จาก โพสต์ทูเดย์
"สิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญสิ้นสลายไปนับตั้งแต่แสดงความ อหังการเคลื่อนย้ายการชุมนุมมาปักหลักที่สี่แยกราชประสงค์ สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนตั้งด่านตรวจค้นร่างกาย ข่มขู่ รุมกรรโชก”
โดย...อสนีบาต
หดหู่ สะเทือนใจ เป็นความรู้สึกของสังคมถ่ายทอดออกมาเป็นเสียงเดียวกันหลังจากพบเห็นพฤติกรรม กรรมทรามของกลุ่มคนเสื้อแดง นำทีมโดย พายัพ ปั้นเกตุ แกนนำแดงแท้ บุกเข้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพียงเพื่อข้ออ้างต้องการตรวจค้นหากองกำลังทหารที่เตรียมเข้าสลายการชุมนุม
ภาพของผู้ป่วยนอนเตียงต่อสายน้ำเกลือให้อ๊อกซิเจน ลำเลียงออกจากห้องพักฟื้น บางรายหัวใจหยุดเต้น เจ้าหน้าที่รีบปฐมพยาบาลอย่างจ้าละหวั่น บางรายด้วยสภาพร่างกายทรุดโทรมต้องดูแลด้วยความระมัดระวัง และอีกหลายกรณีน่าเป็นห่วง ต่างถูกลำเลียงขนย้ายไปยังสถานพยาบาลแห่งอื่น สภาพของผู้ป่วย เด็ก สตรี คนชรา ล้วนตกอยู่ในสภาพเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะต้นเหตุจากการคุกคามของกลุ่มคนไร้มนุษยธรรมแท้ๆ
ท่ามกลางความสับสน วุ่นวาย เจ้าหน้าที่ รพ. ผู้ป่วย ขวัญผวา ก็เปรียบเหมือนฟ้าประทาน เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อทรงเยี่ยมสมเด็จพระสังฆราช ที่กำลังประทับรักษาพระองค์อยู่ พร้อมรับสั่งให้แพทย์ย้ายสมเด็จพระสังฆราชไปประทับที่ โรงพยาบาลศิริราช
ที่สำคัญเป็นครั้งที่สอง สมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปยังโรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อทรงเยี่ยมและให้กำลังใจคณะแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจุฬาฯ รวมทั้งผู้ป่วยที่เดินทางมารอรับการตรวจรักษาและรับยาตามนัด โดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงดูแลอย่างใกล้ชิด หลังกลุ่มคนอันธพาลบุกรพ.จุฬา
....ความห่วงใยของพระองค์ล้ำค่าเหนือคำ บรรยาย...
สถานการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงกระทำกับโรงพยาบาลจึงสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมเกิน เลยหลักการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย เกินเลยสามัญสำนึกของคนปกติกระทำกัน โดยเฉพาะแกนนำของแท้ ที่เป็นหมอมาก่อนอย่าง เหวง โตจิรการ ขยันวิ่งโร่พึ่งพาองค์การสหประชาชาติ ดึงองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศมารองรับความชอบธรรมการชุมนุม จะด้วยวิธีให้มาสังเกตการณ์ชุมนุม และจัดแจงพามาแถลงข่าวเรียกร้องรัฐบาลอย่าใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ก็น่าจะเชิญไปสังเกตการณ์ค่ำคืนแกนนำแดงแท้บุกรพ.จุฬาฯบ้างว่า นี่คือวิถีชุมนุมปกติเขาทำกันหรือไม่ นี่คือการชุมนุมอย่างมีมนุษยธรรมแท้จริงหรือไม่
น่าเสียดายกว่านั้น ถ้าจะอ้างเป็นการชุมนุมอย่างสันติ เหตุใดไม่พาเอกอัครราชทูต นักสันติวิธี ตระเวนดูป้อมค่ายประตูเมือง พิสูจน์กันจะจะกับอาวุธสงคราม ไม้เหลาปลายแหลม ถังแก๊ส เก็บซุกซ่อนไว้ทำกับข้าวหรือเตรียมไว้สังหารเจ้าหน้าที่รัฐ
หรือว่า นี่คือ มนุษยธรรมเทียม
หรือว่า นี่คือสันติ อหิงสา จอมปลอม
พฤติกรรมล่วงละเมิดสิทธิประชาชนต่อรพ.จุฬา ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ …อสนีบาต…..ให้ความสำคัญประเด็นเหล่านี้ เคยส่งสัญญาณไปถึงนัก สันติวิธี องค์กรสิทธิมนุษยชน ตื่นออกจากภวังค์รับรู้ความเป็นจริงได้แล้ว อย่างกรณีเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ภาพของกลุ่มคนเสื้อแดงขัดขวางรถเคลื่อนย้ายทหารที่ได้รับบาดเจ็บ แถมลากเอาเจ้าหน้าที่ออกจากรถมารุมทุบตี กระทืบซ้ำ
หรือเหตุการณ์บุกรพ.กลาง รพ. ราชวิถี และรพ.อื่นๆ ชิงศพไปแห่ประจานเรียกร้องความชอบธรรม แม้แต่เหตุการณ์สีลมเลือด 22 เม.ย. ที่มีรพ.จุฬาฯ อยู่ใกล้สถานที่เกิดเหตุแท้ๆ ควรเปิดพื้นที่อำนวยความสะดวกรถฉุกเฉินเข้า-ออกได้โดยสะดวก แต่ปรากฎว่า มีกองกำลังใจทมิฬตั้งด่านรุมทึ้งรถฉุกเฉินขณะลำเลียงประชาชนผู้บาดเจ็บจาก ระเบิดเอ็ม 79
พฤติกรรมที่เห็นกันคาตาเช่นนี้ มีแต่เสียงอื้ออึงปนความเอือมระอา “มันทำไปได้ประโยชน์อะไร” นอกจากได้ความชั่วช้าเกินคำประณาม แต่นักสิทธิมนุษยชน องค์กรมนุษยธรรมทั้งหลาย ยังซึมกระทือ มองโลกแห่งความสดใสต่อไปด้วยการเรียกร้องเจรจา ทั้งที่ควรต้องแสดงท่าทีชี้ชัดกันไปเลย การกระทำเหล่านี้มันคือมนุษย์หรือไม่ สักแต่ว่าจะเจรจาท่าเดียว แต่เขาไม่เจรจาด้วยกลับใช้อาวุธมาเจรจาแทน
ถ้าในสถานพยาบาล มีพ่อแม่เครือญาติ นักสิทธิมนุษยชน องค์กรมนุษยธรรม ถูกกระทำจากฝีมือกลุ่มอันธพาลจะรู้สึกอย่างไร คงได้แต่นั่งพับเพียบกราบกรานอยู่กระมัง
การบังคับใช้กฎหมายคือสิ่งสำคัญสูงสุดในขณะนี้ เพราะในเมื่อ ความพยายามให้เกิดการประนีประนอมโดยผ่านวิธีเจรจาไม่บรรลุผล ขณะที่กลุ่มอันธพาลพยายามใช้สิทธิล่วงละเมิดชีวิตผู้อื่น อย่างต่อเนื่อง กฎหมายจึงจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้กำหราบ ถ้าปล่อยให้กฎหมายไร้สภาพบังคับใช้ ยอมจำนนกฎหมู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ สภาพบ้านเมืองไร้รัฐ ต่อไปไม่มีแม้ซึ่งสถาบันอันเคารพเทิดทูน เสาหลักบ้านเมืองถูกขย่มล่มสลาย ก็คงเป็นช่วงเวลาแยกหมู่แยกเหล่ากันปกครอง
ย้อนกลับไป กับข้ออ้างมีทหาร ตำรวจซ่อนกำลังในรพ.จึงบุกเข้าตรวจค้น ก็ต้องถามกลับ แล้วกลุ่มคนเสื้อแดงใช้สิทธิอะไรเข้าไปตรวจค้น มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญข้อไหนให้คนกลุ่มนี้เข้าไปทำลายกฎกติกากาชาดสากล แต่ถ้ายังคงท่องคาถาอ้างสิทธิของการชุมนุม ก็ต้องแจกแจงว่า สิทธิการชุมนุม ไม่มีอำนาจเข้าตรวจค้น
ขณะเดียวกันสิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญสิ้นสลายไปนับตั้งแต่แสดงความ อหังการ เคลื่อนย้ายการชุมนุมมาปักหลักที่สี่แยกราชประสงค์ สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คน ตั้งด่านตรวจค้นร่างกาย ข่มขู่ รุมกรรโชก แต่ยังพูดหน้าตาเฉย นี่คือชุมนุมโดย สันติ สงบ มีมนุษยธรรมอย่างแท้จริง
ความล้มละลายทางสิทธิการชุมนุม ไม่ได้ทำให้แกนนำเหล่านี้รู้สึกรู้สาแม้แต่น้อย ยังคงละเมอเพ้อพก สร้างอาณาเขตปกครองตนเอง หรือแม้แต่ เรียกคนโน้นคนนี้มาเจรจาราวกับมีอำนาจเหนือรัฐ อย่างเช่น คำพูดแกนนำให้ ผอ.รพ.จุฬา เดินทางมาเจรจากับแกนนำที่เต็นท์แดง ช่างเป็นความพิลึกกึกกือ เพราะในขณะที่รพ.ก็อยู่เฉยๆ แล้วยังได้รับผลกระทบแห่งความไร้มนุษยธรรมแท้ๆ หากมีสำนึกแกนนำก็ควรจะต้องมาขอขมา ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ คนป่วยใน รพ. และถอยให้พ้นพื้นที่รพ. มิใช่แสดงความกร่างกวักมือเรียก ผอ.รพ.ไปเจรจา
ช่างน่าสมเพชในความสำคัญผิดในตัวตน
ตรงกันข้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างหาก มีสิทธิ มีอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมายกำหนด ดำเนินคดีแก๊งอันธพาล แต่ถ้ายังไม่รู้จักหน้าที่มัวแต่เจรจากับแกนนำก่อการร้ายอยู่อย่างนี้ ก็สมควรปวารณาตัวออกจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไปเป็นผู้พิทักษ์สันติกองกำลังแดงแล้วกัน