จาก โพสต์ทูเดย์
ตลอดเดือนกว่าของการชุมนุม ประชาธิปไตยในความหมายของกลุ่มคน เหล่านี้ คือการทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ กฎหมายตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญถูกทำลายสิ้น
โดย...อสนีบาต
คำถามยอดนิยม "วิกฤตการเมืองจากการชุมนุมกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือ คนเสื้อแดง จะจบลงเมื่อไหร่" ฟากฝั่งผู้ห่วงใยบ้านเมือง ตอบไม่ได้เหมือนกันจะจบลงอย่างไร เห็นจะมีแต่กลุ่มคนบนเวทีราชประสงค์เท่านั้น คิดสั้นๆ ให้นายกฯอภิสิทธิ์ยุบสภาทันทีเรื่องทุกอย่างก็จบ
ง่ายเกินไปกระมัง ต่อการหาทางออกให้กับสถานการณ์เช่นนี้ ที่นับวันดูจะมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ข้อเรียกร้องยุบสภาแล้วยุติ แต่สัญญาณความเคลื่อนไหวส่อให้เห็นถึงความพยายามรุกคืบไปสู่การพลิกฟ้า เปลี่ยนแผ่นดิน ในจังหวะกลุ่มกองกำลังติดอาวุธสอดแทรกเข้ามาอีก ยิ่งทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเลวร้ายมากกว่าที่เป็นอยู่
ไม่เพียงแค่พี่น้อง ประชาชน เหล่าทหารหาญ ต้องแดดิ้นกลางท้องถนนเซ่นสังเวยความเมามันของเหล่าแกนนำนปช. สาธารณชนก็ไม่เคยได้ยินคำประกาศแสดงความรับผิดชอบต่อการพาคนมาตาย ตรงกันข้ามเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากรัฐบาล ขณะที่แกนนำคงใช้มวลชนเป็นเกราะกำบัง เดินหน้าปลุกระดมยึดพื้นที่โน้นพื้นที่นี้ต่อไปโดยไม่ได้ยำเกรงกฎหมายว่า การกระทำดังกล่าวคือความผิดตามกฎหมายหลายกระทงความ ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ร้านค้า โรงพยาบาล โรงแรม ที่พัก ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ปกติ
หดหู่เหลือเกิน แม้แต่ร่างไร้วิญญาณ ยังปลุกขึ้นมาแห่ประจาน มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยในอดีต ต่างส่ายหน้ากับกิจกรรมแกนนำเหล่านี้ เพราะการอ้างตนว่าเป็นนักประชาธิปไตยแต่แสดงออกถึงพฤติกรรมใจทมิฬหินชาติ ที่ แม้แต่ศพยังเอามาหากินเพื่อหวังปลุกเร้ามวลชนให้มีความเคียดแค้น ซึ่งไม่ต่างกับฤติกรรมลากทหารผู้บาดเจ็บออกมาจากรถรุมกระทืบทุบตีให้ตายตกไป ตามกัน ทั้งๆที่ในสภาพของสงครามรบพุ่งยังคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมยังยกเว้นการทำร้าย ผู้บาดเจ็บเปิดทางส่งโรงพยาบาล
“ดั่งภาพที่ปรากฎ มันเกินขีดความเป็นมนุษย์ทุกขณะ เกินขีดวิถีนักประชาธิปไตย อย่างน่าละอาย”
ในเมื่อการชุมนุมของกลุ่มคนที่อ้างว่ามาเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่รู้สึกรู้สาต่อเสียงสะท้อนของผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศ ว่าการเคลื่อนต่อไปไม่ได้ทำให้ประชาธิปไตยเบ่งบานเหมือนที่กล่าวอ้าง หากมีแต่จะทำให้ประชาธิปไตยที่ถูกเสกสรรปั้นแต่งกลายเป็นอนาธิปไตยเพื่อคน เพียงไม่กี่กลุ่ม
เป็นการดำเนินต่อไปโดยไม่ได้สนใจต่อความหวังดีของผู้คนมากมายที่อยากให้ เกิดการเจรจา ทั้งที่ฝ่ายรัฐบาลยื่นไมตรีตลอด แต่แกนนำเสื้อแดงมิใช่หรือกลับไม่ลดทิฐิ ใช้ปริมาณมวลชนมาต่อรอง ทำให้ทางออกบ้านเมืองตีบตันลงไปทุกที
สำหรับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือคนหนุ่มรุ่นใหม่ ผู้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีเจตนาเหมือนคนไทยผู้รักสงบทั่วๆไปปรารถนาให้สังคมชาติมีความสมัครสมาน สามัคคี บ่อยครั้งเราเห็น อภิสิทธิ์ เลี่ยงเผชิญหน้า แต่ในที่สุดเขาถูกดึงเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง ตามความต้องการของแกนนำ เป็นความสะใจของแกนนำที่สามารถนำผู้มีอำนาจบริหารประเทศเข้าสู่สมรภูมิการ เมืองเลือด ด้วยการตราหน้า นายกฯฆ่าประชาชน เป็นไปตามเกมเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลชุดนี้ ให้หมดสิ้นอนาคตการเมือง
คำว่า “ยึดมั่นสันติ อหิงสา” ตามที่แกนนำย้ำแล้วย้ำอีกบนเวที ฟังแล้วดูดี แต่ในทางปฏิบัติหาใช่สันติไม่ มันจึงเป็นแค่ประชาธิปไตยเปลือกนอกหลอกผู้คนเท่านั้นเอง เหตุเพราะตลอดเดือนกว่าของการชุมนุม ประชาธิปไตยในความหมายของกลุ่มคนเหล่านี้ คือการทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ กฎหมายที่ถูกกำหนดตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญถูกทำลายสิ้น
ถนนหนทางรอบแยกราชประสงค์ถูกกลุ่มบุคคลตั้งด่านสกัด อยากปิดถนนเวลาใดก็ทำได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายกลับมองตาปริบๆ แม้แต่ประชาชนคนธรรมดา จะสัญจรไปไหน ต่างถูกกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลขอตรวจค้น ใครไม่รับใบปลิวเรียกร้องยุบสภา ก็ต้องลงมือลงไม้ทำร้ายคนที่เห็นต่าง
สันติ อหิงสา ของคนเหล่านี้ คือ การพกปืนผาหน้าไม้ ใช้ปริมาณมวลชนเบ่งกร่าง เคลื่อนทัพไปยังสถานที่ไหนก็ได้ที่ตัวเองเห็นว่าขวางหูขวางตาแล้วสั่งให้ องค์กร สถานที่เหล่านั้นต้องสยบยอม
สันติ อหิงสา คือ การไล่ขว้างวัตถุไม่พึงประสงค์ใส่บ้านพักบุคคลสำคัญ
สันติ อหิงสา คือ การบุกรุกสถานที่ราชการ อาคารรัฐสภา กกต.
สันติ อหิงสา คือ การปิดล้อมสถานีไทยคม บริษัทกสท. ควบคุมตัว ซีอีโอ ของ กสท.
สันติ อหิงสา คือ การจับตำรวจเป็นตัวประกัน
สันติ อหิงสา คือ การทุบตี ไล่ยิงผู้คนไม่เลือกหน้า เหมือนดั่งที่มีคนย้อนถามไปยังแกนนำหลังเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ว่า “สันติอหิงสาบ้านคุณเป็นอย่างนี้หรือ”
สถานการณ์ขณะนี้เกินเลยเจรจา แต่เป็นห้วงเวลาปลุกกฎหมายให้มีสภาพบังคับใช้โดยเคร่งครัดอีกครั้ง จริงอยู่ที่ผ่านมารัฐบาลอาจอะลุ่มอล่วย ทำให้แกนนำและผู้ที่อยู่ในที่ชุมนุมเริ่มสถาปนาตัวเองเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือ ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างได้ใจ แต่หลังการปรับโครงสร้างใหม่ของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ. ) เห็นทีต้องส่งเสียงดังๆไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. “บิ๊กป๊อก” ผู้รับดาบเป็นหัวหน้าคุมกำลังปราบก่อการร้าย จะปล่อยให้บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไปหรือ
“บิ๋กป๊อก” พูดถูก “การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง“ ซึ่งนายกฯอภิสิทธิ์ เตรียมการในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่สำหรับสถานการณ์ความเถื่อน ความกร่างขยายวงกว้าง สังคมชาติกำลังเกิดทางแยก ระหว่างยึดถือกฎหมายหรือยอมรับกฎหมู่ และปล่อยให้ก่อการร้าย กลุ่มกบฎครองเมือง
นี่คือภารกิจของผู้มีอำนาจรัฐรวมถึงบรรดาผู้รักษากฎหมายจะปล่อย ไปไม่ได้อีกแล้ว