จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เบญจรงค์ สุวรรณคีรี
เลิกสนทรัมป์ กลับไปมองเฟดดีกว่า
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ได้ฟังนายทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาของสหรัฐไปเมื่อคืนวันที่ 28 ก.พ. หรือเช้าวันที่ 1 มี.ค.เวลาบ้านเรากันไปแล้ว รู้สึกอย่างไรกันบ้าง? คึกคักหรืองงงวย? สำหรับตัวผมเอง ผมยังรู้สึกว่ายังขาดข้อมูลที่สำคัญทางนโยบายหลายประการ สุดท้ายแล้วนโยบายที่นายทรัมป์จะขับเคลื่อนนั้นคืออะไรบ้างและจะทำอะไรก่อนหลัง
ตลาดเองก็เหมือนมีความคาดหวังค่อนข้างสูงว่า ครั้งนี้แหละ เราจะได้ทราบถึงหัวใจนโยบายสำคัญต่างของสหรัฐฯ ที่นายทรัมป์เคยได้หาเสียงไว้จะมีอะไรบ้าง ไหนจะเรื่องภาษีที่รัฐมนตรีคลังออกมาให้สัมภาษณ์ว่ารายละเอียดนั้น คงต้องรอถึงเดือนสิงหาคมกันเลยทีเดียว หรือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ตอนนี้เราได้ตัวเลขคร่าวๆมาแล้วว่าน่าจะราวๆ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า (เงินมาจากไหนเดี๋ยวค่อยว่ากันที่หลัง) เพียงแต่ยังไม่ทราบว่าจะทำโครงการอะไรบ้างและเมื่อไหร่ จึงเหมือนท้ายสุดตลาดยังต้องรอลุ้นกันต่อไป
ถึงแม้ในแง่เศรษฐกิจเราจะไม่ได้ข้อมูลมากมายจากสุนทรพจน์ของนายทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะช่วงหลังๆนี้ก็เห็นตลาดเงินตลาดทุนเอง เริ่มมองๆข้ามประเด็นของทรัมป์ไปบ้างแล้ว โดยมุ่งประเด็นกลับไปที่การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง
ยังจำกันได้ใช่ไหมครับ ว่าปีนี้เฟดเค้าว่าอาจขึ้นดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งเลยทีเดียว ซึ่งตอนแรกหลายๆฝ่ายก็คิดว่าน่าจะยากและเป็นไปไม่ได้ ก็ไม่ใช่ไม่มีความเชื่อมั่นนะครับ เพียงแต่ปีที่แล้วตอนต้นปีเค้าก็ว่าจะขึ้น 4 ครั้ง สุดท้ายทั้งปีทำได้แค่เพียงครั้งเดียว ปีนี้นักลงทุนกับนักวิเคราะห์เลยให้ได้แค่เพียงครึ่งใจ คาดไว้แค่ 2 ครั้ง จะหวังพึ่งนายทรัมป์ให้ความชัดเจนก็เหมือนจะไม่สำเร็จเสียที
แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนกลับมาให้น้ำหนักกับเฟดมากขึ้นอย่างชัดเจน คือตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2.5% ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น เงินเฟ้อที่วัดโดยค่าใช่จ่ายส่วนบุคคลของสหรัฐฯ ขยายตัวที่ 1.9% สูงที่สุดตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2555 กันเลยทีเดียวและกลับเข้ามาอยู่ใกล้กลับเป้าหมาย 2% ของเฟด ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมานั้น ทำให้ตลาดเริ่มให้น้ำหนักว่าในการประชุมเฟดเดือนมี.ค. นี้ มีโอกาสถึง 67% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ กระโดดขึ้นมาจากเพียง 35% หรือเฉียดๆสองเท่าเลยทีเดียว สงสัยดอกเบี้ยจะกลับมาเร็วและแรงกว่าที่คิด
ถามว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงแล้วเหรอ? จริงๆก็ต้องบอกว่ายังครับ แต่ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมานั้นอยู่ระดับใกล้เคียงกับปรกติมาก ในขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ก็ใกล้เคียงปรกติมากขึ้น อีกทั้ง อัตราการว่างงานก็กลับมาที่ 4.8% จากเคยอยู่ที่ 10% ความเชื่อมั่นนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้บริโภคกลับมาอยู่ในระดับที่สูงที่สุดหลังวิกฤติซับไพรม์ อีกทั้ง ดัชนี้หุ้นอย่างดาวน์โจนส์ก็ยังทำระดับสูงสุดติดต่อกันเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น สิ่งที่แปลกแตกพวกอยู่ขณะนี้คือดอกเบี้ยที่ยังต่ำเป็นประวัติการณ์อยู่ครับ ไม่ใช่เพราะเงินเฟ้อสูง
ปีนี้นักวิเคราะห์หลายคนออกมาพูดถึงเงินเฟ้อว่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ต้องจับตาดูในแง่แนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุน เรื่องนี้ผมเห็นด้วยครับ แต่เงินเฟ้อที่หลายๆท่านจะได้เห็นจากนี้ไปจะไม่ได้สูงจนต้องกังวลกัน เราจะเห็นเงินเฟ้อกลับมาสู่ระดับปกติที่ควรจะเป็นหลังราคาน้ำมันทำให้เงินเฟ้อต่ำเป็นประวัติการณ์ไปสองปีเต็มๆ และเมื่อตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นว่าดอกเบี้ยก็ต้องกลับเข้าสู่ระดับปกติเช่นกัน เมื่อเห็นอย่างนี้ เราจึงไม่สามารถเลี่ยง และต้องกลับมาให้ความประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้งหนึ่ง และเหมือนคราวนี้ เฟดจะไม่ได้มาเล่นๆอย่างปีที่แล้วแน่นอนครับ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน