค่าเพิ่มขึ้นเป็น 1,486 บาท
"ปัจจุบันโอกาสการลงทุนมีมากขึ้นผ่านเครื่องมืออย่างกองทุนรวมซึ่งมีให้เลือกเป็นจำนวนมาก หกนักลงทุนใช้ให้เป็นประโยชน์ก็สามารถช่วยตอบโจทย์ในเรื่องการออมและการลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญอย่างกลัวความเสี่ยงจนเกินไป บางคนกลัวการไปลงทุนหุ้นว่ามีความเสี่ยงแต่ไปมองแค่ความเสี่ยงเรื่องกำไรขาดทุน จนลืมไปว่ายังมีความเสี่ยงเรื่องของเงินเฟ้ออยู่ด้วย ฝากเงินไม่เสี่ยงในปัจจุบันแต่ผลตอบแทนน้อยเงินโตไม่ทันเงินเฟ้อก็เป็นความเสี่ยงเช่นกัน"
@ ลงทุนหุ้นผลตอบแทน 8% เป็นจริงได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ "ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ บอกว่า การออมอย่างสม่ำเสมอโดยใช้เงินลงทุนที่เท่าๆ กันในแต่ละงวด (Dollar Cost Averaging : DCA) นั้น จะทำให้นักลงทุนได้ "ต้นทุนถัวเฉลี่ยที่ต่ำกว่า" เมื่อเทียบกับการลงทุนตามจังหวะเวลาที่คาดการณ์และยังสามารถหลบเลี่ยงการลงทุนตามจังหวะเวลาที่ไม่เหมาะสมได้อีกด้วย โดยผ่านการลงทุนที่สม่ำเสมอเป็นประจำในระยะยาวนั่นเอง จะเห็นว่าปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้เร็วขึ้นนั่นคือเรื่องของ "ผลตอบแทน" ปัจจุบันคนไทยยังมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่มากนักซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะถือเป็นแหล่งการลงทุนในระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าโดยเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น เช่น ตราสารหนี้ หรือเงินฝากจริงๆ ทั้งนี้การลงทุนระยะยาวในหุ้นโดยคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 8.0% ต่อปี ในระยะยาวเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แม้ว่าในระหว่างทางอาจจะมีความผันผวนบ้างก็ตาม
ข้อมูลตลาดหุ้นไทยตั้งแต่เปิดมาประมาณ 39 ปี แล้วนั้น ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12% ต่อปี แต่ไม่ต้องเอามากระดับนั้นผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นระยะยาวในระดับเฉลี่ย 8% ต่อปี เป็นไปได้จริงๆ มาดูตัวอย่างผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา บ้าง ให้คุณโชคร้ายไปซื้อหุ้นช่วงดัชนี 1,600 จุด ซื้อตอนเกือบสูงสุดเลยก่อนดัชนีจะร่วงลงไป 200 จุด ผ่านมา 20 ปี เจอไปหลายวิกฤติแต่ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.19% ต่อปี แต่ถ้าลงทุนในหุ้นปูนซีเมนต์ไทยในช่วงเวลาเดียวกันจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11.20% ต่อปี
"ดังนั้นผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี กับการลงทุนระยะยาวในหุ้นเป็นไปได้แน่นอน จากตัวอย่างข้างต้นถ้าออมเดือนละ 1,000 บาท และสามารถเพิ่มผลตอบแทนเป็น 8% ต่อปี ระยะเวลาลงทุน 35 ปี คุณจะมีเงินเพิ่มขึ้นเป็น 2.16 ล้านบาท เลยทีเดียว"
หวังว่า "โครงการสานฝันเริ่มด้วยพันบาท" น่าจะช่วยให้นักลงทุนได้เข้าใจในแนวคิดและมีเครื่องมือที่พร้อมจะช่วยให้คุณสามารถสานฝันสร้างเงินล้านได้ด้วยมือคุณเองได้เป็นอย่างดี
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน