สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปั้นรายได้เที่ยวไทย หัวใจอยู่ที่การจัดการ

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า montien_dear@yahoo.com

นับเป็นความโชคดีของประเทศไทยที่เป็นเดสติเนชั่นที่คนทั่วโลกใฝ่ฝันอยากมาท่องเที่ยวในอันดับต้น ๆ ว่ากันว่า สำหรับคนในยุโรป ส่วนใหญ่จะนิยมเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในโซนยุโรปด้วยกันเอง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คิดอยากเที่ยวนอกยุโรป ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่พวกเขานึกถึง

จึงเห็นว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะมีปัญหา แต่นักท่องเที่ยวในโซนยุโรปก็ยังคงเดินทางเข้ามาเที่ยว

แม้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาจะมีอัตราการขยายตัวไม่สูงนัก แต่ก็ยังถือว่าเป็นตลาดที่ยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่ยังคงชะลอตัว

โดยประเมินกันว่าในปี2558 ที่ผ่านมา ประเทศไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาถึงราว 32 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้เมื่อต้นปีที่ 28.8 ล้านคน

สร้างรายได้รวมอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านบาท ตามเป้าหมาย

สิ่งที่น่าดีใจคือ รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงกว่าเป้าที่วางไว้ถึงราว 1 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ตลาดไทยเที่ยวไทยกลับทำรายได้ต่ำกว่าเป้าราว 1 หมื่นล้านบาท

หักลบกันแล้วรายได้รวมเป็นไปตามเป้าซึ่งก็เป็นข่าวดี ของภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังคงมีศักยภาพในการสร้างรายได้เข้าประเทศสมกับ เป็นขาหลักที่รัฐบาลฝากความหวังไว้

จากตัวเลขข้างต้นนี้ทำให้หลาย ฝ่ายมีความหวังมากขึ้นพร้อมทั้งยังคาดหวังว่าแนวโน้มของธุรกิจภาคการท่อง เที่ยวของไทยจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทั้งในแง่จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้

แต่ด้วยระบบการบริหารจัดการ โครงสร้างพื้นฐานของไทยที่ยังไม่ค่อยเอื้อกับการรองรับนักท่องเที่ยวไม่ว่า จะเป็นศักยภาพในการรองรับของสนามบินที่จำกัดการจัดการระบบจราจร รวมถึงระบบการขนส่งที่เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่ค่อยสะดวกนัก

ทำให้หัวเรือใหญ่อย่าง "กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ หันมาเน้นเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก และเลิกที่จะพูดถึงจำนวนนักท่องเที่ยว

ประมาณว่าการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ต้องเยอะมากก็ได้ แต่ขอให้ในส่วนของรายได้ขยายตัวในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเยอะ ๆ

โจทย์สำคัญ ของภาคการท่องเที่ยวของไทยนับจากนี้ไปคือ ทำอย่างไรที่จะให้นักท่องเที่ยวมีการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้น มีจำนวนวันพักที่มากขึ้น และเดินทางมาเที่ยวในอัตราที่ถี่ขึ้น

ดังนั้น ในช่วงนี้เราจึงเห็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวไทย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฯลฯ ต่างเร่งระดมความคิดเพื่อตอบโจทย์ข้างบนนี้ต่อไป

ในมุมกลับกันก็มี หลายฝ่ายที่มองว่าไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่เป็นจุดขาย ของภาคการท่องเที่ยวดีอยู่แล้วรัฐบาลไม่ต้องทำอะไรมากนักท่องเที่ยวก็พร้อม ที่จะมาท่องเที่ยวในเมืองไทยอยู่แล้ว เพียงแต่มีระบบการรองรับที่ดีเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

พร้อมทั้งยังมองว่า การที่ ททท. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอัดงบประมาณมูลค่ามหาศาในแต่ละปีเพื่อทำการโปรโมตการท่องเที่ยวนั้นเยอะเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ

แถมยังเมาท์กันสนั่นเมืองว่าททท.ไปโรดโชว์ต่างประเทศแต่ละครั้งใช้งบฯเยอะมากกลุ่มคนที่ร่วมเดินทางโรดโชว์ก็เป็นหน้าเดิม ๆ เหมือนเป็นทริปเที่ยวประจำปี

จะเท็จหรือจริงประการใดนั้น ยากที่จะฟันธง

ประเด็นที่น่าจับตาก็คือที่ "ยุทธศักดิ์ สุภสร" ผู้ว่าการ ททท. ให้สัมภาษณ์ว่าจะเขย่าแผนการทำการตลาดใหม่ทั้งตลาดต่างประเทศและในประเทศ รวมถึงปรับเปลี่ยนรูปแบบ วิธีคิด เวลาไปโรดโชว์ต่างประเทศ

พร้อมทั้งประกาศชัดเจนว่า จะทำการประเมินผลการทำงานของผู้อำนวยการสำนักงานแต่ละประเทศ และในแต่ละจังหวัดทุก ๆ ปี ถ้าไม่เวิร์กก็พร้อมปรับเปลี่ยนตัวผู้บริหารทันที

เรียกว่า ทุกอย่างต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ก็ยังเชื่อว่าในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในอัตราที่เพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 20%

จากความเชื่อมั่นนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าปัญหาของภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยในห้วงเวลานี้ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่เป็นระบบ อยู่บนฐานของความเป็นจริง และต้องเพิ่มรายได้ที่ชัดเจน...


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ปั้นรายได้ เที่ยวไทย หัวใจอยู่ที่ การจัดการ

view