จากประชาชาติธุรกิจ
และแล้วก็มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ห้ามผลิต จำหน่าย และนำเข้ากรดไขมันทรานส์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน
สร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว กระทบไปถึงหน้ากระดานหุ้น
ไขมันทรานส์ เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยจากการวิจัยทดลองให้อาสาสมัครบริโภคไขมันทรานส์แทนไขมันอิ่มตัวเพียง 1% ของพลังงาน พบว่า มีผลให้ไขมันเลว (LDL) สูง ขณะเดียวกันก็ลดไขมันดี (HDL)
หลายประเทศในยุโรป อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ ก็เคยเตือนเรื่องนี้มาสัก 3 ปีได้แล้ว โดยเฉพาะที่อเมริกาบังคับให้มีการระบุจำนวนไขมันทรานส์บนฉลากอาหารตั้งแต่ปี 2006
ศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยการสำรวจสถานการณ์การปนเปื้อนของกรดไขมันชนิดทรานส์ในผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทย สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยการสุ่มตัวอย่าง จำนวน 162 ตัวอย่าง พบว่า 5 อาหารที่มีการปนเปื้อนไขมันทรานส์มากในลำดับต้นๆ ได้แก่ มาการีน โดนัท พาย พัฟ และเพรสทรี และเวเฟอร์ช็อกโกแลต
อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และองค์การอนามัยโลก มีคำแนะนำว่า เราสามารถบริโภคไขมันทรานส์ได้อย่างปลอดภัย ต้องไม่เกิน 2.2 กรัมต่อวัน หรือ 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
ที่มา:มติชนออนไลน์
คลิกอ่านเพิ่มเติม …เข้าใจให้ถ่องแท้ ข้อเท็จจริงทุกแง่มุม “ประกาศแบนไขมันทรานส์”
#สำนักงานบัญชี,#สำนักงานสอบบัญชี,๒ทำบัญชี,#สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน