จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์
สถานการณ์ร้อนวันจันทร์ที่ 16 พ.ค.อยู่ที่ปฏิกิริยาจากพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย
พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่สามให้พระธัมมชโยมารับทราบข้อกล่าวหาฐานสมคบกันฟอกเงินและรับของโจร จากกรณีการรับเช็คบริจาคจาก ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้ต้องหายักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯ คลองจั่น
เวลานัดหมาย 09.00 น. สถานที่ อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ
แต่ทนายของพระธัมมชโยส่งสัญญาณ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะไม่เดินทางไปดีเอสไอ ถ้าอยากมาแจ้งข้อกล่าวหา ให้ฝ่าดงลูกศิษย์มาเองที่วัดพระธรรมกายหลังปลุกระดมให้มาสมทบกันที่วัด
แรงกดดันจึงอยู่ที่ดีเอสไอ จะขอให้ศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นครั้งที่สองหรือไม่ และถ้าครั้งนี้ศาลออกหมายจับจริง พระธัมมชโยที่มีสาวกนับแสนนับล้านจะมีทางหนีทีไล่อย่างไร
พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กลฺยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว มองปรากฏการณ์เล่นเกมดึงเวลาของวัดพระธรรมกายเพื่องัดข้อกับอำนาจรัฐ ว่า ก่อนอื่นต้องยอมรับพระธัมมชโยมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งมาก อาตมาเคยสนทนากับนักการเมืองท่านหนึ่ง เขาบอกว่า การจะล้มวัดพระธรรมกายนั้นเป็นเรื่องยาก แค่ปัจจุบันทีมทนายความของวัดก็สร้างความปวดหัวให้กับดีเอสไอไม่น้อย ถ้าฐานสนับสนุนไม่ดีจริง วัดแห่งนี้คงล้มไปนานแล้ว แม้ที่ผ่านมาจะมีลูกศิษย์หรือคนอื่นๆ ดำเนินการฟ้องร้องยังทำอะไรไม่ได้
ส่วนเรื่องการระดมคนเข้ามาทำกิจกรรมภายในวัดพระธรรมกาย ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่พระธัมมชโยจะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 16 พ.ค.นี้ หรือแม้แต่การออกมายื่นหนังสือคัดค้านการทำงานของดีเอสไอของกลุ่มลูกศิษย์ทั่วประเทศ พระพยอมมองว่า นั่นคือเกมการระดมใช้ลูกศิษย์ก่อเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อปกป้องพระธัมมชโย การกระทำเช่นนี้จะทำให้บ้านเมืองถอยหลัง ต่อไปคนจะแยกแยะไม่ออกระหว่างคนจะปกป้องศาสนาหรือปกป้องบุคคล จากภาพเห็นชัดว่าเป็นการปกป้องบุคคล อันนี้น่าเป็นห่วง ต่อไปกฎหมู่หรือกฎหมายใครจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน
“เป็นการทำลายความศรัทธาทางศาสนา กลุ่มคนที่มีหัวสมองหน่อย มองว่าใช้วิธีแบบนี้ถูกต้องหรือ ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดจะหมื่นใบแสนใบ หรือกฎหมายบ้านเรามันดีกับคนชั่วเกินไป โลเล ไม่ศักดิ์สิทธิ์ บางเรื่องก็เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ กฎหมายไม่มีจริยธรรมทำให้ตกต่ำบรรลัยวายวอด ถ้ากฎหมายยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ สังคมไทยเละ”
พระพยอมระบุว่า มวลชนเหล่านี้ยอมเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องกับสิ่งที่เขานับถือได้อย่างแน่นอน เหมือนกรณีของพระยันตระ ก็มีคนปกป้องมาตลอดเช่นกัน มวลชนถือว่ามีส่วนสำคัญทำให้รัฐเองไม่สามารถจัดการได้ กลุ่มคนเหล่านั้นจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือทางศาสนา
ดังนั้น การจะเข้าไปจับกุมพระธัมมชโย อย่าผลีผลาม ต้องปล่อยให้ล้าก่อนแล้วเข้าไปรวบทีเดียว ถ้าเข้าไปช่วงนี้โง่แน่ ต้องไปเจอกับมวลชนจำนวนมาก อาจเกิดการกระทบกระทั่งพังเสียหายได้ คงต้องปล่อยไปสักระยะ ทั้งที่จริงวัดพระธรรมกายมีเงินเป็นหมื่นล้าน ถ้านำมาใช้หนี้เรื่องก็จบ แต่ปัญหาคือคนเคยได้จะเสียยาก
เมื่อมีแรงสนับสนุนปกป้องพระธัมมชโยสุดโต่ง กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ยืนกรานจะดำเนินตามกฎหมาย ทำให้มีแรงหนุนแรงต้านโน้มไปมา จนไม่รู้ว่าละครเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร แต่พระพยอมมองภาพไว้อย่างน่าสนใจว่า สุดท้ายพระธัมมชโยจะหลบหนี ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ถ้ามาสู้คดีคงเป็นเรื่องยาก เพราะหากทำเช่นนั้นคงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่แรกแล้ว ยอมสู้หนีดีกว่า ไปใช้เงินต่างประเทศ จะยอมเข้าคุกทำไม ต้องโดนจับสึก อยู่ข้างนอกไม่โดนจับสึก อีกทั้งวัดพระธรรมกายมีสาขาวัดอยู่ทั่วโลก
นอกจากนี้ แม้แต่พระพยอมเองยังเอ่ยปากยอมรับว่า พระธัมมชโยแข็งแกร่งกว่าพระยันตระ และเณรคำมาก พร้อมจะไปเสพสุขได้อย่างสบาย ส่วนตัวเชื่อว่ากว่าจะถึงวันนั้นคงต้องสู้กันสุดฤทธิ์ ทุกวันนี้พระธัมมชโยสำคัญตัวเองว่าไม่ใช่พระธรรมดา ดังนั้นถึงแม้วัดพระธรรมกายยังอยู่ แต่เชื่อว่าศรัทธาคงลดลงแน่นอน เพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาฝ่ายอาณาจักรและฝ่ายพุทธจักร เป็นกำแพงให้อย่างดี ทุกวันนี้คนเริ่มศรัทธาน้อยลง
“ถ้ารัฐไม่ได้ขงเบ้งเป็นจอมทัพจัดการ จะล้มพระธัมมชโยยาก พระจำนวนมากก็แบ่งฝักแบ่งฝ่ายหลายก๊กหลายกลุ่ม”
พระพยอมยังมองด้วยว่า พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย คงเกาะติดไม่ปล่อย เพราะท่านเคยเดิมพันไว้ว่า “ถ้าเอาพระธัมมชโยสึกจากความเป็นพระไม่ได้ พระพุทธะอิสระก็จะสึกเอง” หวังว่าพระพุทธะอิสระถ้าไม่มรณภาพเสียก่อน และ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระวัดพระธรรมกาย ทั้งสองท่านนี้อาจเป็นไม้น็อกล้มพระธัมมชโย ถ้ายังออกมาเคลื่อนไหวต่อเนื่อง และหากไม่ถูกฆ่าเสียก่อน
เมื่อเอ่ยชื่อพระพุทธะอิสระขึ้นมาแบบนี้ คงต้องให้พระพยอมชี้แจงกรณีออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ทำนองชื่นชมพระพุทธะอิสระ เรื่องนี้พระพยอมสวนกลับทันควันว่า ไม่ได้สนับสนุนพระพุทธะอิสระ เพียงแต่ชื่นชมในบางเรื่องเท่านั้น เช่น เรื่องความแม่นยำในเรื่องของกฎหมาย เป็นต้น ถ้าพระพุทธะอิสระไม่แน่จริง สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 คงไม่เดินทางไปพบหา
ส่วนเรื่องที่เคยออกมาปิดถนนแจ้งวัฒนะ อันนี้อาตมาไม่เห็นด้วยและไม่ชื่นชม ยืนยันไม่ได้ชมทุกเรื่องที่พระพุทธะอิสระทำ
“อาตมาก็เลยซวยเลยทีนี้ ไอ้พวกสีแดงก็หาว่าเราเปลี่ยนสี ตำหนิ ต่อว่า หาว่าพระพยอมไม่มีจุดยืน ส่วนสีเหลืองบอกว่าพระพยอมมาไม้ไหนกันแน่ มาแบบลับลวงพรางหรือไม่ ตอนนี้กลายเป็นว่าอาตมาซวย สีแดงและสีเหลืองก็ไม่เอา ต้องหลบไปอยู่แบบสีทนได้”
อย่างไรก็ตาม ความจริงในการโพสต์เรื่องเกี่ยวกับพระพุทธะอิสระ พระพยอมเปิดใจแบบหมดเปลือกเลยว่าต้องการแหย่ดูว่าเรื่องแบ่งสีแบ่งกลุ่มมันจางลงบ้างหรือไม่ตั้งแต่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น รวมถึงการปรองดองสามัคคีกันดีขึ้นแค่ไหน
“แต่คำตอบที่ออกมายังไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เพราะคนยังยึดข้างยึดสีเหมือนเดิม ถ้ายังเป็นแบบนี้ประเทศไทยและโลกจะอยู่ได้อย่างไร การโพสต์เนื้อหาในวันนั้นอาตมาต้องการแตะดูกระแสการแบ่งกลุ่ม มันถูกปรับดีขึ้นแล้วหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลุ่มคนเหล่านั้นก็ยังเกลียดข้างเกลียดสีกันเหมือนเดิม ปัจจุบันเปลี่ยนข้างไปก็มาก นั่นอาจจะไปร่วมกันทีหลังหรือเปล่าไม่รู้ เช่นกับกลุ่มที่ยึดติดกับสีหรือกลุ่ม ยังคงแข็งแรงเชื่อมั่นในอุดมการณ์เดิมอยู่” ส่วนเรื่องของการปฏิรูปศาสนา พระพยอมมองว่า ยังมีความจำเป็น แต่ที่เงียบหายไปเนื่องจากโดนฝ่ายเห็นต่างต้าน เชื่อว่าจะมีการสังคายนากันใหม่ ส่วนแนวทางจะเป็นอย่างไรนั้น คิดว่า อย่างแรกต้องกำจัดพระนอกรีตให้หมดไป หรืออาจให้ประชาชนเข้ามาช่วยขับไล่พระเหล่านี้ ที่ผ่านมามีเจ้าอาวาสหลายแห่งถูกชาวบ้านขับไล่จำนวนไม่น้อย แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านไม่ยอมรับ ซึ่งถ้าชาวบ้านเข้มแข็งนั่นหมายถึงพระต้องอยู่ในกรอบพระธรรมวินัย จะแหกกรอบไม่ได้
สำหรับเรื่องเงินทองที่พระหลายรูปมุ่งมั่นสะสมไว้ แต่กลับกันสมมติมีคนเสนอเงินจำนวนมากหรือรถหรูราคาแพงให้พระพยอมจะทำอย่างไร จะรับไว้หรือไม่ พระพยอมบอกพร้อมหัวเราะเบาๆ ว่า อาตมาปากเสียไม่มีใครมาให้หรอก แต่ถ้ามาจริงจะนำสิ่งของเหล่านั้นไปขาย ไปทำให้เกิดประโยชน์ พระพยอมย้อนถามกลับมาว่า จะรับไปทำไม
ท้ายสุด พระพยอมขอฝากญาติโยมว่า ทะนุบำรุงศาสนาต้องใช้ปัญญา ไม่ใช่มีแต่ศรัทธา ทำบุญอย่าให้เสียเปล่า เทศกาลต้องแก้วิกฤตการณ์ด้วย ถ้าทำบุญเทศกาลไม่แก้วิกฤตการณ์ ไปไม่รอดแน่
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน