จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
จากวัยเด็ก ซึ่งดูเหมือนเรียนกันสบายๆ พอเข้าสู่วัยรุ่น การเรียนของเด็กญี่ปุ่นจะพลิกโฉมในหลายด้าน เด็กมัธยมต้นและมัธยมปลายจะแต่งเครื่องแบบนักเรียนซึ่งมีทั้งเครื่องแบบ ประจำฤดูใบไม้ผลิและเครื่องแบบประจำฤดูหนาว โครงสร้างการใช้เวลาก็จะเปลี่ยนไป นอนน้อยลง อยู่กับการเรียนยาวนานขึ้น เรียนหนัก โดยเฉพาะเมื่อใกล้เวลาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็จะต้องเตรียมตัวหนักขึ้น
อัตราการเรียนต่อมหาวิทยาลัยหลังจบ ม.6 ของคนญี่ปุ่น จากผลการสำรวจของปี 2558 คือ 55.4% ถ้ารวมวิทยาลัยระยะสั้นด้วย อัตราจะสูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 56.4% การสอบแข่งขันคือจุดที่ถูกวิจารณ์มากจุดหนึ่งในการศึกษาของญี่ปุ่น ระดับผลการเรียนใน ม.ปลาย ไม่ได้ถูกนำไปคำนวณในการสอบเข้าด้วย เด็กจำนวนมากทุ่มเทให้แก่การเรียนกวดวิชา ทำให้เกิดความเครียดและเป็นภาระทางเศรษฐกิจต่อครอบครัว
การเข้ามหาวิทยาลัยคือบันไดสำคัญขั้นหนึ่งสำหรับชีวิตคนญี่ปุ่นจำนวน มาก และชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยก็แทบจะกำหนดชีวิตการทำงานของคนญี่ปุ่นไปทั้ง ชีวิต มหาวิทยาลัยชั้นนำมีอัตราการแข่งขันกันสอบเข้าดุเดือดทุกปี อย่างมหาวิทยาลัยของรัฐ เช่น โตเกียว เกียวโต โอซะกะ ฮิโตะสึบะชิ หรือมหาวิทยาลัยเอกชน เช่น วาเซดะ เคโอ โจจิ ค่านิยมแบบนี้มีผลต่อการเรียนของเด็กนักเรียนญี่ปุ่นมาก
เป็นที่ทราบกันว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่นแข่งขันกันสูง ข้อสอบยาก และต้องสอบหลายวิชา มีทั้งข้อสอบกลางและข้อสอบเฉพาะที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจัดสอบเพิ่ม ข้อสอบกลางคือการสอบเก็บคะแนนพร้อมกันทั่วประเทศประมาณกลางเดือนมกราคม และให้นักเรียนนำคะแนนไปยื่นต่อมหาวิทยาลัยที่เปิดรับตามเกณฑ์ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยของรัฐ (แห่งชาติและท้องถิ่น) ส่วนข้อสอบเฉพาะคือข้อสอบที่มหาวิทยาลัยจัดสอบเองต่างหากทั้งของรัฐและเอกชน ซึ่งแต่ละคณะมักออกข้อสอบเป็นเอกเทศ จึงมีแนวโน้มว่าจำนวนวิชาของการสอบก็จะเพิ่มตามจำนวนมหาวิทยาลัยและจำนวนคณะ ที่นักเรียนเลือก บางคนอาจต้องสอบถึง 10 กว่าวิชาถ้าเลือกหลายที่เผื่อพลาด
เด็กญี่ปุ่นที่หน้าดำคร่ำเครียดเรียนกันอย่างหนักรู้สึกอย่างไร ผมคงอธิบายแทนได้ยาก เอาเป็นว่า ขอนำตัวอย่างข้อสอบเก่าในปีการศึกษาหนึ่งมาให้ช่วยพิจารณา แล้วช่วยกันตัดสินว่าคำพูดของคนญี่ปุ่นที่ว่า “นรกแห่งการสอบเข้า” เป็นความจริงแค่ไหน
ก่อนอื่น ลองทำข้อสอบวิชาประวัติศาสตร์โลก (แปลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นไทย) สำหรับการสอบเข้าคณะอักษรศาสตร์มหาวิทยาลัยริกเกียว (นพพรในเรื่อง “ข้างหลังภาพ” ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้) จากนั้นลองดูข้อสอบภาษาอังกฤษของที่อื่น แล้วจะทราบว่ากว่าจะได้เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น นักเรียนต้องอึดขนาดไหน [1]
จงเติมคำลงในช่องที่เว้นไว้และเลือกคำตอบที่ถูกต้องมาเติมในข้อที่มีตัวเลขกำกับ (ประวัติศาสตร์โลก ม.ริกเกียว)
ในศตวรรษที่ 19 สหรัฐอเมริกาพัฒนาประเทศตามแนวทางเฉพาะของตนเอง และประสบความสำเร็จอย่างสูงเนื่องจากมีที่ดินที่ยังไม่ได้พัฒนาเป็นบริเวณ กว้างใหญ่ไพศาลอยู่ทางตะวันตก ในปี(1)..........หลังจากที่ซื้อ...................จากฝรั่งเศสแล้ว ปี (2)..........ก็ซื้อฟลอริดาจากสเปน ปี(3)..........ผนวกเทกซัสซึ่งเป็นของเม็กซิโก และปี(4)..........ซื้ออะแลสกาจากรัสเซีย นอกจากนี้ ในการทำสงครามกับเม็กซิโกเมื่อปี 1846 – 48 ได้ครอบครองแคลิฟอร์เนีย ปี(5)............ได้ครอบครองออริกอนจากการทำสนธิสัญญากับอังกฤษ ปี(6)............หลังจากที่เริ่มเกิดการตื่นทอง ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้าไปในแคลิฟอร์เนีย
1 a. 1801 b. 1802 c. 1803 d. 1804
2 a. 1818 b. 1819 c. 1820 d. 1821
3 a. 1845 b. 1846 c. 1847 d. 1848
4 a. 1864 b. 1865 c. 1866 d. 1867
5 a. 1845 b. 1846 c. 1847 d. 1848
6 a. 1844 b. 1846 c. 1848 d. 1850
จงเลือกข้อที่เติมแล้วทำให้ประโยคผิดหลักไวยากรณ์ (คณะนิติศาสตร์ ม.วาเซดะ)
1. The picnic will be cancelled if it ( ).
A. is raining B. looks likely to rain C. rains
D. starts raining E. will rain
2. During my visit I ( ) to go to Hiroshima to visit the Peace Memorial.
A. am hoping B. have hoped C. hope
D. hoped E. was hoping
3. The weather forecast said that it ( ) snow tomorrow.
A. may B. might C. mustn’t
D. probably won’t E. will probably
จงเลือกข้อที่ตำแหน่งเน้นเสียงหนักที่สุดต่างจากคำอื่น (คณะนิติศาสตร์ ม.เคโอ)
(1) 1 attorney 2 solicitor 3 barrister 4 legitimate
(2) 1 assembly 2 parliament 3 cabinet 4 bureaucrat
(3) 1 manuscript 2 seniority 3 substitute 4 corporate
จะเห็นได้ว่าเนื้อหาบางอย่างก็เป็นเรื่องที่ต้องท่องจำล้วนๆ โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยต่อต้านการสอนแบบให้จำ เพราะถ้าไม่จำอะไรเป็นพื้นฐานบ้างเลย ย่อมไม่เกิดความคิดต่อยอด แต่ถ้าให้จำตัวเลขมากๆ อย่างเช่นการจำปีที่เกิดเหตุการณ์โน้นเหตุการณ์นี้ นี่ก็น่าเห็นใจผู้เข้าสอบอยู่เหมือนกัน ทว่าถ้ามองในมุมที่ว่านี่คือการออกข้อสอบเพื่อขจัดคนออก ก็พอจะเข้าใจวัตถุประสงค์ของผู้ออกข้อสอบ และดูเหมือนนักเรียนญี่ปุ่นก็ยอมรับสภาพเพราะถือว่าเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต
ผมเล่าสิ่งที่ได้พบเห็นในฐานะคนต่างชาติผู้มีโอกาสสัมผัสการศึกษาของ ญี่ปุ่นในบางแง่มุม ซึ่งอาจจะยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่ก็หวังว่าคงจะมีบางสิ่งบางอย่างเป็นแนวทางให้เราได้นำไปคิดต่อตามความ เหมาะสมในสังคมไทย สิ่งไหนดีเราก็นำมาประยุกต์ใช้ แต่สิ่งไหนไม่เหมาะก็ขอให้ถือเป็นตัวอย่างเตือนใจว่าอย่าได้ทำตาม
หมายเหตุ :
เฉลยคำตอบ
ประวัติศาสตร์โลก ม.ริกเกียว : 1) c /ลุยเซียนา , 2) b, 3) a, 4) d, 5) b, 6) c
ภาษาอังกฤษ ม.วาเซดะ : 1) E , 2) B, 3) C
ภาษาอังกฤษ ม. เคโอ : 1) 3, 2) 1, 3) 2
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน