จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ ช่วยกันคิด
โดย รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ ม.เกษมบัณฑิต
ภายหลังที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจแนวใหม่ ด้วยการผลักดันให้ก้าวไกลสู่ 4.0 ปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้นโยบายของรัฐบาลประสบความสำเร็จ คือ “คน” คนได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ซึ่งนักวิชาการทั่วโลกได้ศึกษาวิจัยแล้วพบว่า “คน” เป็นทรัพยากรที่สำคัญ เพราะการพัฒนาหรือขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใด ๆ ก็ตาม ล้วนแต่ต้องเริ่มที่คนทั้งสิ้น
วันนี้โลกกำลังอยู่ในการแข่งขันและก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัวทุกประเทศ ต่างเร่งการพัฒนาคนในสายพันธุ์ใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่การบริหารจัดการประเทศหรือองค์กร ต่างเชื่อว่า คนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีพลัง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนา องค์กรและประเทศจำเป็นต้องอาศัยบุคลากรหรือคนที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในแต่ละสาขาวิชา
การบริหารประเทศเพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่คาดหวัง ผู้นำจำเป็นต้องคัดสรรบุคคลที่มีคุณสมบัติสามารถตอบโจทย์ประเทศได้ เช่นเดียวกับพลังหรือเครือข่าย ที่จะสนับสนุนพันธกิจของรัฐบาลให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ได้ คือบุคลากรในองค์กรภาครัฐและเอกชน
เมื่อประเทศและองค์กรจำเป็นต้องก้าวไปสู่ทิศทางอนาคตแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเข้าสู่ 4.0 ประเทศและองค์กรจำเป็นต้องบริหารจัดการคนให้มีคุณภาพ พร้อมจะเดินหน้าและเข้าใจในบริบทของโลก
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในโลกของการแข่งขันหรือโลกยุคดิจิทัล อาจแตกต่างจากการบริหารจัดการในอดีต ที่สำคัญวันนี้ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องอาศัยคนหรือทรัพยากรมนุษย์แห่งอนาคต ที่มีความพร้อม มีความสมบูรณ์ เป็นพลเมืองที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นคนที่ตื่นรู้ มีจิตสาธารณะ และทำประโยชน์ต่อส่วนรวม
ต้นทางของการพัฒนาเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง คือการสร้าง “ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง” ประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 การเดินหน้าประเทศเพื่อพัฒนาให้ก้าวสู่ 4.0 สิ่งที่ท้าทายรัฐบาลหรือผู้นำประเทศ คือคำถามที่ว่าวันนี้ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงหรือผู้บริหารการเปลี่ยนแปลงมีมากน้อยแค่ไหน ? หน่วยงานราชการซึ่งถือเป็นมือไม้ที่สำคัญของรัฐบาลมีความพร้อมและทันต่อโลกในศตวรรษนี้มากน้อยแค่ไหน ?
เมื่อเดือนมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลสำหรับข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และสถาบันพัฒนาคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อจัดทำแผนพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้บุคลากรภาครัฐ เตรียมพร้อมรับรัฐบาลดิจิทัลยุคใหม่ ความตอนหนึ่งว่า “การจะขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลได้ ต้องบูรณาการจากสามส่วน คือ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ แผนงานหรือแผนยุทธศาสตร์ และการบริหารจัดการ คือการดำเนินการด้านงบประมาณ ประเด็นสำคัญคือต้องปรับความคิดข้าราชการให้เป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” นำระบบดิจิทัลมาเสริมการทำงาน ข้าราชการมีหน้าที่จะต้องพัฒนาตนเองให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตและต้องทันสมัย โดยคำนึงถึงการทำงานระหว่างคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่า ที่จะต้องเตรียมพร้อมและก้าวเดินไปด้วยกัน” การกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในครั้งนั้นเป็นการส่งสัญญาณให้สังคมไทย โดยเฉพาะข้าราชการหรือผู้บริหารองค์กรภาครัฐ ต้องปรับตัวเพื่อการเป็นทรัพยากรบุคคลภาครัฐเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่า
ขณะเดียวกันการสร้างหรือพัฒนาเมล็ดพันธุ์ทุนมนุษย์ให้มีความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง นักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคดิจิทัลเชื่อว่า คนหรือผู้ที่ผ่านการพัฒนาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง จะมองเห็นถึงโอกาสของการปรับตัวเพื่อให้ทันยุคทันสมัย ดังนั้น การที่ผู้นำหรือผู้มีหน้าที่ในการบริหารจัดการองค์กรหรือประเทศทราบวิธีการค้นหาการเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้อง รวมทั้งวิธีที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิผลทั้งภายในและภายนอกองค์กร
ได้แก่ นโยบายและการคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายในการสร้างสมดุลระหว่างการเปลี่ยนแปลงกับความต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพราะนโยบายการสร้างสิ่งใหม่อย่างเป็นระบบ สามารถสร้างจิตสำนึกในองค์กร อีกทั้งทำให้องค์กรมองเห็นว่าการเปลี่ยนแปลง คือโอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ภายใต้บทบาทสำคัญ อาทิ การเป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลง, การเป็นนักคิด, การบริหารแบบประชาธิปไตย, การเป็นผู้ประสาน, การประนีประนอม, การประชาสัมพันธ์ และการประชาสงเคราะห์ เป็นต้น
โมเดลการพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตามนโยบายรัฐบาลจะสำเร็จได้ ที่สำคัญอีกหนึ่งมิติ คือ การยกระดับคุณค่ามนุษย์ ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในศตวรรษที่ 21 ควบคู่ไปกับการเป็นคนไทย 4.0 ในโลกแห่งปัจจุบันและอนาคต
ตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ดัชนีการพัฒนามนุษย์ (HDI) จาก 0.722 ในปี พ.ศ. 2556 หรือ อันดับที่ 89 เป็น 0.80 หรือ 50 อันดับแรกภายใน 10 ปี รวมทั้งยกระดับคุณภาพฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการและทิศทางการพัฒนาประเทศจำนวน 500,000 คน ภายใน 5 ปี มหาวิทยาลัยไทยติด 100 อันดับแรกของโลกจำนวน 5 สถาบัน ภายใน 20 ปี และนักวิทยาศาสตร์ไทยได้รับรางวัล Noble Prize อย่างน้อย 1 ราย ภายใน 20 ปี ซึ่งโมเดลดังกล่าวอาจไกลเกินฝัน แต่ถ้าพลังของทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐและเอกชนทุ่มเทพร้อมใจในการเดินหน้าอย่างแท้จริง เชื่อว่าโอกาสแห่งอนาคตจะปรากฏให้เห็นในเร็ววัน
รายงานวิจัยซึ่งเป็นผลผลิตของนักวิชาการแห่งการเปลี่ยนแปลง มีการศึกษาเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการพัฒนาทุนมนุษย์ไว้น่าสนใจหลายประการ โดยเฉพาะการสร้างให้คนไทยก้าวสู่ 4.0 พบว่าจำเป็นต้องกำหนดให้เป็นวาระแห่งการพัฒนาที่เปรียบเสมือนการเตรียมเมล็ดพันธุ์ใหม่ด้วยการบ่มเพาะคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในศตวรรษที่ 21 ควบคู่ไปกับการพัฒนาคนไทย 4.0 สู่โลกแห่งอนาคต
งานวิจัยยังพบว่า คุณลักษณะของคนไทยที่สมบูรณ์ในยุคดิจิทัล มีพลังที่จะร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาชุมชน สังคมและประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเป็นผู้ที่ปัญญาเฉียบแหลม (Head) มีทักษะที่เห็นผล (Hand) มีสุขภาพที่แข็งแรง (Health) และมีจิตใจที่งดงาม (Heart)
อย่างไรก็ตาม การที่ชุมชนสังคมและประเทศ จะก้าวสู่การพัฒนาเทียบเคียงได้กับชาติที่เจริญแล้ว รากฐานหรือต้นทางที่สำคัญต้องเริ่มจาก “คนไทยทุกคน” ซึ่ง “คนไทย” เหล่านี้จะเป็นพลังในการเสริมสร้างคุณภาพและความเข้มแข็งให้กับสังคมในทุกมิติ และเมื่อคนไทยมีคุณภาพก็จะสามารถลดความเลื่อมล้ำทางสังคมได้พร้อมกัน หากคนไทยมีค่านิยมเพื่อการเปลี่ยนแปลงบนพื้นฐานแนวคิดของการรู้จักเติม รู้จักพอ และรู้จักปัน การเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 จึงเป็นเรื่องที่มองเห็นได้ในเวลาอันรวดเร็ว
การเติมในสิ่งที่จำเป็น เติมในสิ่งที่ต้องการ เติมให้เต็ม เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนบนพื้นฐานของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะเป็นแรงผลักที่สำคัญให้คนไทยหรือเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุกภาคส่วนพร้อมที่จะเดินหน้านำพาประเทศไปเคียงคู่กับนโยบายแห่งรัฐ
การวางรากฐานแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อการพัฒนาคนหรือทุนมนุษย์ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการขับเคลื่อนสนับสนุนจากองค์กรหลักของภาครัฐ หน่วยงานแรกที่สำคัญที่สุด หนีไม่พ้นกระทรวงศึกษาธิการ เพราะเป็นหน่วยงานหลักในการวางรากฐานการพัฒนาคน ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงอุดมศึกษา เพื่อนำไปสู่การสร้างงานและสร้างชาติ อย่างไรก็ตาม ความหวังความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อหน่วยงานนี้ในรอบหลายปีที่ผ่านมา พบว่าการพัฒนาการศึกษาบ้านเรายังตกอยู่ในวังวนและเป็นความหวังแห่งปลายอุโมงค์ ซึ่งอาจเนื่องมาจากนโยบายตลอดจนทิศทางการปฏิรูปการศึกษายังไม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เปลี่ยนรัฐมนตรีไอเดียหรือวิสัยทัศน์ใหม่ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่องานเดิมที่เคยกำหนดไว้ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาการศึกษาให้มีทิศทางอนาคตที่ชัดเจนได้อย่างประเทศที่เจริญแล้ว เช่น ฟินแลนด์ หรือสิงคโปร์ เป็นต้น
วันนี้หากสังคมไทยมีจุดยืนและเป้าเป็นหนึ่งเดียวกัน การที่จะผลักดันแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้ประเทศไทยก้าวสู่ 4.0 อย่างเร็ววันและมีทิศทางอนาคตที่ชัดเจน คงถึงเวลาที่ผู้นำประเทศตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะรัฐบาลแห่งอนาคตที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งในปี 2561 จำเป็นต้องวางรากฐานการเพาะเมล็ดพันธุ์ทุนมนุษย์ที่ชัดเจน พร้อมทั้งกำหนดพิมพ์เขียวการพัฒนาอันเป็นความหวังที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันในยุคดิจิทัล
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน