จากประชาชาติธุรกิจ

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนด ว่า ใบรับของคลังสินค้าและใบประทวนสินค้าที่ทางคลังสินค้าส่งมอบให้กับผู้ฝาก เพื่อเป็นหลักฐานในการรับฝากสินค้านั้น สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรได้ โดยการนำใบประทวนสินค้าไปจำนำเป็นประกันการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบธุรกิจคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น

แต่ในปัจจุบันการ ใช้ประโยชน์จากใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้ายังไม่เป็นที่นิยมและขาด ความเชื่อถือจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ช่วงที่ผ่านมาทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้พยายามร่างกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อส่งเสริมให้ใบประทวนสินค้าที่ออกโดยคลัง สินค้า ไซโล และห้องเย็นเกิดความน่าเชื่อถือด้วยการกำหนดข้อบังคับไว้ในร่าง พ.ร.บ.คลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น มาตรา 32 ยกตัวอย่าง (2) ให้เช่าคลังสินค้า ไซโล หรือห้องเย็นเกินกว่าร้อยละห้าสิบของพื้นที่คลังสินค้า ไซโล หรือห้องเย็น โดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดี ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินธุรกิจ (4) ห้ามฝากเงินไว้ที่อื่นนอกจากที่ธนาคารหรือบริษัทเงินทุน โดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดี (5) ห้ามให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทในเครือ ผู้จัดการ หรือกรรมการของผู้ประกอบกิจการคลังสินค้า กิจการไซโล หรือกิจการห้องเย็น

ซึ่งข้อบังคับดังกล่าวเจ้าของคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็นเห็นว่า เป็นการปิดกั้น และสร้างข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ จึงขอให้มีการแก้ไข ดังนั้นล่าสุดทางกรมการค้าภายในจึงได้พยายามหาทางออกด้วยการจัดตั้ง คณะกรรมการจัดระบบเพื่อการใช้ประโยชน์จากใบรับของคลังสินค้าและประทวนสินค้า ขึ้น โดยมีการเชิญตัวแทนจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นกรรมการ

ประกอบ ด้วยผู้แทนจากกรมการค้าภายใน, สมาคมธุรกิจคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย, องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร, องค์การคลังสินค้า โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธานโดยตำแหน่ง ซึ่งหากที่ประชุมได้ข้อสรุปอย่างไรจะได้เตรียมนำเสนอในที่ประชุมคณะ กรรมาธิการในอนาคตที่จะตั้งขึ้น เมื่อร่าง พ.ร.บ.เดินไปถึง ขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร