จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ คิด วิเคราะห์ แยกและ โดย วีระพงษ์ ธัม www.facebook.com/10000Li
ตั้งแต่ตอนแรกจนมาจบตอนสุดท้าย ก็ครบเวลาที่ผมเดินทางกลับมาจากยุโรปเกือบค่อนเดือนกับครอบครัวพอดี การใช้ชีวิตในต่างประเทศทำให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น ได้เห็นโลกที่แตกต่าง ซึ่งเป็นบทเรียนที่สอนอะไรหลาย ๆ อย่าง ตั้งแต่ออกจากสนามบินประเทศเยอรมนี มีทางหลวงซึ่งขับรถได้โดยไม่จำกัดความเร็ว (ออโต้บาห์น) รถขับเร็วกว่า 200 กม.ต่อ ชม. แต่ผมกลับไม่พบอุบัติเหตุตลอดการขับรถกว่า 3,000 กิโลเมตร อุบัติเหตุต่ำมากเพราะทุกคนมีวินัยในการขับรถ ในเมืองไม่ต้องมีหลังเต่า เพราะทุกคนเคารพความเร็วในเมืองและคนเดินถนน
สิ่งที่ยืนยันวินัยของคนในประเทศคือสินค้าเยอรมันซึ่งมีคุณภาพสูงพื้นฐานของคนสังคมวัฒนธรรมเสริมสร้างจุดแข็งของประเทศ และหุ้นบลูชิพของแต่ละประเทศนอกจากจะสะท้อน "ระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ" ก็มักจะสะท้อน "ความเป็นตัวตน" ของประเทศนั้น ๆ ผมขอใช้พื้นที่ที่เหลือ ให้ 5 กลยุทธ์สุดท้าย ซึ่งจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตในตลาดหุ้น
26) อย่าไปยึดติดว่าเราจะต้องลงทุนอะไร ลงทุนประเทศไหน ลงทุนหุ้นกลุ่มไหน เพราะทุกการลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ทั้งนั้น ถ้าคุณสามารถมีมุมมองที่ดีกว่าคนอื่น มีข้อมูลติดตามได้ใกล้ชิด มีจิตใจที่มั่นคงทางอารมณ์มากกว่า อย่าให้ความยึดติดตัดสินอะไรบางอย่างเร็วเกินไป ตัวอย่างของผมคือ ในสิบกว่าปีที่แล้ว วันที่ทุกคนรอบตัวบอกผมว่าตลาดหุ้นคือแหล่งการพนัน ผมคงไม่ได้มีวันนี้ ถ้าเชื่อโดยไม่ได้พิสูจน์ก่อน วิถีชีวิตที่ดีที่สุดของตลาดหุ้นคือเราต้องไม่ยึดติดอะไร จงระวังความเชื่อทั้งหลายที่ไม่ได้รับการพิสูจน์จากตัวเราเองเสียก่อน
มากไปกว่านั้นทุกสิ่งในการลงทุนเกิดและดับตลอดเวลาสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นและจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆจนกว่าก่อนทุกอย่างจะล่มสลายไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม ธุรกิจ ราคาหุ้น และจิตของนักลงทุนก็ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดและดับ นี่คือวัฏจักรซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ที่จะซ้ำรอยทุกครั้ง
27) จงระวังสามสิ่งในชีวิต ชีวิตการลงทุนยุคสมัยนี้ นอกจากจะเป็นสิ่งจำเป็นแล้ว ยังเป็นการแข่งขันเสรี ทุกคนเข้ามาลงทุนได้ ไม่เว้น "หุ่นยนต์" ที่มีบทบาทในตลาดหุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลาดหุ้นคือ Red Ocean สำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนชั้นเลิศ แต่ในทางกลับกัน การลงทุนกลับเป็นหนทาง Blue Ocean ที่ดีที่สุดสำหรับคนธรรมดา ๆ ที่จะเกษียณอายุได้ ด้วยการคาดหวังผลตอบแทนที่เหมาะสม และลงทุนระยะยาว 20 ปีขึ้นไป สามสิ่งที่อย่าปล่อยให้ผ่านไปง่าย ๆ คือ "เวลา" ซึ่งเป็นต้นทุนที่แพงที่สุด และเรียกกลับมาไม่ได้ สิ่งที่สองคือ "เงินลงทุน" ที่อาจจะละลายไปกับวิถีชีวิตแห่งการใช้จ่ายของยุคนี้ อย่างที่สามคือ "โอกาส" ที่อาจจะมาเพียงไม่กี่ครั้ง อย่าปล่อยทั้งสามสิ่งนี้ลอยผ่านไปอย่างไร้ค่า
28) จงขายหุ้นหรือสิ่งที่คุณลงทุนทิ้ง ถ้ามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า หรือราคาหุ้นสูงกว่าพื้นฐานมาก หรือหุ้นตัวนั้น ๆ มีพื้นฐานแย่ลงอย่างถาวร ต้นไม้เมื่อออกดอกออกผล ก็ถึงเวลาที่จะเก็บเกี่ยว ต้นไม้ไม่มีทางเติบโตไปถึงสวรรค์ จงคิดตั้งแต่ซื้อหุ้นว่าคุณจะขายมันเมื่อไหร่ และพยายามทบทวนแผนตลอดเวลา อย่างไรก็ดี ผมก็รู้สึกว่าการยึดติด หรือการมีเครื่องยึดเหนี่ยวก็เป็นพื้นฐานของมนุษย์ คุณอาจจะไม่ต้องถึงขั้นขายบ้านที่คุณผูกพัน หรือขายที่ดินบรรพบุรุษ เพื่อเอาเงินมาลงทุน บางสิ่งบางอย่างมี "คุณค่า" ที่วัดเป็นตัวเงินไม่ได้
29) สิ่งที่หายากกว่าเงินในตลาดหุ้นคือ ความสุข ความสงบ ความสบายใจ ก่อนเข้าตลาดหุ้น เราต้องการหาเงินเพื่อเพิ่มความสบายใจว่าเราจะมีเงินเกษียณ มีเงินดูแลครอบครัวให้มีชีวิตดีขึ้น ดังนั้นถ้าการลงทุนของเราถูกต้อง เราควรจะคิดถึงเงินน้อยลง มีความสุขมากขึ้น น่าเสียดายที่หลายครั้งยิ่งเราลงทุนได้ผลตอบแทนดี เรากลับคิดถึงเงินมากขึ้น และมีความสุขน้อยลง เราขวนขวายหาผลตอบแทน เพิ่มขนาดพอร์ตหุ้น จนถึงจุดที่เราลืมไปว่าสิ่งธรรมดา ๆ รอบตัวคือสิ่งพิเศษ ความสุขที่แท้จริงไม่ซับซ้อน เรียบง่าย บทเรียนของผมคือ จงอย่าแลกรอยยิ้มหนึ่งรอยยิ้มของคนรอบตัวกับตลาดหุ้นที่แสนวุ่นวาย
30) จุดมุ่งหมายของการลงทุน อาจไม่ใช่เพื่อลาออกมาเป็นนักลงทุนเต็มเวลา แต่เพื่อให้เราสามารถไปทำอย่างอื่นได้ไปพร้อม ๆ กัน เลือกงานที่เรารักได้ หรือสามารถทำงานโดยปราศจากแรงกดดันเรื่องเงิน ความหมายของชีวิตที่ดีในมุมมองผมคือการเติบโต และเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ตั้งแต่วันที่มนุษย์รู้จักการลงทุน เราก็มีเวลาเหลือจากการทำงานประจำวัน สร้างสิ่งที่มีความหมาย เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ยอมรับความผิดพลาดและอย่าหยุดเรียนรู้
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน