กำไรของฟิวเจอร์ส

โดย : รศ.ดร.อาณัติ ลีมัคเดช

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ฟิวเจอร์สเป็นที่สนใจของนักลงทุนประเภทเก็งกำไร เนื่องจากช่วยทวีอัตราผลตอบแทนหากเก็งถูกทาง แต่ถ้าเก็งพลาดก็เสียหายย่อยยับ

เป็นไปตามหลัก High Risk High Return ของตลาดเงิน

ยกตัวอย่างสัญญาฟิวเจอร์สทองคำ 10 บาท ซึ่งขณะที่เขียนบทความนี้มีราคาซื้อขายของสัญญาที่จะส่งมอบปลายเดือนมิถุนายน 19,590 บาทต่อ 1 บาททองคำ หากนักลงทุนเก็งว่าราคาน่าจะไปถึง 20,000 บาท เขามีทางเลือกลงทุน 2 ทาง

ทางเลือกหนึ่ง ซื้อทองคำจากร้านทองมาเก็บไว้ ซึ่งราคาทองแท่งอยู่ที่ 19,482 บาท ดังนั้นถ้าจะซื้อทอง 10 บาท ต้องใช้เงินลงทุน 194,820 บาท หากราคาทองขึ้นถึง 20,000 บาทจริงในปลายเดือนมิถุนายน จะได้รับกำไร 5,180 บาท หรือคิดเป็น 2.65% ต่อการลงทุน 1 เดือน ซึ่งก็ถือว่าไม่เลว

ทางเลือกที่สอง ทำสัญญาจะซื้อทอง 10 บาทในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งตลาดจะให้เราวางเงินประกันครั้งแรกหรือ Initial Margin 8,360 บาทต่อ 1 สัญญา (ทอง 10 บาท) และกำหนด Maintenance Margin ที่ 5,852 บาทต่อสัญญา การคำนวณกำไรหรือขาดทุนของฟิวเจอร์สล่วงหน้าจะยาก ต่อให้เรารู้ว่าปลายเดือนมิถุนายนราคาทองจะอยู่ที่ 20,000 บาทก็ตาม เนื่องจากกลไก Mark-to-the-Market จะทำงานทุกสิ้นวัน แต่เพื่อให้เห็นภาพ สมมติว่าราคาฟิวเจอร์คงที่และปรับเข้าสู่ 20,000 บาทในวันสุดท้าย ในกรณีนี้เราจะได้กำไร (20,000-19,590) บวกเงินประกันคืน 5,852 รวมเป็น 6,262 หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 107% ต่อเดือน โดยมองว่าเงิน Initial Margin คือเงินลงทุน

ผู้อ่านอาจจะแย้งว่าการที่ผมไปสมมติให้ราคาฟิวเจอร์สคงที่แล้วขยับพรวดเดียววันสุดท้ายเป็นข้อสมมติที่เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อขายฟิวเจอร์สสามารถใช้กลยุทธ์ Tailing โดยค่อยๆ ปรับขนาดสัญญาฟิวเจอร์สไปเรื่อยๆ กลยุทธ์นี้ชี้ว่าในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ สถานการณ์ที่ผมสมมติขึ้นมาพร้อมใช้กลยุทธ์ Tailing ประกอบจะล็อกกำไรที่ 107% ต่อเดือนได้จริง หากราคาทองขึ้นไปอยู่ที่ 20,000 บาท

ด้วยเหตุนี้จึงมีนักเก็งกำไรจำนวนมากเข้าสู่ตลาดฟิวเจอร์ส จนเกิดการตั้งคำถามว่าการซื้อขายในตลาดฟิวเจอร์สเพื่อเก็งกำไรกันมากๆ นี้จะเป็นเหตุให้ราคาในตลาดปั่นป่วนหรือไม่ อาทิตย์หน้าผมจะมาเล่าต่อ

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน