จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอพี - สำนักข่าวเอพีรายงานข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวง โดยระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งในประเทศไทยทรงได้รับการเคารพเทิดทูนดุจดังสมมติเทพ และได้ทรงเป็นหลักอันหนักแน่นมั่นคงแห่งเสถียรภาพตลอดระยะเวลาหลายสิบปีของความปั่นป่วนวุ่นวายทั้งภายในและภายนอกประเทศ เสด็จสวรรคตแล้วในวันพฤหัสบดี (13 ต.ค.) สิริพระชนมายุ 88 พรรษา และทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์มายาวนานที่สุดของโลก
เอพีอ้างประกาศของสำนักพระราชวัง ที่ระบุว่า ในหลวงทรงเสด็จสวรรคต “ด้วยพระอาการสงบ” ณ โรงพยาบาลศิริราช ในกรุงเทพฯ ซึ่งได้เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวรอยู่เป็นระยะ ๆ ในช่วงเกือบจะตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
รายงานข่าวของเอพี กล่าวว่า ในช่วงรัชสมัยของพระองค์ซึ่งยาวนานถึง 70 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงพระราชสมภพในสหรัฐฯ ได้ทรงเป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญของประเทศไทยมากมายนัก โดยพระองค์ทรงเป็นหนึ่งความคงที่ไม่แปรผันของประเทศชาติ ในขณะที่รัฐบาลชุดแล้วชุดเล่าก้าวขึ้นมาและตกลงไปจากอำนาจ พระองค์ทรงเป็นผู้นำที่มีพระเมตตาซึ่งได้ทรงใช้พระบรมเดชานุภาพแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ในการทำให้ชาติมีความสามัคคีกัน และปลุกใจเหล่าทหารในตลอดช่วงเวลาแห่งสงครามเย็น ซึ่งเพื่อนบ้านหลาย ๆ รายของไทยได้ตกไปอยู่ใต้การควบคุมของคอมมิวนิสต์ ในระยะที่พระองค์ทรงประสบความสำเร็จรุ่งเรืองที่สุดนั้น องค์พระประมุขซึ่งพระวรกายดูบอบบาง ต้องทรงฉลองพระเนตร อีกทั้งพระสุรเสียงก็นุ่มเบาพระองค์นี้ เป็นผู้ทรงมีพระราชอำนาจ และได้รับความเคารพบูชาอย่างล้นพ้น พระองค์ทรงสามารถที่จะขจัดการก่อรัฐประหารและการก่อกบฏได้เพียงด้วยการที่ทรงแสดงท่าที หรือเพียงด้วยการมีพระราชดำรัสด้วยถ้อยคำที่ทรงเลือกสรรอย่างเหมาะเจาะไม่กี่คำ
ในประเทศไทยที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ผู้คนจำนวนมากมองเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ว่า ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ซึ่งก็คือผู้ที่กำลังสร้างบารมีเพื่อที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งที่จะช่วยเหลือมนุษยชาติต่อไป แต่ในขณะที่พวกผู้นำฝ่ายทหารที่ยึดอำนาจปกครองประเทศ, บรรดานายกรัฐมนตรี และข้าราชบริพารทั้งหลาย ต้องคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์ในเวลาเข้าเฝ้าฯ ในหลวงพระองค์นี้กลับทรงเป็นผู้ที่ “ติดดิน” อย่างโดดเด่นชัดเจนยิ่ง พระองค์ทรงม้วนแขนฉลองพระองค์ขึ้น และเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทเข้าไปยังหมู่บ้านยากจนแห่งต่าง ๆ และนาข้าวที่อยู่ห่างไกล เพื่อทรงประเมินคาดคำนวณสภาวะของประเทศชาติ และทรงเข้าช่วยเหลือแก้ไขคลี่คลายทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ปัญหาเรื่องน้ำ ไปจนถึงการขาดแคลนอาหาร และกระทั่งการทะเลาะโต้แย้งกันภายในครอบครัว ขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงเครื่องดนตรีได้อย่างน้อย 5 - 6 อย่าง และเคยทรง “แจม” กับนักดนตรีแจ๊สผู้ยิ่งใหญ่ชาวอเมริกันหลายต่อหลายคน เป็นต้นว่า เบนนี กู๊ดแมน
ตลอดช่วงทศวรรษสุดท้ายที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทรงมีพลังกระฉับกระเฉง ไม่ค่อยได้ทรงปรากฏพระองค์ต่อหน้าพสกนิกร สืบเนื่องจากพระอาการประชวรด้วยพระโรคต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงมีพระอาการประชวรเช่นเดียวกัน และทรงปรากฏพระองค์ต่อพสกนิกรน้อยครั้งยิ่งกว่าเสียอีก
รายงานข่าวของเอพี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช และมักทรงปรากฏพระองค์ให้พสกนิกรได้เข้าเฝ้าฯขณะที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เอพีบอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิได้ทรงตรัสอะไรเกี่ยวกับความปั่นป่วนวุ่นวาย และการประท้วงทางการเมืองซึ่งสั่นคลอนประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้
รายงานข่าวของเอพี ยังอ้างคำแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่า รัฐบาลจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว จากนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้น รัฐบาลยังได้กำหนดระยะเวลาไว้ทุกข์เป็นเวลา 1 ปี และลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน