จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

เทคโนโลยีบล็อกเชนมาไกลเกินกว่าวัตถุประสงค์ตั้งต้นในการรองรับสกุลเงินดิจิตอล ตลอดปีที่ผ่านมามีบริษัทมากมายทั้งเอกชนและรัฐวิสาหกิจนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในบางรูปแบบ ขณะเดียวกัน แม้มีกฎระเบียบที่สร้างความกังวลให้นักลงทุนคริปโตมากมาย แต่ยังมีประเทศเล็กๆ หลายแห่งที่ยอมรับหรือมีแผนนำเทคโนโลยีนี้และคริปโตมาใช้สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะ 5 ประเทศต่อไปนี้ที่ค่อยๆ ปรากฏตัวโดดเด่นในบรรดาชุมชนบล็อกเชนและคริปโต ซึ่งในจำนวนนี้มีไทยรวมอยู่ด้วย

จอร์เจีย
จอร์เจียเป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางเหนือของตุรกีฝั่งตะวันออก ซึ่งหากดูจากลักษณะทางภูมิศาสตร์เพียงอย่างเดียว ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นประเทศที่เทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตเติบโตเบ่งบาน แต่จากรายงานการศึกษาเกณฑ์เปรียบเทียบคริปโตทั่วโลก (Global Cryptocurrency Benchmark) ประจำปี 2017 ที่จัดทำโดยศูนย์การเงินทางเลือก มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ จอร์เจียติดอันดับ 2 ในแง่ปริมาณการขุดคริปโต

ด้วยจำนวนประชากรทั้งหมดราว 4 ล้านคนหรือไม่ถึงครึ่งของประชากรในรัฐจอร์เจียของอเมริกา อาจเป็นเหตุผลที่เอื้ออำนวยให้ประเทศจอร์เจียมีกฎระเบียบควบคุมเงินดิจิตอลเพียงเล็กน้อย และมีไฟฟ้าพลังน้ำในราคามิตรภาพ

ผู้คนมากมายในจอร์เจียเริ่มขุดเหรียญด้วยโปรเซสเซอร์ที่บ้าน ชายคนหนึ่งบอกว่า ทำเงินจากคริปโตเฉลี่ยเดือนละ 800 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว โดยเสียค่าไฟเพิ่มเดือนละประมาณ 80 ดอลลาร์เท่านั้น

แม้การขุดเหรียญในจอร์เจียส่วนใหญ่มาจากบิตฟิวรี บริษัทเทคโนโลยีและผู้ผลิตเครื่องขุดบิตคอยน์ของอเมริกา ที่มีศูนย์ข้อมูลใกล้ชายขอบกรุงทบิลิซี แต่ดูเหมือนคนประเทศนี้จะยอมรับคริปโตมากขึ้น ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เกอร์ชี ซึ่งเป็นพรรคการเมืองหนึ่งในจอร์เจีย ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากการขุดเหรียญโมเนโร (XRM) ด้วยโปรเซสเซอร์ของผู้สนับสนุนพรรค

ลูลา โคบาเลีย ผู้ร่วมก่อตั้งบล็อกเมนเทอร์ ผู้ให้บริการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ตั้งอยู่ในทบิลิซี บอกว่า บล็อกเชนและคริปโตกำลังจะสร้างการเปลี่ยนแปลงกับทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกลไกการทำงานของระบบเศรษฐกิจ

ไทย
จากรายงานการศึกษาฉบับเดียวกันของเคมบริดจ์ แม้จีนขึ้นที่ 1 ในแง่การขุดคริปโต แต่ไม่ได้หมายความว่า จีนเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ต้องการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในโลกคริปโตและบล็อกเชน 

ตรงกันข้าม ไทยมีภาคบล็อกเชนที่เข้มแข็งและกำลังเติบโตอย่างเริงร่าด้วยการพาตัวเองเข้าสู่อุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย

ตัวอย่างเช่นไปรษณีย์ไทยที่ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการให้บริการ เช่น การติดตามพัสดุที่เป็นของหรูหราราคาแพงที่มีเพียงผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเปิดพัสดุเหล่านั้นได้

ปี 2017 สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้แก้ไขกฎหมายการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ครอบคลุมการสนับสนุนและการใช้สัญญาอัจฉริยะบนบล็อกเชน

มอลตา
ประเทศเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนใกล้อิตาลีแห่งนี้ เป็นที่ตั้งเว็บเทรดคริปโตที่ถูกต้องตามกฎหมายส่วนใหญ่ โดยบลูมเบิร์กอธิบายว่า เนื่องจากมอลตามีกฎหมายที่เป็นมิตรต่อเงินดิจิตอลมากกว่าอีกหลายประเทศ เช่น นำเสนอความแน่นอนทางกฎหมายในส่วนที่ยังไม่มีการควบคุมในปัจจุบัน

เดือนมีนาคมปีนี้ ไบแนนซ์ เว็บเทรดคริปโตประกาศย้ายสำนักงานใหญ่จากฮ่องกงไปยังมอลตาเพื่อถอยฉากจากกฎระเบียบควบคุมสกุลเงินเสมือนเข้มงวดของเอเชีย นายกรัฐมนตรีโจเซฟ มัสกัตของมอลตา ทวิตต้อนรับไบแนนซ์ทันที สะท้อนการอ้าแขนรับเงินดิจิตอลของประเทศนี้

มอลตายังมองแง่บวกกับพัฒนาการของบล็อกเชนและคริปโต โดยในเอกสารขอความคิดเห็นเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลมอลตาตั้งข้อสังเกตว่า สามารถใช้ประโยชน์จากบล็อกเชนมากกว่าแค่การโอนเงินดิจิตอลเท่านั้น

ต้นปีนี้ มอลตายังเสนอสร้างหน่วยงานนวัตกรรมดิจิตอลมอลตา (MDIA) ที่จะช่วยส่งเสริมนโยบายและวัตถุประสงค์มากมาย เช่น การส่งเสริมและสนับสนุนความก้าวหน้าและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชน การออกแบบ และการส่งเสริมมาตรฐานการศึกษาและจริยธรรม และการใช้ประโยชน์และการสร้างเทคโนโลยีนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ลิกเตนสไตน์
ลิกเตนสไตน์เป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างสวิตเซอร์แลนด์กับออสเตรีย และอำนวยความสะดวกในการก่อตั้งธุรกิจ บทความในนิตยสารฟอร์บส์บอกว่า ประเทศนี้มีจำนวนธุรกิจจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงธุรกิจด้านคริปโตและบล็อกเชน มากกว่าจำนวนประชากรเสียอีก

ที่ลิกเตนสไตน์ การเริ่มต้นบริษัทไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร และสามารถดำเนินการต่างๆ ด้วยบิตคอยน์หรืออีเธอเรียม

อีกหนึ่งจุดขายของลิกเตนสไตน์ คือ การที่ประเทศนี้เป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจยุโรป (อีอีเอ) แต่ไม่ได้เข้าร่วมสหภาพยุโรป (อียู) ผลลัพธ์คือธุรกิจคริปโตและบล็อกเชนสามารถเข้าถึงตลาดยุโรปทั้งหมดโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดของอียู

ลิกเตนสไตน์ยังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมบล็อกเชนเป็นประจำทุกเดือนในกรุงวาดุซ

ไซปรัส
ไซปรัสเป็นประเทศเกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางใต้ของตุรกี และเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยนิโคเซีย หนึ่งในสถาบันอุดมศึกษากลุ่มแรกๆ ที่นำเสนอโปรแกรมบล็อกเชนและคริปโต เช่น ปริญญาโทวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยีดิจิตอล เพื่อเติมเต็มช่องว่างสำคัญระหว่างซัปพลายกับดีมานด์สำหรับความรู้ทางวิชาการในส่วนเงินดิจิตอล

เมื่อเร็วๆ นี้ ริปเปิลได้ก่อตั้งโครงการริเริ่มการค้นคว้าวิจัยด้านบล็อกเชนสำหรับมหาวิทยาลัย และบริจาคเงินราว 50 ล้านดอลลาร์ให้มหาวิทยาลัยทั่วโลก ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัยนิโคเซียของไซปรัส

การศึกษาเกี่ยวกับคริปโตและบล็อกเชนเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากยิ่งมีคนเข้าใจแนวคิดและเทคโนโลยีเบื้องหลังสิ่งเหล่านี้มากเท่าไหร่ ยิ่งง่ายขึ้นที่บล็อกเชนจะแทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

ปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการเข้าถึง การศึกษา และการยอมรับของประชาชน ประเทศอย่างมอลตา ลิกเตนสไตน์ หรือไทย ช่วยให้ผู้คนมากมายมองเทคโนโลยีเหล่านี้ในแง่บวกมากขึ้น

#สำนักงานบัญชี,#สำนักงานสอบบัญชี,๒ทำบัญชี,#สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน