จปร.เทิดพระเกียรติสูงสุด สมเด็จพระเทพฯ ทรงเกษียณอายุราชการ
จาก โพสต์ทูเดย์
จปร.จัดพิธีเทิดพระเกียรติ "สมเด็จพระเทพฯ" ทรงเกษียณอายุราชการ พระราชทานพระราโชวาท ปลื้มปิติใจที่ได้เห็นลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีเทิดเกียรติและอำลาชีวิตราชการทหารของนายทหารชั้นนายพลปี 2558 จำนวน 332 นาย ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.)
ทั้งนี้ได้มีการสวนสนาม 11 กองพัน ของ นักเรียนนายร้อยจปร. และ กองพลทหารราบที่2 รักษาพระองค์ ร.21 รอ.และ ร.31รอ. และ กองพันทหารม้า สวนสนาม และม้าอากาศ เฮลิคอปเตอร์ 12 ลำ และ เครื่องบินปล่อยควันสีธงชาติ และสีม่วง สีประจำพระองค์
พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระราชทานพระราโชวาทแก่ผู้ร่วมพิธีว่า "ขอขอบใจท่านทั้งหลาย ในวาระที่จะเกษียณอายุราชการ ความปรารถนาดีของท่านทั้งหลายที่แสดงต่อข้าพเจ้ามีคุณค่าสูงส่ง ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจและจะจำไว้ไม่ลืมเลือน
"การที่ข้าพเจ้าเข้ามารับราชการ เป็นอาจารย์ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เกิดจากความมีใจรักที่จะเพิ่มพูนความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้บุคคลอื่น และปรารถนาจะสร้างสรรค์สิ่งอันเป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในฐานะที่เป็นพลเมืองไทยคนหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนในการพัฒนา สติปัญญา และวิสัยทัศน์ให้กับนักเรียนนายร้อย ผู้ที่จะเป็นอนาคตของกองทัพบกและชาติบ้านเมืองต่อไป"
"ซึ่งหมายถึงการได้ร่วมสร้างความเข้มแข็ง ให้แก่กองทัพบก สถาบันอันเป็นเสาหลักด้านความมั่นคงของชาติ ที่มีภาระหน้าที่อันสำคัญในการสร้างเสริมความมั่นคง ปลอดภัยของชาติและความสงบสุขของสังคม"
"นับตั้งแต่ข้าพเจ้ารับราชการจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าปลื้มปิติใจที่ได้เห็นลูกศิษย์แต่ละรุ่น เจริญเติบโตและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมในฐานะที่เป็นทหารและประชาชนชาวไทย จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้บรรลุผลและขอให้ช่วยผดุงเกียรติของสถานศึกษาแห่งนี้และรักษาเกียรติของตนไว้ให้มั่นคง ทั้งมีความสำนึกในคุณแผ่นดิน สุจริตใจ ปฏิบัติภารกิจน้อยใหญ่ให้ผสานสอดคล้อง เกื้อกูลกัน โดยยึดถือเอกราช อธิปไตย ของชาติ และประโยชน์สุขอันยั่งยืนของประชาชนเป็นจุดหมายสูงสุด ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้อวยพรให้ทุกท่านที่มาร่วมพิธีมีแต่ความสวัสดี เจริญด้วยจตุรพิธพรชัยโดยทั่วกัน"
ทั้งนี้หลังสวนสนาม ทหารทั้งหมด ร่วมร้องเพลง "พระเทพแห่งไทย" ถวายเสียงดังกึกก้อง และกล่าวถวายพระพร "ทรงพระเจริญ"
เมื่อเสร็จสิ้นพิธี พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งกลับอาคารที่ประทับ ก่อนที่จะเสด็จประทับที่โต๊ะเสวย ทรงเสวยร่วมกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และทอดพระเนตรการบรรเลงเพลงจากวงดุริยางค์และการแสดงต่างๆ จนถึงเวลา 12.00 จึงเสด็จฯกลับ
เทิดพระเกียรติสูงสุด'สมเด็จพระเทพ' ทบ.จัดพิธีสวนสนามยิ่งใหญ่
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
กองทัพบกจัดพิธีสวนสนามยิ่งใหญ่ เทิดพระเกียรติสูงสุด "พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพฯ" รำลึกพระมหากรุณาธิคุณ 35ปีทรงรับราชการทหาร
"ทูลกระหม่อมอาจารย์" ซึ้งใจ เผยรับราชการเป็นอาจารย์เพราะใจรัก ภูมิใจมีส่วนสร้างความเข้มแข็งกองทัพ เสาหลักความมั่นคงชาติ ปลื้มปิติเห็น "ลูกศิษย์" เจริญก้าวหน้า ขณะที่กำลังพลสวนสนามร่วมร้องเพลง "พระเทพแห่งไทย" ดังกึกก้อง
เมื่อวันที่ 29 กันยายน เวลา 09.00 น.ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเทิดเกียรติและอำลาชีวิตราชการทหารของนายทหารชั้นนายพล ปี 2558 จำนวน 332 นาย โดยทรงวางพานพุ่มและจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว( ร.5) ณ ศาลาวงกลม โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตลอดจนคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เข้าเฝ้ารับเสด็จ
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนิน เข้าห้องประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ทอดพระเนตร การฉายสไลด์มัลติวิชั่น พระราชประวัติ และผลพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติตั้งแต่ทรงเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2523 เป็นอาจารย์ประจำกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยในช่วงแรก ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทย สังคมวิทยา พร้อมปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในงานบริหาร งานการสอน และงานวิชาการอื่นๆ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะ “ทูลกระหม่อมอาจารย์” ของนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี ทรงทุ่มเทเวลาให้กับการทรงงานอย่างจริงจัง ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะฝึกให้นักเรียนนายร้อยรู้จักคิด รู้จักตัวเอง คือ ให้รู้ว่าเราเป็นใคร มาจากที่ใด และกำลังจะไปทางไหน ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสอนที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครั้งสุดท้าย ในรายวิชาไทยศึกษา ให้กับนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 2 เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา
จากนั้น นักเรียนนายร้อย ได้กล่าวถวายอาเศียรวาทราชสดุดี ผู้แทนลูกศิษย์ ตั้งแต่นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 18 จนถึงปัจจุบัน ถวายราชสดุดี ตามด้วยการกล่าวคำถวายราชสดุดีของผู้บัญชาการทหารบก ว่า การปฏิบัติพระราชกรณียกิจในราชการตั้งแต่ปี 2523 ตราบจนเกษียณอายุราชการนั้น ทรงเป็นต้นแบบของแม่พิมพ์อันประเสริฐที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้กับศิษย์ ที่นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตและการประกอบวิชาชีพแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังให้เกิดความรู้และเข้าใจในประวัติศาสตร์ความเป็นชาติ อันจะนำไปสู่ความรับผิดชอบ ความมีอุดมการณ์ และความรักหวงแหนในชาติบ้านเมือง ซึ่งจะขอน้อมนำแนวทางการทรงงานไปเป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติเพื่อประโยชน์อันถาวรของประชาชนและประเทศชาติต่อไป
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายของที่ระลึก แด่ พล.อ.หญิง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ประกอบด้วย ใบประกาศเกียรติคุณของกองทัพบก หนังสือที่ระลึกของกองทัพบก ของที่ระลึกจากเหล่าทหารราบ และ กระบี่สั้นนักเรียนนนายร้อย
ต่อจากนั้นเวลา 10.00 น. พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จประทับพลับพลาพิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติ บริเวณลานกองบัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
โดย พล.อ.อุดมเดช กล่าวถวายรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานสวนสนามเทิดพระเกียรติว่า พิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติและเทิดเกียรติในวันนี้ กองทัพบกจัดถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศสูงสุด เป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงมีต่อกองทัพบกและโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ทรงรับราชการและเพื่อเป็นการแสดงกตเวทิตา ตอบแทนคุณความดี เชิดชูเกียรติ และเป็นขวัญกำลังใจให้กับนายทหารชั้นนายพลที่จะครบเกษียณอายุราชการและลาออกก่อนครบเกษียณอายุราชการ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่มาด้วยความวิริยะ อุตสาหะ มาตลอดชีวิตราชการทหาร ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลอันเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาท พระราชทานพระราโชวาท
พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาท แก่ผู้มาร่วมพิธีว่า ขอขอบใจท่านทั้งหลาย ในวาระที่จะเกษียณอายุราชการ ความปราถนาดีของท่านทั้งหลายที่แสดงต่อข้าพเจ้ามีคุณค่าสูงสง ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจและจะจำไว้ไม่ลืมเลือน การที่ข้าพเจ้าเข้ามารับราชการ เป็นอาจารย์ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เกิดจากความมีใจรักที่จะเพิ่มพูลความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้บุคคลอื่น และปรารถนาจะสร้างสรรค์สิ่งอันเป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในฐานะที่เป็นพลเมืองไทยคนหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนในการพัฒนา สติปัญญา และวิสัยทัศน์ให้กับนักเรียนนายร้อย ผู้ที่จะเป็นอนาคตของกองทัพบกและชาติบ้านเมืองต่อไป ซึ่งหมายถึงการได้ร่วมสร้างความเข้มแข็ง ให้แก่กองทัพบก สถาบันอันเป็นเสาหลักด้านความมั่นคงของชาติ ที่มีภาระหน้าที่อันสำคัญในการสร้างเสริมความมั่นคง ปลอดภัยของชาติและความสงบสุขของสังคม นับตั้งแต่ข้าพเจ้ารับราชการจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าปลื้มปิติใจที่ได้เห็นลูกศิษย์แต่ละรุ่น เจริญเติบโตและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมในฐานะที่เป็นทหารและประชาชนชาวไทย จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้บรรลุผลและขอให้ช่วยผดุงเกียรติของสถานศึกษาแห่งนี้และรักษาเกียรติของตนไว้ให้มั่นคง ทั้งมีความสำนึกในคุณแผ่นดิน สุจริตใจปฏิบัติภารกิจน้อยใหญ่ให้ผสานสอดคล้อง เกื้อกูลกัน โดยยึดถือเอกราช อธิปไตย ของชาติ และประโยชน์สุขอันยั่งยืนของประชาชนเป็นจุดหมายสูงสุด ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้อวยพรให้ทุกท่านที่มาร่วมพิธีมีแต่ความสุขสวัสดี เจริญด้วยจตุรพิธพรชัยโดยทั่วกัน
จากนั้น พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่2รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองผสม จำนวน 3 กรมสนาม ประกอบด้วย กรมสวนสนามที่1 จำนวน 3 กองพัน กรมสวนสนามที่ 2 จำนวน 3 กองพัน และกรมสวนสนามที่ 3 จำนวน 4 กองพัน รวม 10 กองพันสวนสนาม ประกอบด้วย ขบวนจักรยานยนต์ทางยุทธวิธีจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ขบวนวงดุริยางค์กองทัพบก ขบวนกองบังคับการกองผสม ขบวนหมู่ธงตราสัญลักษณ์ 60 พรรษา ขบวนหมู่ธงสีของกองทัพบก ขบวนสวนสนามของกรมสวนสนามที่ 1-3 ขบวนกองทหารม้าเกียรติยศถือธงตราสัญลักษณ์ 60 พรรษา ขบวนอากาศยานเฮลิคอปเตอร์แบบต่างๆ จำนวน 12 ลำ ขบวนอากาศยานประเภทปีกติดลำตัว ทำการบินปล่อยควันสีลายธงชาติไทย จำนวน 3 ลำ ซึ่งกำลังพลสวนสนามได้ร่วมขับร้องเพลง “พระเทพแห่งไทย” โดยมีเหล่าทหารร่วมเปล่งเสียงทรงพระเจริญไปอย่างกึกก้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นเวลา 08.15 น. นายทหารชั้นนายพลอาวุโส อัตราจอมพลที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ 10 นาย ประกอบด้วย พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ภูดิศ ทัตติยโชติ เจรทหารทั่วไป (พล.อ.ชาตรี ทัตติ) พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.หม่อมหลวง ประสพชัย เกษมสันต์ ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกระทรวงกลาโหม พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ร่วมวางพานพุ่มและจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5)
ก่อนจะเข้าร่วมพิธีเทิดเกียรติและอำลาชีวิตราชการของนายทหารชั้นนายพลพร้อมมอบของที่ระลึก ในช่วงบ่ายที่ห้องประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
สำหรับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน