จากประชาชาติธุรกิจ
พญ.พิมลพรรณ กฤติยรังสรรค์ ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า"ภูมิแพ้ผิวหนัง" เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากรุ่นปู่ย่าตายายสู่รุ่นพ่อแม่และลูกหลาน โดยโรคนี้เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ไวกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้น โรคภูมิแพ้ผิวหนังอาจเกิดร่วมกับโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด แพ้อากาศ แพ้ฝุ่นจามบ่อย ซึ่งเป็นโรคในกลุ่มเดียวกัน แต่ละคนอาจมีความรุนแรงแตกต่างกัน บางคนอาจมีอาการเฉพาะทางผิวหนัง หรือบางคนอาจมีอาการทางเดินหายใจร่วมด้วย สำหรับเด็กที่เป็นโรคนี้จะมีอาการผิวแห้ง คันยุบยิบตั้งแต่ศีรษะจดเท้า แถมมีผื่นแดง ขึ้นตามบริเวณร่างกาย โดยเฉพาะข้อพับแขน ขา และคอ
"แม้โรคภูมิแพ้ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่คนที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนัง จะมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง มีอาการคันง่าย จึงมักเกาจนเป็นแผลที่ผิวหนังทำให้ติดเชื้อง่าย ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียจะเป็นตุ่มหนอง ติดเชื้อไวรัสจะเป็นหูด และหูดข้าวสุกโดยเฉพาะในเด็ก ซึ่งหากมีการติดเชื้อเหล่านี้ เมื่อเด็กเล่นด้วยกันหรือว่ายน้ำในสระเดียวกันอาจติดต่อกันได้"
สำหรับการรักษาภูมิแพ้ผิวหนังขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคถ้าโรคอยู่ในระยะเฉียบพลันมีตุ่มน้ำและน้ำเหลือง ควรใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำเกลือที่สะอาดประคบแผลให้น้ำเหลืองแห้งก่อนจึงตามด้วยยาทา ยาที่ทาได้ผลเร็วคือยาทาสเตียรอยด์ แต่เมื่อผื่นหายแล้วต้องหยุดยา อย่าไปซื้อยาสเตียรอยด์มาทาเอง เพราะจะมีผลข้างเคียงในระยะยาว ถ้าเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ ควรใช้ยาที่ไม่มีสเตียรอยด์ทา และรับประทานยาแก้แพ้ หากอาการรุนแรงมาก ๆ แพทย์อาจพิจารณาให้ รับประทานยาสเตียรอยด์หรือฉายแสงอัลตราไวโอเลตที่เรียกว่า Phototherapy ซึ่งจะช่วยระงับอาการคันทำให้ผื่นดีขึ้นและผลข้างเคียงน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม ดร.พญ.พิมลพรรณแนะนำว่า คำตอบสำหรับการป้องกันโรคภูมิแพ้ผิวหนังนั้นก็คือ การรู้จักดูแลตนเองและปฏิบัติตนให้ถูกต้อง โดยการเลือกใช้สบู่อ่อน ๆ ที่ให้ความชุ่มชื้น ไม่ระคายเคืองกับผิว อย่าเข้าใจผิดคิดว่าไม่สะอาด แล้วพยายามไปฟอกไปถูด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หลังอาบน้ำควรทาโลชั่น ถ้าหากไม่แน่ใจควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการทดสอบโดยวิธีทำ Patch Test จะได้ทราบสาเหตุสารที่แพ้ เพื่อป้องกันอาการลุกลามต่อไป
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน