จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
จากการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่ปักหลักกันอยู่ที่แยกราชประสงค์ เป็นระยะเวลานาน นอกจากสร้างความเดือดร้อนแก่คนกรุงเทพฯ และสร้างความทุกข์ให้แก่คนไทยไปทั่วประเทศแล้ว ยังกลายเป็นความเดือดร้อนตกแก่ผู้ชุมนุมเองในแง่ของสุขภาพ เมื่อล่าสุด มีเรื่องของ ไข้หวัด 2009 ระบาด ซึ่งจากข่าวรายงานว่า มีการ์ด นปช.6 คน ไข้ขึ้นสูง และได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกลาง ซึ่งล่าสุดอาการปลอดภัยแต่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทั้งนี้ ก็ยังคงน่าหวาดหวั่นว่า เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายในที่ชุมนุมได้ ส่งผลให้ขณะนี้ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ภายจึงเตรียมประสาน นพ.เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำ นปช.เพื่อขออนุญาตส่งทีมแพทย์ลงพื้นที่ค้นหาผู้ป่วยให้ทันท่วงที เพราะห่วงซ้ำรอยกรณีติดเชื้อในคอนเสิร์ต ผู้ป่วย-ผู้เสียชีวิต จำนวนมาก |
|||
กรณีดังกล่าว Life on Campus จับกระแสมาฟังความคิดเห็นจากบรรดานักศึกษาดูบ้าง ว่ามองประเด็นนี้อย่างไร เริ่มจากนักศึกษาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รายหนึ่งมองว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัด 2009 นั้น มีโอกาสเสี่ยงพอๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นที่โล่ง หรือที่แคบ เพราะการแพร่เชื้อนั้น ติดได้จากการไอ จาม หายใจรดกัน หรือสารคัดหลั่งต่างๆ ซึ่งในพื้นที่ชุมนุมหากมีคนไอจาม ก็เกิดการฟุ้งกระจายของเชื้อโรคจนติดต่อกัน “หากทางแกนนำ ยืนยันว่า การชุมนุม คือ ความสมัครใจ ก็น่าจะปล่อยให้ผู้ชุมนุมออกมาตรวจสุขภาพได้ ผมคิดว่า ถ้าจะให้หมอเข้าไปก็คงไม่สะดวก เพราะมีคนจำนวนมาก ดังนั้น แกนนำจึงควรปล่อยให้กลุ่มเสี่ยง ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีโรคประจำตัว หรือผู้สูงอายุ ออกมาตรวจสุขภาพ เพราะโรคนี้กลุ่มเสี่ยงอาจเสียชีวิตได้” นศ.แพทย์ จาก ม.ขอนแก่น ยังฝากถึงผู้ชุมนุมว่า ควรให้ความสำคัญกับสุขภาพและชีวิตของตนเองก่อน อยากให้ลองคิดว่า ขนาดคนเป็นผู้นำยังไม่ตอบรับเรื่องการดูแลสุขภาพ และไม่เป็นห่วงสุขภาพของผู้ชุมนุม ก็ต้องคิดให้ดีว่าคุ้มกับการเสี่ยงหรือเปล่า |
|||
“ไข้หวัด 2009 มีสิทธิ์ระบาดได้สูง เพราะพื้นที่ชุมนุมค่อนข้างที่จะแออัด บวกกับสุขภาพอนามัยของคนหมู่มากเอื้อให้สุขลักษณะเป็นไปในทิศทางที่ไม่เหมาะ สม ความไม่สะดวกทั้งการห้องน้ำ และการล้างมือ ตลอดทั้งความใกล้ชิดของผู้ชุมนุมที่แออัด ฉะนั้น ปัจจัยในเรื่องของสุขภาพอนามัยก็จะเป็นตัวแปรในการติดต่อของไข้หวัด 2009 ตรงนี้สะดวกสุด ผมอยากให้เริ่มต้นที่ตัวผู้ชุมนุมเอง หากรู้สึกตัวว่ามีอาการป่วยแล้ว ควรจะออกมาจากการชุมนุมเพื่อเข้ารับการตรวจรักษาทันทีเพื่อลดความเสี่ยง และจะเป็นผลดีต่อความพร้อมในการรักษาหากได้รับการรักษาในสถานพยาบาล รวมถึงเป็นผลดีต่อสวัสดิภาพของหน่วยแพทย์ด้วยเช่นกัน ส่วนอีกด้านจึงอยากให้กลุ่มผู้ชุมนุม หรือระบบการจัดการชุมนุมควรจะเพิ่มการดูแลรักษาความสะอาด รณรงค์ให้มีการล้างมือ เพราะจะเป็นผลดีต่อคนหมู่มากก่อนที่ลุกลามจนเกิดการเสียชีวิต” นศ.แพทย์ สรุป ปิดท้าย กับอีกหนึ่งความคิดเห็นจาก “สิริกร ลิ้มสุวรรณ”นัก ศึกษาคณะรัฐศาสตร์ เครือข่ายคนรุ่นใหม่ไม่ทิ้งประเทศชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่ติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.มาโดยตลอด เสนอแนะว่า ทางแกนนำควรจะคืนสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชนเพื่อให้เข้าถึงการรักษาของหน่วย แพทย์พยาบาลในฐานะที่อาจจะสุ่มเสี่ยงติดเชื้อไข้หวัด 2009 ได้ “ประชาชนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนเสื้อสีไหน ก็ถือว่าประชาชนในประเทศไทยที่ควรจะมีสิทธิเข้าถึงการรักษาของหน่วยแพทย์ พยาบาลของรัฐบาล ในกรณีที่ประชาชนเดินทางเข้ามาชุมนุมอย่างเสรีภาพแล้ว ก็ควรจะเปิดพื้นที่คืนสิทธิให้กับทุกๆคนด้วย ยิ่งหากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงแล้วก็ควรจะตรวจก่อนที่เชื้อไข้หวัดจะบานปลาย ผมอยากให้แกนนำมีวิจารณญาณคิดถึงส่วนรวมและสิทธิของประชาชนให้มากกว่านี้” ทั้งหมดก็เป็นความคิดเห็นของ “คนวัย เรียน วัยนักศึกษา” ที่ฝากไว้ให้กับ “หมอ เหวง” ... ได้คิด |