สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปีใหม่ ต้อนรับ หรือท้าทาย : พรแห่งธรรม จากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“ปีใหม่ ต้อนรับ หรือท้าทาย” : พรแห่งธรรม จากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)
        

        ช่วงส่งท้ายปีเก่า เข้า พ.ศ.ใหม่ ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นมงคลกับชีวิตเท่ากับการได้สดับตรับธรรมจากพระผู้เปี่ยมด้วยปฏิปาทาอันดีงาม เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา ขอน้อมนำคำสอนซึ่งเป็นดั่งพรอันวิเศษ เป็นพระธรรมคำเทศน์โดยพระเดชพระคุณ “สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์” (ป.อ.ปยุตโต)
       
       ถึงแม้พรปีใหม่นี้ ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์จะได้แสดงไว้ตั้งแต่ปีใหม่ 2553 สมัยท่านดำรงสมศักดิ์ที่ “พระพรหมคุณาภรณ์” แต่เพราะพระธรรมคำสอนนั้นเป็น “อกาลิโก” อยู่เหนือกาลเวลา แม้จะผ่านไปนานเพียงใด ธรรมที่แท้ ก็ยังคงเป็นธรรมที่แท้ เมื่อไตร่ตรองตามแล้ว ก็เกิดสติ เกิดปัญญา เพื่อจะดำเนินชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า ดุจเดียวกัน
       
       .. การต้อนรับปีใหม่นั้นเป็นเรื่องของความสุข จะสนุกสนานกันอย่างไรก็ตาม
       ถ้าไม่มีการเบียดเบียนกัน ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
       ไม่มีการทำให้เกิดความวุ่นวาย ก็ถือว่าดีทั้งนั้น
       เพราะว่าทำให้จิตใจร่าเริง สดใส เป็นมงคล เป็นการเริ่มต้นที่ดี
       
       ถ้าเราเริ่มต้นดีด้วยจิตใจที่เบิกบานผ่องใส ท่านเรียกว่าเป็นบุพนิมิต
       จะนำมาซึ่งความสุขความเจริญงอกงามยิ่งขึ้นไปเหมือนกับว่าวันนี้เป็นต้นทุน
       แล้วเราได้เริ่มตั้งทุนใหม่แล้วก็ตั้งต้นไว้ดีด้วย
       
       นอกจากจิตใจที่ ดีงามและพฤติกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแล้ว
       ส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือปัญญา
       รู้จักคิดคำนึงว่าต่อไปเราจะทำอะไร จะดำเนินชีวิตอย่างไร
       
       กาลเวลาที่ผ่านไปกลืนกินสัตว์ทั้งหลายไปด้วย ไม่ผ่านไปเปล่า
       ท่านจึงสอนให้เราใช้เวลาอย่างไม่ผ่านไปเปล่า
       ให้รู้จักใช้ประโยชน์จากเวลา ต้องให้ได้อะไรบ้างไม่มากก็น้อย
       
       การใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ก็อยู่ในหลักของความไม่ประมาทนั้นเอง
       คือ เราต้องมีความกระตือรือร้น ขวนขวาย ไม่นิ่งนอนใจ ไม่เผอเรอ
       ไม่ผิดเพี้ยน แต่ทำการต่างๆ ด้วยมีสติ ต้องทำกันตลอดเวลาทั้งปี
       
       ถ้าเราจะให้ได้ประโยชน์จากปีใหม่นี้
       จะต้องทำให้ได้ความหมายของความใหม่อย่างน้อย 3 อย่าง คือ
       1. ต้องมีความสุขสดชื่น
       2. ต้องมีความสะอาดสดใจ
       3. ต้องมีพลัง มีความเข้มแข็ง มีเรี่ยวแรงที่จะเดินหน้าต่อไป
       
       จะมีพลังแท้ต้องไม่ติดอะไร ตัวพลังความแข็งแรงที่แท้อยู่ที่ความเป็นอิสระ
       ความไม่ถูกกีดกั้นจำกัด ไม่ถูกกักขัง ไม่ถูกผูกมัดจองจำ
       ใครจะมีพลังแข็งแรงเท่าไรก็ตาม ถ้าหากว่าตกหลุมตกบ่อ จมปลัก
       ถูกดูดกลืนไปแล้วหรือว่าถูกมัดแน่นหรือถูกขังไว้ กำลังเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์
       เพราะฉะนั้น พลังจะมีความหมายตรงที่มีความเป็นอิสระ
       จะต้องสร้างพลังที่แท้คือความเป็นอิสระ
       ซึ่งโดยสาระหรือแก่นแท้ของมันคือการมีจิตใจที่ไม่ถูกกิเลสครอบงำนั่นเอง
       
       เมื่อมีความเป็นอิสระ โปร่งโล่งพร้อมแล้ว
       ท่านก็บอกว่าให้มีพลังอื่นอีก ถ้าไม่รู้จะเติมพลังอย่างไร
       ทำไปๆ บางทีพลังถอยลงไปทุกที
       จึงต้องเติมพลัง พลังอีก 4 อย่าง
       ซึ่งเป็นทุนสำคัญที่จะต้องมีไว้ประจำตัว ได้แก่
       
       1. ปัญญาพลัง คือกำลังปัญญา
       ถ้ามีปัญหาแต่ไม่มีปัญญาก็แก้ไม่ได้
       ถ้ามีปัญญา ปัญหามาเท่าไรก็ไม่กลัว แก้ได้หมด
       คนที่จะแก้ปัญหาจึงต้องพัฒนาปัญญาของตัวตลอดเวลา
       ต้องแสวงหาความรู้ ต้องค้นคว้าเพิ่มพูนปัญญาอยู่เสมอ
       สิ่งที่ควรย้ำมากกว่าการแสดงความเห็นคือการหาความรู้
       ถ้าแสดงความเห็นโดยไม่มีความรู้ก็กลายเป็นความเห็นที่เลื่อนลอย ไม่มีประโยชน์
       บางทีกลาวเป็นเหลวไหลไร้สาระไป
       
       2. วิริยพลัง คือกำลังความเพียรพยายาม
       คนที่มีความเพียรคือคนที่แกล้วกล้าเข้มแข็ง ใจสู้ ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยไป
       ความเพียรจึงเป็นพลังสำคัญที่จะทำให้งานเดิน
       
       3. อนวัชชพลัง คือกำลังความสุจริต
       คนที่มีความสุจริตก็จะมั่นใจตัวเอง และทำงานบุกได้เต็มที่
       
       4. สังคหพลัง คือกำลังการประสานร่วมมือบำเพ็ญประโยชน์
       การช่วยเหลือกัน การเกื้อกูลผู้อื่น การมีความร่วมมือสามัคคี
       การทำประโยชน์แก่สังคมประเทศชาติ (ผูกใจไมตรีและร่วมมือกัน)
       งานของเรามักจะมีจุดหมายมุ่งไปที่ข้อ 4 โดย 3
       ข้อต้นจะเป็นตัวผลักดันให้เราก้าวไปข้อที่ 4
       ถ้าทำงานไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไรก็จะมีพลังไม่สมบูรณ์
       พลังที่ 4 จึงเป็นตัวที่มาคุมท้ายอีกทีให้ครบ
       
       เมื่อเราได้ 4 ข้อนี้และมีฐานที่ดีคือความเป็นอิสระ
       ตอนนี้ก็เดินหน้าได้เต็มที่ นี่คือคนมีพลัง ตอนที่จะเข้าสู่ปีใหม่
       ถ้าเรามีพลังทั้งหมดที่ว่ามา ก็เรียกกว่าพร้อมที่จะเดินหน้า
       
       ปีใหม่มีความหมาย 2 อย่าง
       1. เป็นการต้อนรับวันเวลาต้อนรับเราตลอดทุกเมื่อ
       เขาเปิดโล่ง เพราะเขาเตรียมจะกลืนเราอยู่แล้ว
       เราเดินหน้าไปในเวลาก็เหมือนกับเราเข้าปากของเขามากเข้าไปเรื่อยๆ
       
       2. เป็นการท้าทายกาลเวลาข้างหน้าเป็นการเดินทางอย่างหนึ่ง
       เหมือนกับว่าเรากำลังจะเข้าสู่หน ทางที่เรายังไม่เคยเดิน
       ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไร จะพบอะไร จะผจญภัยกับอะไร
       ถ้าเรามีความไม่ประมาท เตรียมตัวให้พร้อม
       ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะต้องมีความสามารถที่จะรับมือ
       และจะต้องเอามันมาใช้ เป็นแบบฝึกหัดพัฒนาตัวให้ได้
       
       ขอให้ทุกท่านมีความร่มเย็นงอกงามในพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถบำเพ็ญประโยชน์ทั้งแก่ชีวิตของตน แก่ครอบครัว แก่สังคมประเทศชาติและแก่เพื่อนมนุษย์ทั้งปวง ทำโลกและสังคมให้เป็นที่รื่นรมย์น่าอยู่อาศัยโดยทั่วกันทุกท่านตลอดปีใหม่ และตลอดไปทุกเมื่อ เทอญ...” 

        _________________________________________________
       
       ข้อมูล : www.dhammajak.net 

สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ปีใหม่ ต้อนรับ หรือท้าทาย พรแห่งธรรม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ป.อ.ปยุตโต)

view