สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดเทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ทรงทอด ไข่พระอาทิตย์ เมนูของพ่อ

จากประชาชาติธุรกิจ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน “เทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์” ครั้งที่ 2 โดยมูลนิธิชัยพัฒนา และบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ณ ควอเทียร์ แกลเลอรี่ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ โดยมี นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นายหนิง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นางลักขณา นะวิโรจน์ รองประธานกรรมการผู้บริหารอาวุโส เดอะมอลล์ กรุ๊ป เฝ้าฯ รับเสด็จ



โอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเรื่องเล่า “น้ำมันเมล็ดชา” แก่ผู้ร่วมงานความตอนหนึ่งว่า


“ขอเล่าเรื่องดั้งเดิมตั้งแต่โบราณ ความเริ่มจากอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาถามว่ามีเมล็ดชาขายหรือไม่ จะเอามาทำยาฆ่าแมลง เลยงงกันว่าเมล็ดชาเป็นอย่างไร จึงให้เจ้าหน้าที่ไปดูงานที่จีน ทางจีนเขาก็บอกรู้จักกันมานานแล้ว ที่บ้านแต่ละคนจะมีหีบไว้หีบน้ำมันจากเมล็ดชาใช้กันในครัวเรือน แล้วก็มีโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งทางจีนอธิบายให้ฟังว่า น้ำมันเมล็ดชาให้ประโยชน์หลายอย่าง ใช้ประกอบอาหารได้ มีคุณสมบัติให้ประโยชน์กับร่างกายลักษณะคล้ายน้ำมันโอลีฟ (น้ำมันมะกอก) ของตะวันตก เราจึงเรียกกันว่าน้ำมันโอลีฟตะวันออก นอกจากนี้ยังนำมาทำเครื่องสำอางปกป้องผิวตั้งแต่หัวจรดเท้า เช่น ครีม สบู่ และน้ำมันใส่ผม และมีสรรพคุณด้านเภสัชกรรม


“แต่ว่าเท่าที่จีนแนะนำ ถ้าเป็นชาน้ำมันชนิดดอกสีขาว ใช้ทำอาหารทำเครื่องสำอางได้ แต่ที่มีสรรพคุณทางยา ต้องเป็นชนิดที่ดอกสีแดง เราก็กำลังลองดูอยู่ แต่ที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ เพราะต้องการอากาศที่เย็น และต้องการความสูงมากกว่า แต่ที่เราปลูกมาได้ผลดี และมีผลผลิตออกมามาก ทางจีนมาดูแล้วก็บอกว่าไม่สามารถแนะนำได้แล้ว เพราะสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศของไทยและจีนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นนักเกษตรไทยต้องค้นคว้าด้วยตัวเอง ก็ต้องศึกษากัน


“ซึ่งมูลนิธิชัยพัฒนาร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง โดยได้ให้ทุนเพื่อจ้างเกษตรกร และให้ความรู้เกษตรกรให้ทำด้วยตนเอง พวกเขาก็ดูแลอย่างดี แต่ที่มีจำนวนมากที่สุดคือ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย แต่การนำชาลงมา ก็ไม่ได้ทำได้ง่าย เพราะเส้นทางถนนขรุขระร้ายกาจ ในประเทศไทยยังไม่ได้รับความนิยมแพร่หลาย แต่ในจีนมีความต้องการสูงมาก”


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสั่งอีกว่า การดำเนินโครงการน้ำมันเมล็ดชาไม่ได้มีประโยชน์ในเชิงธุรกิจอย่างเดียว แต่เป็นการพัฒนาชุมชน ชาวบ้านสนใจและอยู่ติดที่มีรายได้พอสมควร ไม่อดอยาก ดูแลรักษาผืนแผ่นดินไทยอย่างดี สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรมคือ แต่ก่อนนี้แม้จะมีหน่วยป้องกันไฟป่า แต่ไฟก็ยังไหม้ป่าไม่เว้นแต่ละวัน แต่พอทำโครงการนี้ ชาวบ้านสนใจดูแลของตัวเอง เอาใจใส่ควบคุมกันเอง ปรากฏว่ามีไฟไหม้น้อยมากเลย และหลังๆ ไม่มีเลย ทุกคนสามัคคีช่วยเหลือเป็นมิตรไมตรีที่ดี ร่วมกันรักษาแผ่นดิน รักษาประเทศชาติเอาไว้ นับว่าได้ประโยชน์ รวมทั้งฝ่ายเกษตร ฝ่ายทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ ก็มาร่วมกันทำ นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทำให้สังคมอยู่ร่วมกันเป็นสุข มีปัญหาอะไร ทุกคนก็มาช่วยกัน แก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดี


จากนั้นทรงกดปุ่มเปิดงาน “เทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์” ครั้งที่ 2 พร้อมทั้งทอดพระเนตรนิทรรศการ “น้ำมันเมล็ดชา” ซึ่งเป็นหนึ่งในพระราชดำริ ที่พระราชทานให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา นำเมล็ดพันธุ์ต้นชาน้ำมันจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาศึกษาและทดลองปลูกในประเทศไทย เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และกระตุ้นให้คนไทยใส่ใจในสุขภาพ เหนือสิ่งอื่นใดยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าและรักษาระบบนิเวศป่าไม้ในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย


จากนั้น ทรงปรุงอาหารที่ใช้น้ำมันเมล็ดชาเป็นส่วนประกอบ ประกอบด้วยเมนูพระราชทาน 2 รายการ คือ “ไก่นาบกระทะ” และ “ไข่พระอาทิตย์”













สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสั่งว่า “เมนูไข่พระอาทิตย์ เป็นตำราที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงสอนตั้งแต่เล็กๆ ที่บ้านทำเป็นกันทุกคนทั้งครอบครัว เป็นเหมือนไข่เจียวทั่วไป แต่ใส่ข้าวสุก ซึ่งข้าวไม่ควรใช้ข้าวแฉะ ใช้ข้าวค่อนข้างแข็งถึงจะดี ปรุงรสตามใจชอบ และทอดเหมือนไข่เจียวธรรมดา และที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงตั้งชื่อว่าไข่พระอาทิตย์ เพราะว่าเมื่อส่องกล้องแล้ว พื้นผิวดวงอาทิตย์มีลายเหมือนเมล็ดข้าว”


จากนั้น ทรงสาธิตวิธีการทำไข่พระอาทิตย์ โดยทรงเทน้ำมันเมล็ดชาลงไปในกระทะ พร้อมตรัสว่า “น้ำมันบางอย่างโดนความร้อนไม่ดี แต่น้ำมันเมล็ดชาไม่เป็นไร ถึงไหนถึงกัน” เมื่อน้ำมันร้อนแล้ว ทรงใส่ไข่ที่ผสมกับข้าวลงไปทอด รอให้สุกจึงทรงกลับด้านอีกด้านหนึ่ง เมื่อสุกได้ที่ทั้งสองด้าน ทรงตักขึ้นวางบนจาน


เมนูต่อมาคือ เมนูไก่นาบกระทะ รับสั่งว่า “เมนูนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ไม่ได้ทำให้ทาน เป็นตำราที่คนในวังทำให้ทานตั้งแต่เล็กๆ ที่เรียกว่าไก่นาบกระทะเพราะเอาไก่มานาบๆ กดๆ กับกระทะ ไม่ได้ทอด เป็นการนำอกไก่ไปหมักทิ้งไว้หนึ่งคืน แค่มีน้ำมันเมล็ดชา ซีอิ๊ว ใส่บรั่นดี กระเทียม พริกไทย รากผักชี แล้วนำมานาบกระทะทั้ง 2 ข้าง”


จากนั้น ทรงปรุงไก่นาบกระทะ โดยเริ่มต้นจากทรงเทน้ำมันเมล็ดชาลงไป ตามด้วยกระเทียม พริกไทย รากผักชี ที่โขลกรวมกันแล้ว แล้วทรงเกลี่ยๆ ให้เต็มกระทะ จากนั้นทรงนำไก่ลงไปกดๆ แนบๆ กับกระทะ สักพักหนึ่งก็ทรงใส่น้ำมันหอยลงไป ระหว่างนั้นตรัสว่า ถ้าอยากให้ไก่มีสีดำหน่อยก็ใส่น้ำมันหอยลงไป แต่ระวังจะเค็ม ถ้าเค็มก็ทานกับข้าว เมื่อไก่ด้านหนึ่งสุกกำลังดีแล้ว ทรงกลับด้าน และใส่น้ำมันหอยลงไปอีกครั้งหนึ่ง ทิ้งไว้สักพัก ทรงเทไวน์ขาวลงไปบนเนื้อไก่ พร้อมตรัสว่า เมนูนี้พระก็ฉันได้ เพราะแอลกอฮอล์ระเหยออกไปหมด เมื่อไก่สุกได้ที่แล้ว ทรงตักใส่จาน พร้อมทรงนำผักชีมาโรยหน้า


ภายหลังจากทรงปรุงทั้งสองเมนูเสร็จแล้ว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้นำทั้งสองเมนูมาตัดแบ่งและแจกให้ผู้มาร่วมงานได้ชิมกัน ซึ่งท่านทูตจีน “หนิง ฟู่ขุย” เมื่อได้ชิมแล้ว ก็พูดออกมาเป็นภาษาไทยว่า “อร่อยมาก”


“เทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ภัทรพัฒน์” ครั้งที่ 2 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-10 พฤศจิกายน ณ ควอเทียร์ แกลเลอรี่ ชั้นเอ็ม ตึกบี ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ กรุงเทพฯ








ที่มา มติชนออนไลน์


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : สมเด็จพระเทพฯ เทศกาลน้ำมันเมล็ดชา ทรงทอดไข่พระอาทิตย์ เมนูของพ่อ

view