จากประชาชาติธุรกิจ
จากคอลัมน์ ข่าวสดสุขภาพ นสพ.ข่าวสด
“หัวใจ” เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย และมีโรคภัยที่เกี่ยวข้องกับหัวใจมากมายหลายอย่าง ทั้งแสดงอาการและไม่แสดงอาการให้เห็น
นพ.ชาติทนง ยอดวุฒิ อายุรแพทย์ โรคหัวใจ ผู้ชำนาญการทางด้านการตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจ ร.พ.หัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน เกิดจาก หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัว หรือไขมันไปเกาะผนังของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงตีบ แคบลง ทำให้ปริมาณเลือดแดงผ่านได้น้อยเป็นผลทำให้เกิดภาวะของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
หากหลอดเลือดแดงตีบหรือแคบมากเกินไปจนอุดตัน จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ ผู้ป่วยโดยส่วนใหญ่นั้นมักไม่มีอาการแสดงออกมาให้เห็นในระยะแรก แต่ในผู้ป่วยที่หลอดเลือดหัวใจอุดตันค่อนข้างมากจะมีอาการเจ็บหน้าอกมากจนทนไม่ได้ เหมือนมีของหนักกดทับลงตรงกลางหน้าอก หรือเจ็บจากหน้าอกขึ้นไปถึงคาง เจ็บลงไปถึงแขนซ้าย การหายใจหอบและเหนื่อยง่ายมากกว่าปกติ เหงื่อแตก ใจสั่น ในบางรายหมดสติ หรือหัวใจหยุดเต้น
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคที่เราไม่สามารถควบคุมได้คือ อายุ พันธุกรรม และเพศ โดยผู้ชายมีความเสี่ยงมากกว่าผู้หญิง
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้อื่นๆ คือ โรคต่างๆ อาทิ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน
นอกจากนั้นก็ยังมี ระดับไขมันในเลือด ความอ้วน และยังพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่ มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ 2-4 เท่า
การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้ แถมยังช่วยควบคุมปัจจัยเสี่ยง อื่นๆ ได้ดีอีกด้วย
สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ที่ได้รับความนิยม คือการเปิดทางเดินเส้นเลือดหัวใจที่ตีบ แบ่งออกเป็น การขยายด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด และการใช้วิธีการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ หรือที่รู้จักกันว่า “การทำบายพาส”
โดยแพทย์จะใช้เส้นเลือดภายในทรวงอกด้านซ้าย และเส้นเลือดแดงบริเวณแขนซ้าย หรือเส้นเลือดดำบริเวณขา ตั้งแต่ข้อเท้าด้านในจนถึงโคนขาด้านใน มาเย็บต่อเส้นเลือดเพื่อนำเลือดแดงจากเส้นเลือดแดงใหญ่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่ขาดเลือด โดยข้ามผ่านเส้นเลือดส่วนที่ตีบ
ในกรณีแพทย์ตัดสินใจผ่าตัด ส่วนใหญ่จะทำเมื่อเส้นเลือดตีบและอุดตันแล้วประมาณ 70% ขึ้นไป แต่หากมีไขมันมาเกาะโดยไม่มีหินปูน และมีอายุ 30-40 ปี อาจรักษาด้วยการทานยาอาจช่วยให้ไขมันลดลง หรือกรณีที่อุดตันเส้นเดียว ก็ทานยา หรือใส่ขดลวดบอลลูนได้
และในปัจจุบัน การผ่าตัดบายพาสโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันมีด้วยกัน 2 วิธี คือ
1. การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ โดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off-Pump CABG) หรือแบบ “ไม่ต้องหยุดหัวใจ” โดยการผ่าตัดบายพาสแบบไม่หยุดหัวใจ ยังทำให้ใช้ปริมาณเลือดน้อยลง และลดระยะเวลาในการผ่าตัดและการ ดมยาสลบให้สั้นลง ตลอดจนระยะเวลาในการพักฟื้นในโรงพยาบาลก็สั้นกว่าแบบผ่าตัดบายพาสหยุดหัวใจ
2. การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ แบบต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (On Pump CABG) เพื่อ “หยุด” การทำงานของหัวใจทั้งหมด
หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วสิ่งที่ผู้ป่วยควรปฏิบัติ คือ จำเป็นต้องรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด มาตรวจตามนัด ทุกครั้ง ทานอาหารแต่พออิ่มควรเลือกทานผักผลไม้ ดื่มน้ำอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงและเค็มจัด งดดื่มสุรา ชา กาแฟ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทำจิตใจให้สงบ หาโอกาสพักผ่อน และหาวิธีลดความเครียด หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตื่นเต้น เช่น การดูเกมการแข่งขันที่เร้าใจ หลีกเลี่ยงงานหนัก งานรีบเร่ง และงานที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องนานๆ
ที่สำคัญ ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดีที่สุดคือการเดิน เริ่มโดยการเดินช้า ๆ ก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มระยะทาง แต่อย่าให้เกินกำลังตนเอง เมื่อมีอาการเจ็บหน้าอก ให้หยุดกิจกรรมนั้นๆ ทันที ให้รีบไปพบแพทย์ได้ทันที
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน