จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ สามัญสำนึก โดย ถวัลย์ศักดิ์ สมรรคบุตร
จัดเป็นปรากฏการณ์พลิกโผสำหรับการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อมหาธีร์ โมฮาหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในนามผู้นำแนวร่วมฝ่ายค้านมาเลเซีย สามารถเอาชนะ แนวร่วมแห่งชาติ (BN) ภายใต้การนำของนาจิบ ราซัก ผู้นำพรรคอัมโน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนปัจจุบัน จากการเลือกตั้งทั่วไปมาเลเซียครั้งที่ 14 โดยแนวร่วมฝ่ายค้านสามารถคว้าที่นั่งในสภาได้ 113 ที่นั่งจากจำนวนทั้งหมด 222 ที่นั่ง หรือ “เกินกว่า” 112 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเกณฑ์ในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่แนวร่วมแห่งชาติฝ่ายรัฐบาลคว้าที่นั่งได้เพียง 79 ที่นั่งเท่านั้น
ชัยชนะของแนวร่วมฝ่ายค้าน (PH-พรรคยุติธรรมประชาชน กับ พรรคสหเชื้อชาติมาเลเซีย (เบอร์ซาตู) ที่นำโดย มหาธีร์ โมฮาหมัดครั้งนี้นับเป็นการปิดฉากอำนาจของพรรคอัมโน-กลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ (พรรคสหมาเลเซียแห่งชาติ) ที่ปกครองประเทศมาเลเซียมายาวนานกว่า 60 ปี โดยมหาธีร์ในอดีตก็เคยเป็นผู้นำพรรคอัมโนที่ครองอำนาจมาก่อน
หลังชัยชนะที่เกิดขึ้น มหาธีร์ได้ประกาศว่า “เราไม่ต้องการแก้แค้น แต่ต้องการฟื้นฟูหลักนิติธรรมให้กับประเทศ”
การเมืองกลับตาลปัตรที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในมาเลเซียขณะนี้สะท้อนให้เห็นถึง “ผลประโยชน์” ร่วมกันระหว่างกลุ่มของมหาธีร์ โมฮาหมัด กับกลุ่มของอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งกำลังถูกจำคุกในคดีล่วงละเมิดทางเพศอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้อย่าลืมว่าในอดีต มหาธีร์คนนี้ละที่เป็นคนตัดสินใจ “ปลด” นายอันวาร์ ออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของเขาเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งกลายเป็นปฐมบทในการต่อสู้ทางกฎหมายอย่างยาวนานของอันวาร์ ในข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศที่ส่งให้อันวาร์เข้าไปอยู่ในคุกพร้อมถูกตัดสิทธิทางการเมืองอยู่ในปัจจุบัน
แน่นอนว่า ระยะเวลาที่ผ่านมาถึง 2 รัฐบาลของมาเลเซียคือ รัฐบาลของบาดาวี กับรัฐบาลของราซัก กลุ่มของอันวาร์ ฮิบราฮิม นอกจากจะต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจทางการเมืองผ่านทางกลไกการเลือกตั้งแล้ว นายอันวาร์ยังต้องต่อสู้ภายใต้กระบวนการของศาลเพื่อแก้ข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศจากเพศเดียวกันด้วย โดยระยะเวลาที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า การต่อสู้เพียงลำพังของนายอันวาร์และพวก ไม่สามารถชนะแนวร่วมรัฐบาลและพรรคอัมโนที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานได้
โอกาสมาประจวบเหมาะเอาเมื่อ นายราจิบ ราซัก ถูกเปิดโปงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ “ทุจริต” ในกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติมาเลเซีย หรือ 1MDB ซึ่งกลายมาเป็นประเด็นข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่าง ราจิบ กับ มหาธีร์ เมื่อฝ่ายหลังใช้ข้อกล่าวหานี้เรียกร้องความรับผิดชอบจากราซัก โดยเรื่องราวบานปลายออกมาเมื่อ มหาธีร์ประกาศถอนตัวจากแนวร่วมรัฐบาลและผันตัวเองกลายมาเป็นผู้นำแนวร่วมฝ่ายค้าน
กลายมาเป็นการรวมพลังของกลุ่มมหาธีร์ กับกลุ่มของอันวาร์ (พรรคยุติธรรมประชาชน) และพรรคแนวร่วม จนสามารถ “เอาชนะ” แนวร่วมแห่งชาติและพรรคอัมโนได้ในที่สุด ด้วยการ “ปลุก” เสียงสนับสนุนจาก “คนรุ่นใหม่” ที่ว่ากันว่าคิดเป็นสัดส่วนถึง 40%
ของคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วยความหวังเปลี่ยนแปลงมาเลเซียออกจากเรื่องอื้อฉาวและความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามก่อนการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมหาธีร์ เขาได้ประกาศจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 2 ปี ก็จะประกาศ “สละอำนาจ” ให้กับแนวร่วมฝ่ายค้าน เพื่อเปิดทางให้กับนายอันวาร์ ฮิบราฮิม ที่ยังคงถูกจองจำอยู่ในคุก (จำคุก 5 ปี) เข้ามาดำรงตำแหน่งต่อด้วยช่องทางใดช่องทางหนึ่ง
เมื่อถึงตอนนั้น มหาธีร์ โมฮาหมัด ก็จะมีอายุถึง 94 ปี ครองแชมป์นายกรัฐมนตรีที่มีอายุมากที่สุดในโลกต่อไป
#สำนักงานบัญชี,#สำนักงานสอบบัญชี,#ทำบัญชี,#สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน