จากประชาชาติธุรกิจ
อธิบดีกรมสรรพากรรอชงปรับปรุงภาษี "คณะบุคคล" อีกครั้ง หลังเสนอรัฐบาลก่อนผ่าน ครม.แล้ว แต่ตกไปหลัง "ยุบสภา" เชื่อแก้ได้เร็ว ยอมรับยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอจาก สศค.ให้ลดภาษีนิติบุคคลสำหรับเอสเอ็มอี
นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรมสรรพากรจะปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของคณะบุคคล โดยจะใส่ไว้ในแผนการปรับปรุงกฎหมายของกรมสรรพากร ซึ่งแม้ว่าไม่ได้อยู่ในแผนเร่งด่วน แต่จะดำเนินการในไม่ช้านี้ ส่วนการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกหรือไม่นั้นเป็นแผนในอนาคต ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน
ขณะที่การปรับลดภาษีของผู้ประกอบธุรกิจขนาด กลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีกำไรสุทธิต่ำกว่า 3 ล้านบาท จากปัจจุบันที่จัดเก็บ 20% เท่ากับนิติบุคคลรายใหญ่นั้น นายสุทธิชัยกล่าวว่า เป็นข้อเสนอจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งต้องหารือร่วมกันอีกครั้งว่าสิ่งที่เสนอมาจะมีผลกระทบอย่างไรต่อ นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา อย่างไรก็ดี มองว่าอัตราที่จัดเก็บอยู่ปัจจุบันถือว่าเอสเอ็มอีได้ประโยชน์ และทางกรมสรรพากรมองว่ามีความเหมาะสม
เช่นเดียวกับการทบทวนสิทธิ ประโยชน์ทางภาษีในการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กรมสรรพากรกับ สศค.เห็นตรงกันว่า ควรต้องทบทวน โดยต้องหันไปส่งเสริมด้านนวัตกรรมและประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการ เข้ามาลงทุนของต่างชาตมากขึ้น ในแง่การถ่ายทอดองค์ความรู้
นายสุทธิ ชัยกล่าวด้วยว่า นอกจากภาครัฐจะปฏิรูประบบภาษีแล้ว ภาคเอกชนต้องปฏิรูปด้วย เช่น การทำบัญชีงบการเงินหลายชุดของหลาย ๆ บริษัทในปัจจุบัน ควรเลิกให้เหลือเพียงบัญชีเดียว เพราะภาครัฐได้ลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 20% ถือว่าต่ำแล้วเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน ยกเว้นสิงคโปร์
"ผมคิดว่าประเทศจะปฏิรูปก็ต้องปฏิรูปทั้งหมด ภาคราชการ ภาคการเมืองปฏิรูปแล้ว ภาคเอกชนก็ต้องปฏิรูปด้วยเหมือนกัน ทำฟากใดฟากหนึ่งอย่างเดียวคงไม่พอ อย่างการทำบัญชี ถ้าเหลือบัญชีเดียวได้ทุกอย่างโปร่งใส ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะหมด ก็จะทำให้จีดีพีประเทศเป็นจีดีพีที่แท้จริงได้ เพราะทุกวันนี้มันไม่ใช่ตัวเลขที่ชัดเจน" นายสุทธิชัยกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงรัฐบาลก่อน กรมสรรพากรได้เสนอปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราภาษีเงินได้ของห้างหุ้นส่วน สามัญและคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ใน 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1) กำหนด
คำนิยามของ "คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล" โดยให้หมายความว่า "บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปตกลงกระทำการที่มีเงินได้พึงประเมินร่วมกันอันมิ ใช่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ"
2) กำหนดให้ห้างหุ้นส่วนสามัญเสียภาษีจากเงินได้สุทธิในอัตรา 20% โดยให้หักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรเท่านั้น
3) กำหนดให้คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลเสียภาษีจากเงินได้พึงประเมินในอัตรา 20% โดยไม่ให้หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
และ 4) กำหนดให้ห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลสามารถเลือกเสียภาษีสำหรับเงินได้จาก การขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก หรือได้รับโดยเสน่หา หรือได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไรแยกต่างหากจากเงินได้อื่น โดยให้คำนวณภาษีตามอัตราภาษีก้าวหน้าสำหรับบุคคลธรรมดา แล้วไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีปลายปีอีก โดยกรมสรรพากรคาดว่าการปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะทำให้มีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้น ปีละประมาณ 2 พันล้านบาท
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน