จากประชาชาติธุรกิจ
นอกจากพระบารมีที่แผ่กว้างไพศาลต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า พระองค์ท่านยังทรงคำนึงถึงปัญหาด้านสุขภาพของผู้ป่วย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ “เจลลี่โภชนาพระราชทาน” หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม "อาหารพระราชทาน" ที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก ให้มีพละกำลังทั้งกายและใจต่อสู้โรค
|
“เจลลี่โภชนาพระราชทาน” เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาโภชนาการของผู้ป่วยเนื่องจากแผลจากอาการของโรคและผลข้างเคียงจากการบำบัดรักษา ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ จนเกิดปัญหาการขาดโปรตีนและพลังงาน และสิ้นสุดที่การให้อาหารบดผ่านสายยาง ซึ่งพบว่าผู้ป่วยมักมีอายุที่สั้นลง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานข้อคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยว่า “…เวลาทำอาหารให้คนป่วย เรื่องรสชาติเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเขาป่วยด้านร่างกายแล้ว จิตใจต้องดี ถ้าเราทำอาหารที่ไม่อร่อยไปให้ จิตใจเขาจะแย่ มันเป็นการซ้ำเติมผู้ป่วย” อาหารสำหรับผู้ป่วยจึงไม่ใช่แค่มีประโยชน์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว หากแต่ต้องมีรสชาติที่ถูกปากอีกด้วย
|
จึงเกิดเป็นการคิดค้นและพัฒนาอาหารในรูปแบบเจล มีลักษณะคล้ายเต้าหู้อ่อนเพื่อง่ายต่อการเคี้ยวและกลืนอาหารโดยไม่สำลักหรือติดคอ โดยเจลลี่พระราชทานเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการวิจัยและคิดค้นพัฒนาภายใต้โครงการนวัตกรรมอาหารสำหรับผู้ป่วย โดยความร่วมมือของมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมป์ หน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้หารือร่วมกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่มีความชำนาญเฉพาะด้านทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ มูลนิธิอานันทมหิดล,คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ,สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล,ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขและบริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด ร่วมกันพัฒนาสูตรเจลลี่ที่เน้นใช้วัตถุดิบที่มีจำหน่ายทั่วไปในอุตสาหกรรมอาหารภายในประเทศ อันได้แก่ 1.สารก่อเจล ซึ่งใช้วุ้น เจลาติน และสารคงตัวประเภทกัมเพื่อทำให้อาหารเหนียวนุ่ม
2.นมที่ผ่านการย่อยน้ำตาลแลคโตสเป็นแหล่งให้โปรตีนร้อยละ 20 ใช้ไขมันจากน้ำมันรำข้าวซึ่งให้พลังงานร้อยละ 25-30 และใช้มัลโตเด็กซ์ตริน (maltodextrin) เป็นแหล่งให้คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 50-55 3.ความหวานจากน้ำตาลในนมที่ถูกย่อยเป็นแลคโตส ความหวานจากน้ำตาลในผลไม้เพื่อปรับรสชาติ ก่อนจะแปรรูปด้วยกระบวนการอัลตร้าฮีททรีตเมนท์ (ultra heat treatment, UHT) หรือยูเอชที บรรจุในกล่องปลอดเชื้อ สามารถเปิดบริโภคได้ง่ายทั้งยังเก็บรักษาได้ยาวนานถึง 1 ปี
|
โดยเจลลี่โภชนาพระราชทานมีอยู่ด้วยกัน 2 รสชาติ ได้แก่ รสชานมและรสมะม่วง ซึ่งใน 1 กล่องจะมีปริมาตร 250 มิลลิลิตร แต่สามารถให้พลังงานได้ถึง 230-260 กิโลแคลอรี อันเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับรับร่างกายผู้ป่วยให้ได้รับพลังงานสารอาหารที่พอเพียงทางโภชนาการแจกจ่ายให้กับประชาชนที่นอกเหนือจากผู้ป่วยมะเร็งช่องปากแล้วผู้ป่วยมะเร็งชนิดอื่นหรือโรคอื่นๆ ที่มีปัญหาด้านการเคี้ยวกลืนอาหาร อย่างผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ป่วยทางทันตกรรมและผู้สูงอายุที่สูญเสียฟัน
|
หมายเหตุ : เจลลี่โภชนาพระราชทานเป็นอาหารพระราชทาน ห้ามจำหน่าย จึงยังไม่สามารถหาซื้อได้ ณ ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม มูลนิธิได้จัดทำโครงการอาหารพระราชทานสำหรับผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก ซึ่งจะแจกจ่ายให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก หรือผู้ป่วยอื่น ๆ ที่มีปัญหาการเคี้ยว การกลืน ตามสถานพยาบาล 9 แห่ง หรือติดต่อสอบถามมูลนิธิทันตนวัตกรรม ได้ที่โทรศัพท์ 0-2318-2355 1. โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา 0-4423-5000 2. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรุงเทพฯ 0-2202-6800, 0-2202-6888 ต่อ 1509 3. ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 0-2546-1960-67 4. ศูนย์มะเร็งชลบุรี 0-3878-4001-5 , 0-3845-5632-6 5. ศูนย์มะเร็งลพบุรี 0-3662-1800 6. ศูนย์มะเร็งลำปาง 0-5433-5262-8 7. ศูนย์มะเร็งอุดรธานี 0-4220-7375-80 8. ศูนย์มะเร็งอุบลราชธานี 0-4531-7133, 0-4531-7134, 0-4531-7136, 0-4531-7138, 0-4531-7139 9. ศูนย์มะเร็งสุราษฎร์ธานี 0-7727-7555, 08-7836-8811
|
ข้อมูลและรูปภาพบางส่วนจาก เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ www.mahidol.ac.th |
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน