จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์สามัญสำนึก โดย สุดใจ ชาญชาตรีรัตน์

แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจีนเวลานี้จะไม่สู้ดีนัก แต่ภาพการขยายการลงทุนของธุรกิจจีนในต่างแดนก็ยังเติบโตและรุกคืบอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะภาพที่ทุนจีนออกไปไล่ซื้อกิจการยักษ์ใหญ่ระดับโลกแม้กระทั่งวงการฮอลลีวูดจากกรณีที่ "วั่นต๋า กรุ๊ป" ธุรกิจบันเทิงยักษ์ใหญ่ของจีน ทำข้อตกลงซื้อ "เลเจนดารี พิกเจอร์ส" (Legendary Pictures) ผู้สร้างหนังต้นทุนสูงอย่าง จูราสสิค เวิลด์, ก็อตซิลล่า และแบทแมนไตรภาค ถือเป็นการเข้าควบรวมกิจการด้านวัฒนธรรมครั้งใหญ่ที่สุดของจีน ด้วยมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

หลังจากเมื่อปี 2555 "วั่นต๋า กรุ๊ป" ได้เข้าซื้อบริษัท "เอเอ็มซี เอ็นเตอร์เทนเมนต์" เครือโรงภาพยนตร์ใหญ่ที่สุดของสหรัฐไปแล้ว

นอกจากนี้ "อันปัง ประกันภัย" (Anbang Insurance) เครือข่ายธุรกิจประกันยักษ์ใหญ่ของจีน ก็พยายามไล่ซื้อ "สตาร์วูดโฮเทลส์แอนด์รีสอร์ทส์ เวิลด์ไวด์" เครือข่ายธุรกิจโรงแรมใหญ่ที่สุดในโลก โดยร่วมเสนอราคาแข่งกับ "แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล" แม้สุดท้ายจะพ่ายให้กับกลุ่มแมริออทฯ แต่ก็เป็นการสะท้อนถึงความพยายามในการรุกไล่เข้าซื้อกิจการในต่างแดนในทุกภาคธุรกิจ

และภาพที่ปรากฏชัดในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็คือ การพาเหรดเข้าซื้อธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าของยักษ์ญี่ปุ่น

โดยเมื่อ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทหองไห่ พรีซีชัน อินดัสทรี หรือ "ฟ็อกซ์คอนน์" ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในไต้หวัน ที่เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของ "แอปเปิล" ได้ตกลงเซ็นสัญญาซื้อบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า "ชาร์ป" ด้วยมูลค่า 388,800 ล้านเยน (ราว 122,155 ล้านบาท) เพื่อไม่ให้กิจการต้องเข้าสู่ภาวะล้มละลาย หลังชาร์ปประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี

ถือเป็นการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ 105 ปี ของเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นแบรนด์ "ชาร์ป" ซึ่งเป็นการบรรลุข้อตกลงหลังจากเจรจากันมานาน 4 ปี และนักวิเคราะห์มองว่า จะเป็นการปูทางให้ต่างชาติเข้าไปซื้อกิจการจากผู้ประกอบการญี่ปุ่นรายอื่นได้มากยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมาญี่ปุ่นค่อนข้างระมัดระวังการเข้าซื้อหุ้นของต่างชาติ

และในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน บริษัท มิเดีย กรุ๊ป (Midea Group) ยักษ์ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของจีน ได้ประกาศเข้าเทกโอเวอร์กิจการเครื่องใช้ไฟฟ้า "โตชิบา" โดยซื้อหุ้น 80% ในบริษัท โตชิบา ไลฟ์สไตล์ โปรดักต์ส แอนด์ เซอร์วิสเซส คอร์ป (TLSC) ด้วยมูลค่า 53,700 ล้านเยน (473 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมสิทธิ์ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "โตชิบา" เป็นเวลา 40 ปี

การแบ่งขายธุรกิจครั้งใหญ่ของโตชิบาเป็นกระบวนการต่อเนื่องจากการปรับโครงสร้างองค์กร หลังจากที่ทำบัญชีแต่งตัวเลขกำไรเกินจริงมาหลายปี ขณะที่ธุรกิจประสบปัญหาขาดทุน และปีนี้ก็คาดว่าตัวเลขขาดทุนจะสูงถึง 710,000 ล้านเยน (ราว 6.4 พันล้านดอลลาร์) หนักหนาที่สุดในประวัติศาสตร์ 140 ปีของโตชิบา

ถือเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ "ญี่ปุ่น" ในกำมือจีนที่กำลังผงาดคับโลก เพราะนอกจาก "ฟ็อกซ์คอนน์" และ "มิเดีย กรุ๊ป" ที่ซื้อกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นไปครอบครองแล้ว เมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา "ไฮเออร์" (Haier) ยักษ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจีนอีกราย ก็กระโดดเข้าซื้อธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนของ "เจเนอรัล อิเล็กทริค" (จีอี) ของสหรัฐ ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี ด้วยมูลค่า 5,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นดีลที่บริษัทจีนซื้อบริษัทอเมริกันที่มีมูลค่าสูงที่สุดดีลหนึ่ง

และวันนี้ ยักษ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง "ชาร์ป-โตชิบา และจีอี" ที่ต่างมีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ก็มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ กลายพันธุ์เป็น "แบรนด์จีน" ขณะที่ภาพของยักษ์แดนมังกรคงเดินหน้าเข้าครอบครองธุรกิจต่าง ๆ จากทั่วโลก รวมทั้งในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงซบเซาเช่นนี้

สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน