จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ Market-think โดย สรกล อดุลยานนท์
ถึงวันนี้ “ตูน บอดี้สแลม” กลายเป็นประวัติศาสตร์หนึ่งของประเทศไทยไปแล้ว
หลังจากเขาวิ่งจาก “เบตง” พื้นที่ใต้สุดไปยัง “แม่สาย” เหนือสุดของเมืองไทย เพื่อระดมทุนช่วยโรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศ
ระยะทาง 2,191 กิโลเมตร เวลา 55 วัน
ระดมทุนได้กว่า 1,000 ล้านบาท
การวิ่งครั้งนี้ได้กลายเป็น “ปรากฏการณ์” ครั้งสำคัญของเมืองไทย
ทำให้คนไทยมีความสุข
ทำให้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวาง
และทำให้คนออกมาออกกำลังกาย
โดยเฉพาะการวิ่ง
นั่นคือ “ปรากฏการณ์” ในเชิงสังคมที่เกิดขึ้น
แต่ถ้าเรามองในมุมการตลาด
การวิ่งของ “ตูน” ครั้งนี้สร้างแรงกระเพื่อมทางธุรกิจที่เขานึกไม่ถึง
เรื่องแรก คือ แบรนด์ “ไนกี้” กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หลังจากช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า “อาดิดาส” มาแรงมาก
ไม่รู้ว่าเพราะ “นวัตกรรม” หรือความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทำให้ยอดขาย “อาดิดาส” เติบโตอย่างมาก
ยอดขายไตรมาสล่าสุดทั่วโลกเพิ่มขึ้น 12% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 35%
ส่วนไนกี้ยอดขายไม่เติบโต และกำไรลดลง 24%
แต่ทันทีที่ “ตูน” วิ่ง
แบรนด์ไนกี้ในเมืองไทยก็กระเตื้องขึ้นมาทันที
เหตุผลที่ “ตูน” เลือก “ไนกี้” เพราะเขาเป็นแฟนรองเท้า “ไนกี้” อยู่แล้ว
“ไนกี้” เสนอตัวช่วย “ตูน” ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไปตรวจร่างกายที่สหรัฐอเมริกา
ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาดูแลเหมือนนักกีฬาระดับโลก
เพราะการวิ่ง 2,191 กิโลเมตรนั้นไม่ใช่การวิ่งปกติธรรมดา
ณ วินาทีที่ “ตูน” ตัดสินใจเริ่มโครงการนี้ ไม่มีใครรู้ว่า 55 วันของการวิ่งจะกลายเป็น “ปรากฏการณ์” ครั้งสำคัญของเมืองไทย
“ตูน” ไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจเลยว่าต้องจ่ายเท่านี้จึงจะได้เท่านั้น
ตอนที่ไปคุยกับ “คิง เพาเวอร์” เขาก็ไม่เคยเสนอตัวเลข
แค่เล่าโครงการให้ฟัง
สนับสนุนเท่าไรก็เท่านั้น
จน “ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ถามว่าค่าใช้จ่ายในโครงการนี้เป็นจำนวนเงินเท่าไร
พอ “ตูน” บอกตัวเลขไป
“ต๊อบ” ก็บอกเลยว่าเขาขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ก่อนที่จะเพิ่ม-เพิ่ม-เพิ่ม ทั้งเงินและความช่วยเหลืออื่น ๆ อีกมาก
เรื่อง “ไนกี้” ผมคิดว่าคงคล้ายคลึงกัน
เพราะช่วงนั้น “ตูน” แค่ต้องการความช่วยเหลือเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา
แต่ผลที่เกิดขึ้นในวันนี้ หลังจากกิจกรรมดังกล่าวจบลง
“ไนกี้” กลายเป็น “แบรนด์” ที่คนทั่วประเทศรู้จัก
เป็น “แบรนด์” รองเท้าที่ “พี่ตูน” ใส่ในการวิ่ง
เท่าที่ผมทราบ ยอดขาย “ไนกี้” เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนแรงกระเพื่อมที่ 2 ที่ “ตูน” นึกไม่ถึง
เป็น “แรงกระเพื่อม” วิถีโค้งครับ
เชื่อไหมครับว่าหลังจาก “ตูน” วิ่งครั้งก่อน
จาก กทม.ไปบางสะพาน
คนไทยหันมาวิ่งมากขึ้น
มาถึงครั้งนี้แรงกระเพื่อมยิ่งแรง คนใส่รองเท้าออกมาวิ่งเพิ่มขึ้นเยอะมาก
การวิ่งกลายเป็นกิจกรรมที่เท่มากของคนยุคใหม่
แน่นอน เมื่อคนเปลี่ยนมาวิ่ง
การออกกำลังกายแบบอื่นก็ต้องลดลง
“แรงกระเพื่อมวิถีโค้ง” ที่เกิดขึ้น
ก็คือ กระแสนิยมจักรยานที่เคยแรงมาก
เมื่อหลายปีก่อนดิ่งหัวลงอย่างน่าตกใจ
คนปั่นจักรยานลดลง หันมาวิ่งมากขึ้น
นี่คือ แรงกระเพื่อมวิถีโค้งที่คนในวงการจักรยานนึกไม่ถึง
ตอนนี้ความหวังของเขาอยู่ที่ “สนามเขียว” สนามบินสุวรรณภูมิที่ปรับปรุงครั้งใหญ่กำลังจะเสร็จปีหน้าคงเปิดใช้ได้
คนในแวดวงกำลังลุ้นว่าจะช่วยทำให้กระแสจักรยานกลับมาอีกครั้งหรือไม่
น่าติดตาม
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน