จากประชาชาติธุรกิจ
โดย วิไล อักขระสมชีพ oilday@yahoo.com
วันนี้โลกของคนกัมพูชาพลิกเข้าสู่ "สนามการค้า" แทนภาพอดีตที่เป็น "สนามรบ" ที่น่ากลัว สังคมเมืองหลวง "พนมเปญ" กำลังเข้าสู่มิติ "บริโภคนิยม" ที่แทรกซึมลึกเข้าคนกัมพูชารุ่นใหม่อย่างรวดเร็ว
เสียงสะท้อนจาก "นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์" รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งได้แวะเดินห้าง "AEON MALL" เมื่อปลายเดือนมกราคม ว่า
"AEON พนมเปญน่าไปเดินมากค่ะ เจริญมากจนตกใจ คนมาเดินเยอะ มีลานสเกต โรงหนัง ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น โซนอาหารก็มีร้านอาหารหลากหลายสัญชาติ ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ขณะที่สินค้าไทยก็ขายเยอะ อาทิ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล ก็เปิดร้านเสื้อผ้า His & Her นอกจากนี้ยังมี L′Officiel, Jousse และนาราย่า แม้แต่ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ ก็เปิดร้านใหญ่ Lock&Lock ในซูเปอร์มาร์เก็ตตู้แช่จะมีอาหารแช่แข็งทั้งไทย ญี่ปุ่น เกาหลี"
"นางจีรนันท์ วงษ์มงคล" อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการพาณิชย์) สถานเอกอัครราชทูต ประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ในกัมพูชายาวนาน 20 ปี ก็ตอกย้ำว่าปัจจุบันคนกัมพูชามีอำนาจซื้อที่ดีขึ้น ทั้งจากจำนวนคนหนุ่มสาวในวัยแรงงานเยอะมากและมีรายได้ดีขึ้น ซึ่งล่าสุดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัวต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 4 ดอลลาร์สหรัฐ จากที่เมื่อก่อนเคยมีรายได้ไม่ถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัวต่อปี หรือเฉลี่ยวันละไม่เกิน 2-3 ดอลลาร์สหรัฐ และตอนนี้กัมพูชา เลื่อนขึ้นมาเป็นประเทศกำลังพัฒนา หลุดจากกับดัก "ประเทศยากจน" ทำให้คนกัมพูชามีอำนาจซื้อที่ดียิ่งขึ้น แต่ก็มีปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นไปในเวลาเดียวกัน คือ คนรวยกระจุกตัว ส่วนคนจนกระจาย ที่ทำให้ธุรกิจเงินกู้ยืมอย่างอิออนก็เติบโตรวดเร็ว
ด้านการลงทุน ตอนนี้รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายเปิดเสรีให้ต่างชาติที่อยากทำธุรกิจอะไร จะเล็กหรือใหญ่ก็ให้เข้ามา เพียงแต่อยากให้เข้ามาเร็วหน่อย เพราะถ้าช้า เดี๋ยวคุณจะไม่มีที่ยืน ด้านนายกรัฐมนตรีเองถึงกับยืนยันว่า ต้อนรับการลงทุนทุกประเภท เพราะถือว่าคุณเข้ามาทำธุรกิจลงทุนจะทำให้คนกัมพูชาได้รับการเรียนรู้โนว์ฮาวต่าง ๆ รวมทั้งจะเป็นการสร้างงานให้แก่คนกัมพูชาด้วย
"ตัวเลขรายได้ที่บอกนี้เป็นค่าสถิติจากดัชนีชี้นำว่า รายได้คนกัมพูชาเพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริงรายได้คนกัมพูชามีมากกว่านี้อีก เพราะหากประเมินจากสิ่งที่คน(รวย)ซื้อสินค้าด้วยเเงินสด อาทิ ซื้อรถหรู "โรลส์-รอยซ์" คันละ 7 แสนเหรียญสหรัฐ ก็ใช้เงินสด ซึ่งก็มียอดซื้อไปแล้ว 60 คัน ขณะที่บริษัทนี้ตั้งเป้าขายรถหรูยี่ห้อนี้ 2,000 คันการใช้เงินสดซื้อบ้านหลังใหญ่ การซื้อคอนโดมิเนียมที่ผุดขึ้นเป็นตึกสูงสิบชั้น และก็เริ่มเห็นการก่อสร้างที่สูงขึ้นไปอีก 30-50 ชั้นเพื่อรองรับต่างชาติ"
ด้านการค้าขายในปัจจุบัน สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสินค้าไทยในกัมพูชาสะพัดกว่า 50% ของมูลค่ารวมทีเดียว เพราะคนกัมพูชาติดใจแบรนด์สินค้าไทยที่มีคุณภาพและสามารถหาซื้อได้ ทำให้ปัจจุบันยอดสินค้าส่งออกไทยไปกัมพูชาสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีขายทั้งสินค้าอุตสาหกรรม พลาสติก ที่นอน เสื้อผ้า กางเกงยีนส์ รองเท้า เครื่องหนัง สินค้าโอท็อป จึงเป็นอีกตลาดใหญ่ที่เอสเอ็มอีไทยขนสินค้าไปขายกันคึกคักทีเดียว โดยจะมีคาราวานขายสินค้าไทยที่เข้าไปขายถึงหมู่บ้านจนถึงระดับจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งทางไทยเราก็จะช่วยในด้านการออกหนังสือไปถึงกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา เรื่องใบอนุญาตและยกเว้นภาษีนำเข้า
อย่างปีที่แล้วที่จัดเต้นท์ให้คาราวานนำสินค้าเข้ามาขายประมาณ 200 คัน ก็มีรายได้กลับไปกัน 5 หมื่นบาท ขาย 7 วันทำเอาเงินสะพัดไปหลายร้อยล้านบาท ส่วนในปีนี้ก็ได้มีการจัดทำโครงการ "ดาวกระจายคาราวานสินค้าไทย" ขึ้นในพนมเปญ ซึ่งจะมี 3 ครั้ง โดยครั้งแรกจัดในนามรัฐบาลไทย ที่ได้จัดไปแล้วเมื่อวันที่ 3 - 7 ก.พ.ที่ผ่านมาในพนมเปญ ซึ่งมีเอสเอ็มอีราว 400 บูทโดยคัดสินค้า "ท็อปไทยแบรนด์" ส่วนอีก2 งานจะเป็นการจัดในเดือน มิ.ย.ซึ่งก็มียอดจองบูธกันมากแล้ว และเดือน ก.ย.นี้ โดยสภาหอการค้าต่าง ๆ เป็นเจ้าภาพ ทั้ง 2 งาน
จีรนันท์ตอกย้ำด้วยว่า "ทุกคนที่มาขายดีกว่าเมื่อปีก่อน ก็จะบอกต่อ ๆ กันว่า มาขายของที่กัมพูชาดีกว่า ขายดี คนซื้อมากกว่าคนขาย คนมาเดินวันละ 2-3 หมื่นคนเรียกว่า ตลาดใกล้ปิดตอน 3 ทุ่มคนยังเดินคึกคักกัน"
และนี่แค่เฉพาะเมืองพนมเปญที่เรียกว่า "เมืองเงิน" คือ เมืองแห่งธุรกิจการค้าการขายยังไม่นับรวมเมืองเสียมราฐที่เป็น "เมืองทอง" ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกยังหลั่งไหลเข้ามาปีละราว 4 ล้านคน และยังมีโอกาสโตไม่ต่ำกว่า 120-130% ซึ่งมีสินค้าไทยที่หลั่งไหลเข้าไปมากมาย โดยเฉพาะสินค้าที่ระลึก นอกจากนี้ ยังมีชายแดนไทยที่มีด่านต่างๆ ก็เป็นอีกจุดสำคัญที่มีการตั้งเป็นศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งปัจจุบันมี 6 ด่านถาวรก็จะเพิ่มเป็น 10 ด่านถาวรส่วนใหญ่อยู่ในสระแก้ว ก็เป็นอีกแรงส่งที่ดันยอดขายสินค้าไทยโตได้รวดเร็ว
"จีรนันท์" สรุปว่า ปีที่แล้วส่งออกไทยไปกัมพูชาโต 15% และปีนี้ตั้งเป้าโต 30% ซึ่งไม่ได้เป็นโจทย์ยากเลย เพียงแค่หากสินค้าทุกอย่างนำขึ้นมาขายบนโต๊ะ ยอดส่งออกโตแน่นอนอยู่แล้ว
และนี่คือแผ่นดินทองไทย-กัมพูชา ที่คุณต้องอ่านตลาดให้ออกแล้วเดินหน้าไป หากมีอุปสรรคก็ต้องฝ่าฟัน เพื่อคว้าชัยชนะที่เป็น "ผลกำไร" กลับมา
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน