จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ โดย วีระพงษ์ ธัม www.facebook.com/10000Li
ทุกต้นปีตามธรรมเนียม ผมก็จะมาสรุปมุมมองว่าปีใหม่ 2560 น่าจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ซึ่งถ้าดูรวม ๆ แล้ว ก็น่าจะเห็นคล้ายกันว่าทุกภาคส่วนโดยเฉพาะรัฐบาลร่วมด้วยช่วยกันผลักดันให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น ดูเหมือนหลายอุตสาหกรรมเริ่มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เช่นอุตสาหกรรมพลังงาน กลุ่มโภคภัณฑ์ รวมถึงเกษตรหลายตัวมีราคาดีขึ้น กลุ่มอุปโภคบริโภคฟื้นตัว แม้แต่กลุ่มส่งออกก็เริ่มเห็นแสงสว่างในบางสินค้า หลังจากติดลบมา 2 ปี กำไรของบริษัทจดทะเบียนก็น่าจะเพิ่มขึ้นในเกือบทุกกลุ่ม แต่ถ้าจะให้พูดถึงปัจจัยสำคัญที่สุดในปี 2560 ผมคิดว่ามันคือเรื่อง "ความไม่แน่นอน"
สิ่งที่แน่นอนที่สุดบนโลกใบนี้คือความไม่แน่นอน เป็นวลีที่ผมเห็นด้วยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคที่ทุกอย่างเร็วขึ้น ความไม่แน่นอนก็ยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ดูได้จากอายุเฉลี่ยของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ การคาดการณ์อนาคตจึงเริ่มเป็นสิ่งที่ยากขึ้น และดูเหมือนไร้ประสิทธิภาพมากขึ้น กูรูทางเศรษฐศาสตร์หลายท่านถึงขนาดบอกว่าปัจจุบันเราคาดการณ์เศรษฐกิจได้ราว ๆ ไตรมาสข้างหน้าเท่านั้น บางครั้งผมยังรู้สึกว่าการทำนายเหตุการณ์ใกล้ ๆ ตัวอย่างเช่น Brexit หรือเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เมื่อความไม่แน่นอนคือ Theme หลักของปีนี้ เราจะทำอย่างไรได้บ้าง ? สิ่งที่ดีที่สุดคือ ต้องจดจ่อทำสิ่งที่เราสามารถ "ทำได้แน่นอน" ในความไม่แน่นอน เช่น เราไม่จำเป็นต้องไปคาดการณ์ว่าเราจะมีอายุขัยเท่าไหร่ หรือสุขภาพเราจะดีตลอดหรือไม่ จะเป็นโรคร้ายมั้ย เพราะมันคือความไม่แน่นอน แต่เราทำในสิ่งที่ทำได้แล้วดีแน่นอน เช่นการออกกำลังกาย หรือการดูแลอาหาร นี่คือการใช้สิ่งที่ "ทำได้แน่นอน" สู้กับ "ความไม่แน่นอน"
ความคิดแรกสำหรับเรื่องการลงทุน ต้องมองความไม่แน่นอนเป็นโอกาส ไม่ใช่อุปสรรค วันที่อนาคตประเทศอังกฤษไม่แน่นอนที่สุด คือวันที่กองทัพนาซีเยอรมันเปิดศึกทิ้งระเบิดกรุงลอนดอน แต่วันนั้นคือวันที่ดัชนีหุ้นอังกฤษ FTSE ลงไปที่จุดต่ำที่สุด นี่คือโอกาสซื้อหุ้นไม่ใช่ขาย บัฟเฟตต์เคยพูดว่า อเมริกันพบแต่ความไม่แน่นอนตั้งแต่สร้างประเทศในปี ค.ศ. 1776 ผ่านทั้งสงครามร้อนเย็นนับไม่ถ้วน ความไม่แน่นอนคือเพื่อนของนักลงทุนระยะยาว แต่ปัญหาของนักลงทุนส่วนใหญ่คือ ทุก ๆ วันเราจดจ่อกับความไม่แน่นอนปลีกย่อยมากเกินไป ขณะที่บางครั้งเรากลับโลภจนลืมคิดถึงมันไปเลย
ความคิดที่สองคือ เราจำเป็นต้องสร้างพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแรงตลอดเวลา นั่นคือการกระจายความเสี่ยงอยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย บางครั้งการกระจายพอร์ตอาจทำให้ผลตอบแทนลดลง เราอยากอัดซื้อหุ้นไม่กี่ตัว และให้หุ้นขึ้นเป็นเด้ง ๆ แต่ในสถานการณ์บางอย่าง หุ้นหลายตัวก็สร้างความผิดพลาดมหาศาล ซึ่งในประวัติศาสตร์ก็มีให้เห็นได้นักต่อนัก และการกระจายพอร์ตหุ้นในปัจจุบันก็สามารถไปลงทุนต่างประเทศซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
นอกจากนั้นเราต้องมีหุ้นที่"ราคาต่ำกว่ามูลค่า"และ"เข้มแข็ง"วิธีเดียวที่ทำได้คือ เราต้องพยายามหาหุ้นใหม่ที่ดีกว่าหุ้นในพอร์ตเราเสมอ ๆ นี่คือ "กรอบความคิด" ที่ทำได้ยาก เพราะของของเรา หรือหุ้นในพอร์ตเรา จะทำให้เรามีอคติคิดว่าหุ้นหน้าตา คุณภาพดีกว่าหุ้นคนอื่นเสมอ
ความคิดที่สามคือ อย่าสับสนระหว่าง "ความแน่นอน" และ "ความไม่แน่นอน" นี่คือสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะเราจะตกอยู่ใน "อุปทานหมู่" ได้ง่าย เช่นในปี ค.ศ. 2000 อินเทอร์เน็ตทำให้ทุกคนคิดว่า Dotcom คือเศรษฐกิจในอนาคต "อย่างแน่นอน" แต่มันพิสูจน์แล้วว่าต้องใช้เวลามากกว่านั้น ณ เวลานั้น มันคือ "ความไม่แน่นอน" อย่างมาก เพราะธุรกิจ Dotcom กว่า 99% ล้มละลายในช่วงเวลานั้น แม้กระทั่งเศรษฐกิจไทยที่เรามองว่าไทยจะเป็นเสือตัวที่ 5 "อย่างแน่นอน" แต่จุดจบคือฟองสบู่ครั้งใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย สิ่งที่แยกระหว่างความแน่นอนและความไม่แน่นอนได้ดีที่สุดคือ "กำไรกิจการ" เพราะนี่คือ "ของจริง" ถ้ากำไรมายิ่งช้าเท่าไร่ เราต้องบอกว่ามัน "ไม่แน่นอน" มากขึ้นเท่านั้น
ความคิดที่สี่คือ การลงทุนในตัวเองคือการลงทุนที่ผลตอบแทนแน่นอนที่สุด เราต้องอย่าลืมลงทุนในตัวเอง ตั้งแต่เรื่องลงทุนออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง ลงทุนในความรู้ให้เรามีความรู้กว้างและลึกเพื่อให้สามารถ "คิด วิเคราะห์ แยกแยะ" สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ลงทุนในความสัมพันธ์ต่อครอบครัว ผู้อื่น และสังคม เพื่อให้เราไม่ลืมบางอย่างไว้ข้างหลัง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้การลงทุนไปข้างหน้าของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความคิดที่ห้าคือ ความไม่แน่นอน "ไม่น่ากลัว" ตราบใดที่เรามี "สติ" สถานการณ์หุ้นและความผันผวนจะสร้าง "โอกาส" หรือ "ความเสี่ยง" ขึ้นอยู่กับสติของเรา ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวไว้ว่า "สิ่งเดียวที่เราต้องกลัวคือความกลัว" บัฟเฟตต์พูดไว้ว่า "ความล้มเหลวของนักลงทุน มาจากความหยิ่งยโส ความโลภ ความอิจฉา ความกลัว และการเลียนแบบผู้อื่น" และผมคิดว่าทั้งหมดนี้จะลดลงได้ถ้าเราดำรงไว้ซึ่งสติให้มั่นคง
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนในธุรกิจและในชีวิตตนเองและครอบครัวในปีไก่นี้ครับ
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน