สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คุมเข้มสื่อออนไลน์ แก้พรบ.คอมพ์ให้รัฐจัดการ

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.) ได้ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีเนื้อหาสาระควบคุมสื่อออนไลน์ ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชนได้พิจารณาศึกษาแล้วเสร็จ โดยให้รับข้อสังเกตของคณะ กมธ.ไปพิจารณา ก่อนเสนอให้กับคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ ในการประชุม พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธาน กมธ. ชี้แจงว่า ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการใช้สื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นสื่อที่เข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องการใช้งานบนอินเทอร์เน็ตที่แสดงความเห็นการทำกิจกรรมต่างๆ บนสื่อออนไลน์ แม้จะมีประโยชน์แต่หากใช้ไม่ถูกต้องก็อาจจะเป็นปัญหาได้ เพราะขาดจริยธรรมในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร บิดเบือน ใส่ร้าย ปลุกระดม มีผลกระทบต่อสังคมและความมั่นคงของชาติ

พล.อ.อ.คณิต กล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ เจ้าของสื่อออนไลน์ในต่างประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการปิดกั้นควบคุมปัญหาบนอินเทอร์เน็ตที่อยู่ในความดูแลของภาคเอกชน และปัญหานโยบายของรัฐที่เน้นการขยายเครือข่ายการใช้งานอินเทอร์เน็ต ทำให้การป้องกันและปราบปรามไม่สามารถดำเนินการได้ครอบคลุมและทั่วถึง

อย่างไรก็ตาม กมธ.ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าการใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีปัญหาในทางปฏิบัติหรือไม่ ในกรณีการใช้กฎหมายอิเล็กทรอนิกส์ ประเภทฟรีอีเมล เช่น ฮอตเมล ยาฮู จีเมล ไม่อาจสร้างระบบเพื่อให้ผู้รับสามารถบอกยกเลิกการรับอีเมลนั้นได้

ขณะเดียวกัน ในกรณีการส่งข้อความอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ (LINE) หรือเอ็มเอสเอ็น วอตส์แอพ หรืออื่นๆ ถือว่าเป็นการส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยวิธีการสื่อสารออนไลน์รบกวนระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นก็อาจมีความผิดตามที่กำหนดไว้ว่า  ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้อื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าวอันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่น โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์สามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้ ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้รับ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีอาจประกาศกำหนดแนวทางเกี่ยวกับลักษณะและวิธีการส่ง และลักษณะ ปริมาณ ข้อมูลความถี่และวิธีการของผู้ส่ง ซึ่งไม่ถือเป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ได้รับ รวมถึงการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศหรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกและปรับ

นอกจากนี้ การที่ให้อำนาจศาลมีคำสั่งยึดและทำลายข้อมูลที่มีภาพ ซึ่ง กมธ.มีข้อสังเกตว่า ในทางปฏิบัติอาจเกิดปัญหาได้ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วๆ ไปไม่อาจรู้ได้ว่าศาลได้มีคำสั่งไว้อย่างไร เมื่อใด และหากเกิดกรณีผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือมีการรับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากผู้อื่นส่งมา แต่ยังไม่ได้มีการเปิดดูใจความจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือข้อความภาพดังกล่าว หากมีเจ้าหน้าที่พบเห็นการกระทำผิดซึ่งหน้า ก็อาจจะดำเนินคดีต่อไปได้ ดังนั้นจึงเห็นการเพิ่มเติมข้อความ

"ในกรณีที่ศาลสั่งให้ทำลายข้อมูลดังกล่าว ผู้นั้นต้องทำลายข้อมูลดังกล่าวภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา 16"

ขณะที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นความผิดตามมาตรา 16 และศาลได้มีคำสั่งตามมาตรา 16/1 พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องมีข้อมูลดังกล่าวไว้ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวน สอบสวน และในการเฝ้าระวังหรือวิเคราะห์ข้อมูลที่พบการกระทำความผิด จึงมีความจำเป็นต้องมีหน่วยงานที่จะรวบรวม จัดเก็บข้อมูลดังกล่าว

ในกรณีการมีหนังสือสอบถาม เรียกบุคคล เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือให้ผู้ให้บริการส่งข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ให้ผู้ได้รับการร้องขอดำเนินการโดยเร็ว ภายในเวลา 7 วันนับตั้งแต่วันได้รับการร้องขอจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เว้นแต่เหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอื่น และเห็นควรเพิ่มมาตรการกำหนดโทษสำหรับผู้ให้บริการที่ไม่ดำเนินการส่งข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ภายในเวลาที่ร้องขอต้องได้รับโทษ เช่น อาจจะมีโทษปรับเป็นรายวัน

ขณะเดียวกัน กมธ.เห็นควรให้มีการยกเลิกความในมาตรา 28 และใช้ความต่อไปนี้แทนในกรณีที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และใช้ความต่อไปนี้แทน "การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.นี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด โดยให้แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ครอบคลุมตามเขตอำนาจสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา"

ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษ และมีอำนาจสืบสวนสอบสวนการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.นี้ และกฎหมายอื่นที่มีโทษทางอาญา และขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ที่เผยแพร่ในคอมพิวเตอร์"

อย่างไรก็ตาม สมาชิกส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่าหากแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว รัฐจะใช้อำนาจอะไรไปบังคับให้ผู้กระทำผิดเปิดเผยข้อมูลหรือบังคับให้ผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารหรือผู้ให้บริการเครือข่ายถอดรหัสข้อมูลออกมา เพราะเวลานี้ไม่สามารถไปบังคับใครได้อยู่แล้ว ดังนั้นหากปล่อยให้ พ.ร.บ.นี้ผ่านไปจะเป็นการหน้าแตก หรือเสียหน้ามากกว่า จึงอยากให้ กมธ.พิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ ก่อนที่ประชุมมีมติเห็นชอบต่อรายงานข้อสังเกตด้วยคะแนน 157 ต่อ 2 เพื่อให้ กมธ.นำข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นของสมาชิกไปปรับปรุงแก้ไขภายใน 7 วัน ก่อนส่งให้ประธาน สปท.และ ครม.ต่อไป


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : คุมเข้ม สื่อออนไลน์ แก้พรบ.คอมพ์ ให้รัฐจัดการ

view