สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เป็นไปได้ไง! พงศาวดารเขมรจารึกพุทธทำนาย คนเมืองนี้พูดจาไม่มีสัตย์ เพราะบุรพกษัตริย์มีกำเนิดเกิดจากสัตว์ตะกวด

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

โดย โรม บุนนาค

เป็นไปได้ไง! พงศาวดารเขมรจารึกพุทธทำนาย คนเมืองนี้พูดจาไม่มีสัตย์ เพราะบุรพกษัตริย์มีกำเนิดเกิดจากสัตว์ตะกวด!!

        ก่อนจะอ่านเรื่องนี้ ขอทำความเข้าใจเสียก่อนว่า ผู้เขียนไม่ได้เป็นผู้แต่งเรื่องนี้ แต่เก็บความหรือจะเรียกว่าคัดลอกมาก็ได้ จากหนังสือชื่อ “ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา” ฉบับแปลโดย พันตรีหลวงเรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์) และยังแปลกใจว่ามีเรื่องอย่างนี้บันทึกไว้ในพงษาวดารของเขมรได้อย่างไร เมื่อวันก่อนเล่าพงศาวดารไทยที่จารึกเรื่องพระร่วงวาจาสิทธิ์มีกำเนิดเกิดจากต่อมโลหิตของพญานาคแล้ว เลยทำให้นึกถึงเรื่องนี้ที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าพงศาวดารไทยเข้าไปอีก
       
       ต้นฉบับเดิมของพงศาวดารฉบับนี้ ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดย์ ผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีตะวันออกชาวฝรั่งเศส ซึ่งเคยรับราชการอยู่ในกรมศิลปากรของไทย ต่อมาไปทำงานให้สถาบันตะวันออกของฝรั่งเศสที่กรุงฮานอย ได้พบต้นฉบับที่เป็นภาษาเขมร จึงนำมามอบให้หอสมุดวชิรญาณเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๙ ซึ่งทางหอสมุดได้มอบให้ พันตรีหลวงเรืองเดชอนันต์ ผู้เชี่ยวชาญภาษาเขมรแปล แล้วจัดพิมพ์ครั้งแรกใน พ.ศ.๒๔๖๐ ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๑๓ สำนักพิมพ์แพร่พิทยาได้จัดพิมพ์เป็นครั้งที่ ๒ และใน พ.ศ.๒๕๕๐ สำนักพิมพ์ศรีปัญญา จัดพิมพ์อีกครั้งที่ ๓
       
       พันตรีหลวงเรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนรัชต์) ผู้นี้ ก็คือบิดาของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์นั่นเอง
       
       ราชพงษาวดารฉบับนี้มีอยู่ ๓ ตอน ตอนที่ ๑ เป็นเรื่องตำนานครั้งดึกดำบรรพ์ กล่าวถึงเรื่องสร้างพระนครหลวง นครวัด เก็บมาจากเรื่องนิทานที่บอกเล่ากันมา ซึ่ง นักองค์นพรัตน์หริรักษ์ราชภูบดี ราชบุตรของสมเด็จพระนโรดม ทรงนิพนธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๐ เสริมข้างต้นพงษาวดารเดิมที่มีอยู่เพียง ๒ ตอน
       
       ในเรื่องแรกของตอนที่ ๑ เปิดประเดิมด้วยเรื่อง “พระพุทธทำนาย” กล่าวความว่า
       
       ปางเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธมีพระชนมายุจวนครบถ้วน ๘๐ พรรษา ซึ่งเป็นกาลใกล้ที่พระองค์จะเสด็จเข้าสู่นิพพาน ได้เสด็จพระราชดำเนินกระทำทักษิณาวัฏแห่งเกาะชมพูทวีป เลียบตามฝั่งมหาสาครเพียง ๒ องค์กับพระอานนท์ เมื่อเสด็จมาถึงเกาะใหญ่แห่งหนึ่ง กลางเกาะนั้นมีต้นหมันใหญ่ขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง ที่ลำต้นมีโพรงที่พระยานาคมาทำไว้พัก ส่วนพื้นดินโคนต้นก็ราบเรียบดังหน้ากลอง ทรงนำพระอานนท์เข้าประทับที่โคนต้นหมันนั้น
       
       ครั้นจวนถึงเพลาราตรี พระจันทร์แจ้งนภา รุกขเทวาผู้ซึ่งอภิบาลรักษาต้นหมันก็นิมิตเป็นสุวรรณปัจฐรณ์ที่บรรทม มีฟูกหมอนแพรพรมเครื่องปูลาดอันบริสุทธิ์สะอาด ถวายแด่องค์สมเด็จภควา
       
       พอล่วงเข้าปฐมยาม พระยานาคได้นำบริวารขึ้นมาเล่นเช่นเคย ครั้นพบสมเด็จพระศาสดา จึงเข้าไปน้อมเศียรนมัสการขอพระธรรมวิเศษเทศนา ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธก็ทรงพระกรุณาสำแดงพระธรรมวิเศษเทศนาให้พระยานาคและบริวาร
       
       ครั้นลุมัชฌิมยาม ฝูงเทพนิกรอมรเมฆ มีสมเด็จพระหัสไนยอินทราเป็นต้น ได้พากันเหาะเหินเดินอากาศมาเฝ้า พากันกราบทูลข้อธรรมปัญหาที่ยังกังขาต่างๆ
       
       จนลุปัจฉิมยามเป็นที่สุด บรรดาฝูงเทวบุตรเทวดาแลฝูงนาคีนาคา บางตนที่มีบารมีแก่กล้าก็สำเร็จมรรคผล ต่างพากันถวายอัญชีลากลับไปสำนักแห่งตน
       
       ลุเพลาปัจจุสมัยใกล้รุ่ง พระพุทธองค์จึงตื่นบรรทม ทรงรำพึงถึงนิสัยในสัตว์โลกทั้งปวงตามพุทธกิจแล้ว ตรัสสั่งพระอานนท์ให้คอยอยู่ใต้ต้นหมัน แล้วพระองค์จึงยุรยาตรปาฏิหาริย์เหาะขึ้นไปบิณฑบาตรยังดาวดึงส์ ครั้นได้อาหารจึงเสด็จกลับคืนมา ทรงพระกรุณาแบ่งอาหารบิณฑบาตรนั้นให้พระอานนท์ได้รับประทานฉันด้วย
       
       ในขณะสมเด็จพระพุทธเจ้ากำลังเสวยพระกระยาหารอยู่นั้น สัตว์ตะกวดตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในโพรงเก่าของพระยานาค ได้กลิ่นอาหารทิพย์จึงคลานเข้ามาเฝ้าพระผู้มีพระภาคย์เจ้า น้อมเกล้าฯถวายบังคม สมเด็จพระพุทธองค์ก็ทรงพระกรุณาปั้นพระกระยาหารปั้น ๑ แล้วทรงโยนไปประทานสัตว์ตะกวดนั้น
       
       ครั้นสัตว์ตะกวดได้บริโภคอาหารทิพย์ รู้สึกมีรสโอชา จึงแลบชิวหาเลียปากของตนเอง สมเด็จพระพุทธองค์ทรงทัศนาเห็นลิ้นสัตว์ตะกวดที่แลบออกมาเลียปากนั้น แตกเป็น ๒ ซีก ก็ทรงแย้มพระโอษฐ์จะตรัสพยากรณ์
       
       พระอานนท์เห็นพระพุทธเจ้าทรงแย้มพระโอษฐ์ ก็ยกอัญชลีน้อมกราบบังคมทูลถามว่า เมื่อได้ทรงเห็นสัตว์ตะกวดเลียปากแล้ว ทรงแย้มพระโอษฐ์ดังนี้ ยังจะมีเหตุการณ์เป็นฉันใดฤา
       
       สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธทรงปรารถตรัสทำนาย บอกพระอานนท์ว่า
       
       ดูกรอานนท์เอ๋ย จำเดิมตั้งแต่นี้ต่อไปภายหน้า เกาะโคกหมันนี้แผ่นดินจะงอกขึ้นอีกกว้างใหญ่ แล้วจะเกิดเป็นนครหนึ่ง ซึ่งสัตว์ตะกวดมีจิตรเลื่อมใสศรัทธามากราบถวายบังคมต่อองค์ตถาคต โดยอำนาจกุศลที่โสตประสาทได้ยินศัพท์สำเนียงพระสัทธรรมเทศนาแห่งตถาคต ในเมื่อแสดงให้พระยานาคและฝูงเทวาได้สดับตรับฟังนั้น เมื่อสัตว์ตะกวดนี้สิ้นชีพแล้ว จะได้บังเกิดบนสวรรค์ แล้วจะได้จุติลงมาเป็นกษัตริย์องค์หนึ่ง ครองกรุงอินทปรัตนคร และพระราชบุตรของกษัตริย์องค์นั้นจะได้เสด็จมาที่ตรงนี้ จึงพระยานาคที่ได้มาฟังพระธรรมเทศนานี้เอง จะได้มาสร้างพระนครเป็นราชธานีใหญ่ ให้แก่พระราชบุตรของกษัตริย์องค์นั้นประทับ แล้วขนานนามพระนครว่า กรุงกัมพูชาธิบดี ส่วนนานาประเทศจะเรียก เขมระภาษา ลุกาลต่อไปภายหน้า พระอินทราธิราชจะได้มาสร้างปราสาทถวาย แล้วเรียกนามเมืองว่า อินทปรัตนคร เป็น ๒ ชื่อ แลบรรดามนุษยชาติในพระราชธานีนี้ จะพูดจาสิ่งใดๆไม่ค่อยยั่งยืนอยู่ในสัตยานุสัตย์ โดยบุรพกษัตริย์ผู้ตั้งต้นแผ่นดิน มีชาติกำเนิดเกิดจากสัตว์ตะกวด อันมีลิ้นแฝดแตกแยกออกเป็น ๒ ซีก
       
       ครั้นทรงตรัสทำนายเหตุการณ์ ณ ที่นั้นเสร็จแล้ว เสด็จทรงพระราชดำเนินไปทรงทำนายเหตุการณ์ ณ ประเทศถิ่นที่อื่นๆต่อไป จนบรรลุถึงนครกุสินาราย เสด็จเข้าสู่ราชอุทยาน ประทับอยู่ภายใต้ต้นรังทั้งคู่ แล้วจะได้เสด็จเข้าสู่พระบรมนิพพาน
       
       อ่านแล้วก็งงๆเหมือนกัน ทำไมพงศาวดารเขมรจึงเก็บเรื่องนิทานแบบนี้มาบันทึก ทั้งผู้บันทึกก็เป็นพระราชวงศ์ชั้นสูงของกัมพูชาเอง เป็นไปได้หรือไม่ว่า ความคิดและความหมายของคนโบราณ จะแตกต่างกับความคิดความเข้าใจของคนในยุคนี้ ก็เลยเก็บเอามาเล่าสู่กันอ่าน 


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,#สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เป็นไปได้ไง พงศาวดารเขมร จารึกพุทธทำนาย คนเมืองนี้พูดจาไม่มีสัตย์ บุรพกษัตริย์ กำเนิดเกิดจาก สัตว์ตะกวด

view