Wait & See สูตรลงทุน 'ปตท.สผ.'
โดย : ชาลินี กุลแพทย์
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ตั้งแต่ราคาน้ำมันตกต่ำ ปตท.สผ.จำต้องรื้อแผนลงทุน 5 ปี 'เพ็ญจันทร์ จริเกษม'มือการเงินจ่อเกษียณสิ้นปีนี้ น้ำมันผันผวนทำโมเดลลงทุน คลาดเคลื่อน
'ได้เวลาผลัดใบ' บมจ.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP หลังสิ้นปี 2558 ผู้บริหารระดับ 'รองกรรมการผู้จัดการใหญ่' ของ ปตท.สผ.เข้าแถวรอเกษียณอายุมากถึง 3 คน 1 ในนั้น คือ 'ช้าง-เพ็ญจันทร์ จริเกษม' รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี ที่นั่งทำงานภายใต้ร่มเงาของปตท.มานาน 30 ปี หลังโดดเข้าไปชิมลางงานในธนาคารมหานครมา 6 ปี ทันทีที่เรียนจบปริญญาตรี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ขณะเดียวกัน บมจ.ปตท หรือ PTT ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ปตท.สผ.สัดส่วนการถือหุ้น 65.29% (ตัวเลข ณ วันที่ 13 ก.พ.2558) อยู่ระหว่างสรรหา 'แม่ทัพคนใหม่' ของปตท.สผ.หลัง 'เทวินทร์ วงศ์วานิช' ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ.ได้รับคัดเลือกให้เข้านั่งตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.แทน 'ไพรินทร์ ชูโชติถาวร' ที่กำลังจะหมดวาระ ในวันที่ 9 ก.ย.นี้
สำหรับ 'โจทย์ใหญ่ที่รอพิสูจน์ฝีมือนายคนใหม่' คงหนีไม่พ้นเรื่องสำคัญอย่างการปรับแผนลงทุน 5 ปีข้างหน้า (2559-2563) เพื่อรองรับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่หักหัวลงอย่าง รวดเร็ว จาก 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 มาอยู่ระดับ 74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2557 ถือเป็นการปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 55.5-59.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หลังประเทศสหรัฐอเมริกาผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานเพิ่มขึ้น ขณะที่ตัวเลขทาง เศรษฐกิจของประเทศจีน ยุโรป และญี่ปุ่น เติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ นอกจากนั้นราคาน้ำมันยัง ได้รับแรงกดดันจากการที่กลุ่มโอเปกไม่ลดกำลังการผลิต เพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมัน ส่งผลให้เกิด ความกังวลในปัญหาอุปทานล้นตลาด
'เพ็ญจันทร์ จริเกษม' มือการเงินวัย 60 ปี พร้อมทีมงานนักลงทุนสัมพันธ์ เปิดห้องประชุมเล่ากลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2558 ก่อนอำลาตำแหน่ง CFO ให้ 'กรุงเทพธุรกิจ Biz Week' ฟังว่า ตั้งแต่ราคาน้ำมันหักหัวลงจากหลักร้อยเหรียญต่อบาร์เรล ทำให้เรา ประเมินว่า ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2558-2560) ราคาน้ำมันดิบดูไบอาจยืนระดับ 55-60-80 เหรียญต่อบาร์เรล ตามลำดับ
'วันนี้โลกเปลี่ยนเร็ว ฉะนั้นความต้องการใช้ และการผลิต อาจเปลี่ยนไปเช่นกัน ดังนั้นอะไรที่เคยคาดการณ์ไว้ในวันนี้ ย่อมมีโอกาสขยับขึ้นและลงได้เสมอ'
เมื่อสถานการณ์น้ำมันเป็นเช่นนี้ ปตท.สผ.ยอมรับว่า กำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงแผนลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2559-2562) คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนม.ค.2559 แต่เดิมเราตั้งใจจะใช้รายจ่ายงบลงทุน หรือ capital expenditure ประมาณ 1.6 หมื่นล้านเหรียญ เฉลี่ยปีละ 3 พันล้านเหรียญ แต่เมื่อราคาน้ำมันตกต่ำ บริษัทจึงตัดสินใจลดรายจ่ายของปี 2558 เหลือเพียง 2.5 พันล้านเหรียญ หรือลดลงประมาณ 15% ถือเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ราคาน้ำมันขาลง
สำหรับงานที่จำเป็นต้องขยับการลงทุนออกไปจากปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการสำรวจ โดยเฉพาะการลงทุนหรือร่วมลงทุนสำรวจโครงการยากๆ ที่อยู่ไกลๆ เช่น โครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ประเทศแคนาดา เป็นต้น ส่วนโครงการที่ยังคงเดินหน้าสำรวจและผลิตในปีนี้ คือ โครงการในอ่าวไทย โครงการซอติก้า ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งทะเล อ่าวเมาะตะมะ ประเทศพม่า และแหล่งมอนทารา เป็นต้น
โดยโครงการซอติก้า ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการร่วมทุน 80% ถือเป็นพระเอกของปตท.สผ.หลังเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ได้เริ่มส่งก๊าซธรรมชาติให้กับทางหน่วยงานรัฐบาลที่กำกับดูแลกิจการการสำรวจ และผลิตปิโตรเลียมของพม่า เพื่อใช้ภายในประเทศพม่า ขณะเดียวกันยังได้เริ่มส่งก๊าซธรรมชาติให้ปตท.เพื่อใช้ภายในเมืองไทย เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
เธอ บอกว่า บริษัทตั้งใจว่า ปีนี้จะมีปริมาณการขายปิโตรเลียมประมาณ 3.3 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเติบโตประมาณ 3% บวกลบ เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีการผลิต 3.21 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
โดยวอลุ่มการผลิตส่วนใหญ่จะมาจากอ่าวไทย 70-80% ที่เหลือจะมาจากโครงการในประเทศพม่า เช่น โครงการซอติก้า,โครงการยาดานา,โครงการเยตากุน นอกจากนั้นยังมาจากโครงการขนาดเล็ก เช่น โครงการออสเตรเลีย,โครงการโอมาน และโครงการเวียดนนาม เป็นต้น ซึ่งโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย ประเทศออสเตรเลีย มีปริมาณการผลิตเฉลี่ย 2.1 หมื่นบาร์เรลต่อวัน
หลายคนสงสัย ราคาน้ำมันขาลงเช่นนี้ เหตุใดปริมาณการขายของปตท.สผ.ยังคงเติบโตสาเหตุหลักเป็นเพราะปีก่อนยอดการ ผลิตของโครงการซอติก้าเข้ามาไม่เต็มปี แต่ปีนี้เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต ซึ่งโครงการดังกล่าวมีปริมาณการซื้อขายก๊าซธรรมชาติรวม 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ขณะเดียวกันเมื่อเดือนเม.ย.2557 บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการคอนแทร็ค 4 นั่นคือ แหล่งสินภูฮ่อม และแหล่งไพลิน จาก 20% เป็น 55% และจาก 45% เป็น 60% ตามลำดับ ส่งผลให้ปีนี้เรารับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นแหล่งเบอร์ ซาบ้า ในโครงการแอลจีเรีย 433 เอ และ 416 บี อาจเริ่มการผลิตได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถผลิตได้ประมาณ 2 หมื่นบาร์เรลต่อวัน แต่เราถือหุ้นอยู่ 35% ฉะนั้นจะได้วอลุ่มกลับเข้ามาประมาณ 7 พันบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดีเนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของการผลิต ดังนั้นการผลิตอาจดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในปีหน้า
'ตอนนี้สัดส่วนการลงทุนของบริษัทยังคงเน้นหนักในประเทศไทย,พม่า และเวียดนาม ส่วนต่างประเทศจะเป็นการลงทุนรองลงมา ซึ่งจำนวนเงินลงทุนยังคงเท่าเดิม แต่หลังจากพิจารณาโมเดลการลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2559 แล้วเสร็จ รูปแบบอาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ราคาน้ำมัน'
'หญิงเก่ง' ยอมรับว่า ในช่วงที่ราคาน้ำมันดีๆ เราตั้งท่าจะลงทุนหรือร่วมลงทุนเต็มที่ใน หลายๆโครงการ ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในพอร์ตประมาณ 40-50 โครงการ แต่เมื่อราคาน้ำมันลดลง ทำให้ต้องกลับมาตั้งหลักใหม่ว่า ลงทุนแล้วคุ้มค่าหรือไม่
วันนี้คงยังบอกไม่ได้ว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเห็นบริษัทเข้าไปลงทุนในโครงการใดเป็นตัวต่อไป บอกได้เพียงว่า เรามีความพร้อมทั้งเรื่องเงินทุนและบุคลากร ปัจจุบันเรามีกระแสเงินสดอยู่ในมือมากกว่า 3 พันล้านเหรียญ ฉะนั้นทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงที่เหลือ
นอกจากนั้นบริษัทยังสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้มากถึง 2 พันล้านเหรียญ และยังสามารถออกหุ้นกู้ เพื่อนำเงินมาลงทุนได้อีกด้วย โดยภายในปีนี้มีหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระคืนประมาณ 750 ล้านหรียญ
'ปัจจุบันเรามีโครงการทั้งหมด 42 โครงการ แต่ดำเนินการผลิตแล้วประมาณ 23 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในประเทศ 15 โครงการ ที่เหลือเป็นโครงการในต่างประเทศ ส่วนปีหน้าจะมีโครงการที่ดำเนินการผลิตแล้วเพิ่มเติมอีก 1 โครงการ คือ โครงการแอลจีเรีย'
'เพ็ญจันทร์' บอกว่า ดอกเบี้ยที่ไม่สูงในตอนนี้ ถือเป็นจังหวะดีในการระดมเงินทุน ขณะเดียวกันราคาน้ำมันขาลงก็ถือเป็นช่วงดีในการซื้อของถูก แต่ขาลงของน้ำมันก็ถือเป็นจังหวะ ไม่ดีของผู้ขาย ฉะนั้นหากเขาสายป่านยาวคงไม่ยอมปล่อยของออกมาง่ายๆ สถานการณ์เช่นนี้บ้างครั้งไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
จากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ เช่นนี้ ทำให้ธุรกิจเชลล์ก๊าซ เชลล์ออยล์ ขนาดเล็กระดับร้อยล้านเหรียญในประเทศสหรัฐอเมริกา เลหลังขายธุรกิจกันเป็นแถว แม้หลายรายจะขายกิจการในราคาถูก แต่เนื่องจากเราต้องการธุรกิจไซด์หลักพันล้านเหรียญไม่ใช่หลักร้อย ทำให้ยังไม่สนใจลงทุน ที่สำคัญหากเราจะร่วมลงทุนในกิจการใด เพื่อนใหม่ต้องมีเคมีที่สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี เช่น ต้องมีเครดิตที่ดี เป็นต้น
ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีต้องอยู่ในระดับเท่าใด? 'มือการเงิน' ตอบคำถามนี้ว่า ตามแผนการลงทุนโครงการในประเทศที่เรามีความรู้จักเป็นอย่างดี ผลตอบแทนต้องอยู่ระดับ 10% ได้เท่านี้ก็แสนสุขใจ (หัวเราะ)
ส่วนโครงการต่างประเทศผลตอบแทนที่ดีควรอยู่เฉลี่ย 10-11% ยกเว้นประเทศพม่า และโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูง อย่างแหล่งมอนทารา ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลียที่เกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล ทำให้จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนอัดกลับเข้าไปใหม่ เพื่อ เรียกชื่อเสียงกลับคืนมา
ทั้งนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาฉะนั้นเราต้องอย่ามองราคาน้ำมันในแง่ดีเกินไป และอย่าคิดว่าจะสามารถดูแลจัดการค่าใช้จ่าย ได้ดีกว่าเพื่อน ซึ่งในแต่ละปีบริษัทมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1.8 พันล้านเหรียญ โดยปีนี้จะพยายามลดค่าใช้ประมาณ 14%
ที่ผ่านมาปตท.สผ.ดูแลเรื่องการ บริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเสี่ยงของเราส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการควบคุม ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน หรืออัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากเรา รายงานงบการเงินเป็นเงินเหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เป็นต้น
เมื่อถามว่า บริษัทวางแผนแก้ไขเรื่องราคาน้ำมันผันผวนอย่างไร ที่ผ่านมาเราได้ทำ อนุพันธ์ประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน เพื่อลดความผันผวนของราคา ถือว่าช่วยได้ระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันบริษัทยังเน้นขายก๊าซธรรมชาติมากกว่าน้ำมันในสัดส่วน 70:30 เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับเปลี่ยนตามสัญญาซื้อขายทุก 3 เดือน ถึง 1 ปี ไม่เหมือนราคาน้ำมันที่ขึ้น ลงตามราคาตลาดโลก
ภารกิจที่อยากส่งต่อให้ผู้นำองค์กรและมือการเงินคนใหม่ช่วยดำเนินการต่อ คือเรื่องใด? เธอตอบคำถามนี้ว่า แม้วิธีการทำงานของผู้บริหารแต่ละคนจะไม่คล้ายคลึงกัน แต่เชื่อว่า นายคนใหม่ย่อมมีจุดหมายเดียวกัน นั่นคือ บริหารองค์กรให้เติบโต และอยู่อย่างยั่งยืน
ทุกวันนี้ราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวลดลงอย่างมาก จากราคาน้ำมันตกต่ำ แม้ที่ผ่านมาเรา จะจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ แต่นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างชาติ โดยเฉพาะ ประเภทเฮดจ์ฟันด์ยังคงขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาน้ำมันดิ่ง
ล่าสุดสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนสถาบันลดลงแล้วประมาณ 3-4% ปัจจุบันถือหุ้น PTTEP เพียง 20% สวนทางกับนักลงทุนรายย่อยที่เก็บหุ้นเราเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ซึ่งเรื่องนี้อาจต้องให้นายคนใหม่ช่วยดูแล
เธอ ทิ้งท้ายว่า ในช่วงที่ราคาน้ำมันสูงๆ เราเคยมีอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 20% แต่เมื่อราคาน้ำมันลดลง อัตรากำไรสุทธิหดตัวเหลือเพียง 8% ฉะนั้นเราจึงต้องหันมาใส่ใจเรื่องการลดต้นทุน เพื่อเพิ่มอัตรากำไรสุทธิให้มากขึ้น
อย่าถามเลยว่า อยากเห็นตัวเลขแตะระดับเท่าไร เรื่องนี้ตอบยาก เพราะหลายสิ่งอยู่เหนือการควบคุม แต่ไม่ว่าตัวเลขทางการเงินหลายตัวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หุ้นกลุ่มน้ำมัน ยังคงเป็นหุ้นที่นักลงทุนนิยมเก็บไว้ในพอร์ตเฉลี่ย 3-4%
'ปีก่อนมีนักลงทุนแนะนำให้เราแตกพาร์ จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 1 บาท แต่เนื่องจากบริษัทยังไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ เพราะสภาพคล่องของหุ้น PTTEP ในแต่ละวันอยู่สูงถึง 600-700 ล้านบาท แต่นักลงทุนบางรายมองว่า ราคาหุ้นสูงเกินไป ฉะนั้นเราคงต้องเก็บเรื่องนี้ไว้พิจารณาต่อไป'
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน