จากประชาชาติธุรกิจ

ในที่สุด จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) เว็บไซต์หางาน สมัครงาน อันดับ 1 ของประเทศไทย ได้เปิดเผยข้อมูล 3 สิ่งบนโซเชียลมีเดีย (Social Media) ที่ HR หลายองค์กรในปัจจุบันใช้ประกอบการพิจารณาก่อนคัดเลือกเข้าทำงาน ควบคู่ไปกับการพิจารณาจากใบสมัคร และการสัมภาษณ์

โดยผลสำรวจระบุว่า รูปภาพ-ไม่ว่าจะเป็นภาพที่โพสต์เอง หรือภาพที่เลือกแชร์ออกไปให้ผู้อื่นรับทราบ มีผลต่อภาพลักษณ์ของผู้สมัครงาน ตามมาด้วยข้อความหรือการแสดงความคิดเห็น-ถือเป็นการแสดงออกให้เห็นถึงอารมณ์ ทัศนคติ และวุฒิภาวะของเจ้าของข้อความ ปิดท้ายด้วยไวยากรณ์ที่ใช้ และการสะกดคำ-เพราะหากผู้โพสต์รู้จักใช้ภาษาเพื่อการสื่อความอย่างถูกต้อง และถูกกาลเทศะ จะทำให้องค์กรมองเห็นถึงทักษะในการสื่อสารที่ผู้สมัครงานมีอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในการทำงาน

“แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์” ผู้ร่วมก่อตั้ง และหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการ เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) กล่าวว่า ปัจจุบันโลกที่เทคโนโลยีการสื่อสารมีการพัฒนาและมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น หลายคนต่างมีโซเชียลมีเดีย (Social Media) เป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ ฯลฯ ไว้สำหรับติดตามข่าวสาร รวมถึงบอกเล่า หรือแชร์เรื่องราวมากมายที่พบเจอผ่านช่องทางเหล่านั้น

“หลายคนเข้าใจว่าโซเชียลมีเดียคือพื้นที่ส่วนตัวที่สามารถแสดงพฤติกรรมได้อย่างอิสระ แต่ในความเป็นจริง พฤติกรรมทั้งหมดที่แสดงออกบนโซเชียลมีเดียกลับกลายเป็นส่วนสำคัญ และส่งผลกระทบในโลกการทำงาน หลายคนอาจไม่ตระหนักว่า โซเชียลมีเดียได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะในขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกรับคนเข้าทำงาน”

จึงทำให้ HR ของหลาย ๆ องค์กรเริ่มมีการนำชื่อ หรืออีเมล์ของผู้สมัครงานไปค้นหาโซเชียลมีเดียเพื่อทำความรู้จักให้มากขึ้น ทั้งยังใช้ประกอบการพิจารณาเข้าทำงาน นอกเหนือจากข้อมูลในใบสมัคร หรือการสัมภาษณ์ จ๊อบไทยดอทคอม ในฐานะเว็บไซต์หางาน สมัครงาน อันดับ 1 ของประเทศไทย จึงทำการศึกษารวบรวมข้อมูล และพบว่ามี 3 สิ่งบนโซเชียลมีเดียของผู้สมัครงานที่ HR มักเลือกใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับเข้าทำงานกับบริษัท ดังนี้

หนึ่ง รูปภาพ-ถือเป็นสิ่งแรกที่ HR จะเข้าไปดู ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพที่โพสต์เอง หรือแชร์ออกไปให้ผู้อื่นรับทราบ ว่ามีลักษณะอย่างไร มีความรุนแรง และเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงตัวตนและภาพลักษณ์ของผู้สมัคร

สอง ข้อความที่โพสต์ หรือการแสดงความคิดเห็น-โดยเฉพาะการโพสต์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย-ของมึนเมา จะแสดงความคิดเห็นด้านลบต่อที่ทำงาน เจ้านาย หรือเพื่อนที่ทำงาน

“สิ่งเหล่านี้มักแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ ทัศนคติ และวุฒิภาวะของเจ้าของข้อความได้เป็นอย่างดี ทำให้ HR สามารถประเมินผู้สมัครงานได้เบื้องต้นว่าเหมาะสมกับตำแหน่งงาน หรือองค์กรหรือไม่”

สาม ไวยากรณ์ที่ใช้และการสะกดคำ-ทักษะการสื่อสาร รวมถึงการใช้คำศัพท์ที่ถูกต้อง และถูกกาลเทศะ ถือเป็นเรื่องสำคัญในการทำงาน องค์กรจะพิจารณาว่า ผู้สมัครมีการสื่อความผิดเพี้ยน ใช้ภาษาวัยรุ่นหรือภาษาที่ถูกดัดแปลง ทำให้การสื่อสารคลาดเคลื่อนหรือไม่

“แต่หากเขียนภาษาได้อย่างถูกต้องตามหลัก จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงทักษะในการสื่อสารของผู้สมัคร ยิ่งหากต้องทำงานที่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้ภาษา จะยิ่งช่วยเสริมให้ผู้สมัครดูมีภาษีที่ดีกว่าอย่างแน่นอน”

อย่างไรก็ตาม โซเชียลมีเดียไม่ได้ส่งผลเสียเสมอไป หากผู้สมัครสามารถคัดเลือกเนื้อหาที่จะแสดงบนโซเชียลมีเดียได้อย่างเหมาะสม จะทำให้โซเชียลมีเดียกลายเป็นพื้นที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดี

โดยเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับการใส่ลงบนโซเชียลมีเดีย คือเรื่องที่มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจรับเข้าทำงาน เช่น ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ภาพการเข้าร่วมอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเอง หรือถ้าเป็นนักศึกษาจบใหม่ก็อาจใส่ภาพที่ไปออกค่าย หรือทำกิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัย เพราะนอกจากจะใส่เนื้อหาที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ตัวเองลงไปแล้ว ในบางสายอาชีพยังสามารถใช้โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่แสดงผลงานได้อีกด้วย เช่น สายงานกราฟิกใช้อินสตาแกรมไว้สะสมภาพผลงาน หรือคนที่อยากเป็นนักเขียนสามารถใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว หรือเปิดแฟนเพจเป็นพื้นที่ทดสอบฝีมือ ทั้งยังเก็บผลงานไว้ให้ HR ดูในวันสัมภาษณ์งานได้อีกด้วย

เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลในการตัดสินใจของฝ่าย HR ทั้งสิ้น เพียงแต่เรา ๆ ท่าน ๆ อาจยังไม่รู้มาก่อนเท่านั้นเอง ดังนั้นเมื่อรู้ข้อมูลตามผลสำรวจของจ๊อบไทยดอทคอม จงพึงตระหนักสักนิดเถอะว่า เวลาจะโพสต์อะไรในโซเชียลมีเดียทั้ง 3 ส่วน อาจมีส่วนได้ส่วนเสียในชีวิตคุณ

โดยเฉพาะนิสิต-นักศึกษาจบใหม่ที่กำลังหางานทำในขณะนี้

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน