จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – จีนปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว เมื่อถูกสหรัฐฯและชาติตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสห ประชาชาติในวันพฤหัสบดี (10 มี.ค.) ที่ผ่านมา เกี่ยวกับประวัติด้านการรักษาสิทธิมนุษยชนของแดนมังกร พร้อมกับตอบโต้สวนกลับว่าสหรัฐฯนั้นมือถือสากปากถือศีล โดยได้กระทำความผิดก่ออาชญากรรมมากมาย ทั้งการแอบดักฟัง, การทารุณนักโทษกวนตานาโม, การข่มขืน, และการใช้โดรนกระทำการฆาตกรรมพลเรือน
“สหรัฐฯนั้นชื่อฉาวโฉ่ ในเรื่องพฤติการณ์ล่วงละเมิดผู้ถูกคุมขังในเรือนจำกวนตานาโม ความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนในสหรัฐฯก็ดุเดือดยิ่ง ขณะที่ลัทธิเหยียดเชื้อชาติคืออาการป่วยไข้ที่ฝังรากลึกของสหรัฐฯ” ฟู่ ชง นักการทูตชาวจีนบอกกับที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็น โดยใช้ภาษาถ้อยคำที่โจ่งแจ้งตรงไปตรงมาซึ่งไม่ค่อยปรากฏบนเวทีการทูตเช่นนี้
“สหรัฐฯดำเนินการแอบดักฟังนอกอาณาเขตของตนอย่างกว้างขวาง, ใช้โดรน (อากาศยานไร้นักบิน) ในการโจมตีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ของประเทศอื่นๆ, กองทหารของสหรัฐฯซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนต่างประเทศก็กระทำการข่มขืนและฆาตกรรม ผู้คนท้องถิ่น, สหรัฐฯยังกระทำการลักพาตัวในต่างแดนและใช้คุกมืดมากักขังผู้คน”
ภาพที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเอง แสดงสภาพของนักโทษซึ่งถูกจองจำในคุกกวนตานาโมของสหรัฐฯเมื่อปี 2002
ฟู่ กล่าวเช่นนี้ในระหว่างการตอบโต้คำแถลงร่วมของสหรัฐฯและอีก 11 ประเทศ ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์จีนว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านต่างๆ รวมทั้งการกักขังพวกทนายความและนักเคลื่อนไหว
“การกระทำเหล่านี้เป็นการขัดแย้งกับกฎหมายของจีนเองตลอดจนข้อผูกพัน ระหว่างประเทศต่างๆ” คีธ ฮาร์เปอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯอ่านคำแถลงร่วมดังกล่าว ซึ่งร่วมลงนามโดยออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, และอีก 9 ประเทศยุโรปเหนือ
“การกระทำนอกอาณาเขตประเทศของตนเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้, เป็นการก้าวผิดเพี้ยนไปจากความคาดหวังของประชาคมระหว่างประเทศ, และเป็นการท้าทายระเบียบระหว่างประเทศที่อิงอยู่กับระเบียบกฎเกณฑ์”
ฮาร์เปอร์อ่านคำแถลงร่วมฉบับนี้ในทันทีหลังจากข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิ มนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เซอิด ราอัด อัล-ฮุนเซน กล่าวคำปราศรัยประจำปีของเขาต่อคณะมนตรีชุดนี้ โดยที่เขาได้เท้าความถึงข้อความซึ่งเขาส่งไปถึงจีนในกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ ผ่านมา ซึ่งเขาอ้างอิงถึง “แบบแผนอันน่าวิตกยิ่ง” ในการกักกันผู้คนของจีน
ฟู่ ได้ตอบโต้เซอิดว่า ควร “งดเว้นการให้ความคิดเห็นแบบอัตวิสัย ซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นจริงรองรับ”
เขายังวิพากษ์วิจารณ์การที่ญี่ปุ่นเข้าร่วมสนับสนุนคำแถลงร่วมฉบับ ดังกล่าว โดยบอกว่าที่ผ่านมาญี่ปุ่นได้ปฏิเสธไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบต่อการกะเกณฑ์ ผู้หญิง 100,000 คนจากประเทศเอเชียต่างๆ เพื่อไปบำเรอกามให้แก่ทหารของตนในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเรียกพวกเธอเหล่านี้ว่าเป็น “สตรีเพื่อการผ่อนคลาย”
คู คลักซ์ แคลน (เคเคเค) ขบวนการของคนผิวขาวในสหรัฐฯซึ่งมุ่งแสดงความเกลียดชังคนต่างผิวพันธุ์
โดยเฉพาะคนผิวดำ ถูกมองว่าเป็นตัวอย่างแสดงถึงลัทธิเหยียดเชื้อชาติซึ่งฝักรากลึกใน สังคมอเมริกัน
ทางด้าน โซฟี ริชาร์ดสัน ผู้อำนวยการด้านจีน ของ ฮิวแมน ไรส์ วอตช์ องค์กรสิทธิมนุษยชนที่ตั้งฐานอยู่ในนิวยอร์ก ออกมาแถลงว่า ข้อความที่อ่านโดยเอกอัครราชทูตฮาร์เปอร์ของสหรัฐฯนั้น คือคำแถลงร่วมต่อจีนจากนานาชาติฉบับแรกในประวัติศาสตร์ 10 ปีของคณะมนตรีนี้
“คำแถลงฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า ขณะที่ประธานาธิบดีสี (จิ้นผิง ของจีน) อาจคิดว่าเขาสามารถกำจัดพวกที่ไม่เห็นด้วยกับทางการในจีนให้หมดสิ้น แต่แท้จริงแล้วโลกยืนหยัดอยู่กับผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนซึ่งกำลังต่อสู้อยู่ ทั่วทั้งประเทศจีน” ริชาร์ดสันระบุในคำแถลงของฮิวแมน ไรส์ วอตช์
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน