จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
กระฉูดภาษีบุหรี่ ขึ้นพรุ่งนี้เช้า มีผล 10 กุมภาพันธ์ 59 บุหรี่ในประเทศปรับขึ้นราคาอีก 5 - 10 บาทต่อซอง คาด จัดเก็บอีก 8 เดือน รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท ราชกิจจาฯ เผยแพร่ บุหรี่ซิกาแรต 90 หนึ่งกรัม เศษของหนึ่งกรัมให้นับเป็นหนึ่งกรัม 1.10 รัฐย้ำกำหนดอัตราดังกล่าวให้สูงขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเป็นการสนับสนุนนโยบายควบคุมการบริโภคยาสูบของรัฐ
วันนี้ (9 ก.พ.) มีรายงานว่า หลังจากวานนี้ (8 ก.พ.) นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผอ.การบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย และฐานะตัวแทนสมาชิกร้านค้าโชวห่วยที่ขายบุหรี่ทั่วประเทศ จะออกมาขอร้องให้รัฐบาล ชะลอวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ 9 ก.พ. ที่จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ โดยกระทรวงสาธารณสุข
ภาคเอกชน อ้างว่า แต่เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้ประกอบการรายย่อย ร้านค้าโชวห่วย ขาดสภาพคล่องในการค้าขาย ซึ่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวจะรวมไปถึงการขึ้นภาษียาสูบ จึงขอวิงวอนให้พิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และจากข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 2 เดือนแรกงบประมาณปี 59 ภาษียาสูบจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,129 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 22.9 เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนมาบริโภคยาสูบราคาถูกที่มาจากบุหรี่เถื่อน บุหรี่ปลอมเพิ่มมากขึ้น อยากให้หารือร่วมกับทางสมาคมก่อนเพื่อหาข้อยุติที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศใช้กฎกระทรวงขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่จาก 87% เป็น 90% โดยมีผลบังคับใช้วันนี้ (9 ก.พ. 2559) เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าแสตมป์ยาสูบ สำหรับยาสูบประเภทบุหรี่ ซิกาแรต โดยกำหนดอัตราดังกล่าวให้สูงขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน และเป็นการสนับสนุนนโยบายควบคุมการบริโภคยาสูบของรัฐ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงฉบับนี้ มีผลให้ราคาบุหรี่ปรับขึ้น ต่อซอง เพราะต้องดูการจัดเก็บภาษีก่อนหน้านี้ว่าดูปริมาณหรือราคาเป็นหลัก
ใน ราชกิจจานุเบกษา อ้างถึง กฎกระทรวง กำหนดอัตราค่าแสตมป์ยาสูบ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. ๒๕๐๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความในช่องรายการและช่องอัตราภาษีของ (๑) ในรายการ ๒ ของข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าแสตมป์ยาสูบ พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“(๑) บุหรี่ซิกาแรต ๙๐ หนึ่งกรัม เศษของหนึ่งกรัมให้นับเป็นหนึ่งกรัม ๑.๑๐”
ข้อ ๒ กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าแสตมป์ยาสูบสำหรับยาสูบประเภท บุหรี่ซิกาแรต โดยกำหนดอัตราดังกล่าวให้สูงขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเป็นการสนับสนุนนโยบายควบคุมการบริโภคยาสูบของรัฐ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
มีรายงานว่า ก่อนหน้านั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติตามที่ กระทรวงการคลังได้เสนอปรับขึ้นภาษีบุหรี่ที่ขายในประเทศ มีผลทันทีวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 โดยมีการปรับภาษีทั้งสองขา คือ ในส่วนการคิดภาษีจากราคา จากเดิมคิดที่ 87% ก็ขึ้นเป็น 90% และการคิดภาษีในส่วนปริมาณ จากเดิมเก็บ 1 บาทต่อกรัม ขึ้นเป็น 1.1 บาทต่อกรัม โดยการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขที่ ต้องการลดการสูบบุรี่ โดยในปีภาษีนี้ที่เหลือการจัดเก็บอีก 8 เดือน จะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท
ซึ่งจะส่งผลให้บุหรี่ที่ขายในประเทศปรับขึ้นราคาอีก 5 - 10 บาทต่อซอง เช่น บุหรี่กรองทิพย์ปัจจุบันขายอยู่ 60 บาทต่อซอง การปรับครั้งนี้มีผลให้ราคาขายปลีกปรับขึ้นอีก 10 บาทต่อซอง หรือราคาจะอยู่ที่ 70 บาทต่อซอง ส่วนบุหรี่ที่นำเข้าจากจีน ที่มีราคาขาย 20 - 30 บาทต่อซอง จะปรับขึ้นประมาณ 5 - 10 บาท
“โดยจะมีผลทันทีรุ่งขึ้น วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 การคิดภาษีในส่วนปริมาณ จากเดิมเก็บ 1 บาทต่อกรัม ขึ้นเป็น 1.1 บาทต่อกรัม โดยในปีภาษีนี้ที่เหลือการจัดเก็บอีก 8 เดือน จะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท”.
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน