จากประชาชาติธุรกิจ

เรื่อง ของน้ำหนักที่มักจะขึ้นเอา ๆ จนเป็นปัญหาหนักอก โดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัย 40 อัพ และการออกกำลังกายนั้นเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนักได้ แต่เราไม่ควรออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างเสริมสุขภาพส่วนอื่นไปพร้อม ๆ กันด้วย

แล้วเราควรออก กำลังกายกันแบบไหนล่ะ ?

น.พ.นฤพงษ์ ตันติภิรมย์สิน แพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลนครธน แนะนำว่า การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักจริง ๆ นั้น วิธีการที่ใช้เป็นหลักก็คือการออกกำลังกายแบบแอโรบิก นั่นคือยาวนานต่อเนื่องกันอย่างน้อย 30-40 นาทีขึ้นไป

"จริง ๆ แล้วมีวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการลดน้ำหนัก เกี่ยวกับระยะเวลาที่ใช้ว่าจะต้องใช้เวลา 40-50 นาทีต่อครั้ง อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ หรือแบ่งเป็น 20-30 นาทีเช้า-เย็น"

แต่ก็ยังมีคำถาม ตามมาว่าออกกำลังกายแล้วทำไมน้ำหนักไม่ลดลง ?

น.พ.นฤพงษ์ชี้ว่า ปัจจัยอันหนึ่งคือชนิดของการออกกำลังกาย เช่น ถ้าเป็นเวตเทรนนิ่ง สาเหตุที่น้ำหนักไม่ลงอาจเป็นเพราะกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นหรือเปล่า อันที่สอง แคลอรีที่ได้จากการออกกำลังกาย โดยเพราะคนที่อ้วน ๆ หรือคนที่เริ่มต้นในการออกกำลังกายใหม่ ๆ แคลอรีที่เผาผลาญอาจจะไม่มากพอ

"ออก กำลังกายชนิดแอโรบิก เช่น การวิ่งหรือการเดินนาน ๆ เต็มที่ก็ได้ 700-800 กิโลแคลอรี กินข้าวผัดจานหนึ่ง หรือดื่มนม 2 กล่องก็หมดแล้ว"

และใน การออกกำลังกายระยะแรก ๆ จะกระตุ้นความอยาก อาหารเพิ่มขึ้น ในนักกีฬาเพาะกายบางคนใช้การออกกำลังกายแบบแอโรบิกเพื่อกระตุ้นความอยาก อาหารให้กินได้เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นการออกกำลังกายสามารถทำให้น้ำหนักลงได้อีกภาวะหนึ่ง เรียกว่าโอเวอร์เทรนนิ่ง คือออกกำลังกายหนัก ๆ ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ๆ น้ำหนักลดลงแน่นอน 2-3 กิโลกรัม

แต่ว่าจะมีข้อเสียมากกว่า

เพราะ นอกจากน้ำหนักลดลงแล้ว ภาวะจิตใจหดหู่จะตามมาด้วย นอกจากนี้อัตราการเผาผลาญของร่างกายบางอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ว่าแก้ไขได้โดยการพักการออกกำลังกายไปสักช่วงหนึ่งคือ 2-3 วัน อาการต่างๆ จะดีขึ้น เพราะฉะนั้นการลดน้ำหนักคงไม่ได้เน้นเรื่องของการออกกำลังกายอย่างเดียว

ใน เรื่องของการออกกำลังกายนั้นยังมีแท็กติกที่จะทำให้สามารถออกกำลังกายต่อ เนื่องนาน ๆ เช่น เซอร์กิตเทรนนิ่ง คือการออกกำลังกายที่แบ่งเป็นสถานี เช่น สถานีนี้ฝึกอก ต่อไปก็ไปเดิน ต่อไปก็ปั่นจักรยาน ต่อไปก็ดึงกรรเชียง ต่อไปก็กลับมาฝึกขา โดยที่แต่ละสถานีที่ต่อเนื่องกัน ไม่มีช่วงหยุดพัก หรือช่วงหยุดพักคือการเดินไปเปลี่ยนสถานี

และอีกอย่างหนึ่ง เราจำเป็นต้องรักษากล้ามเนื้อด้วย

เนื่องจากคนเราเมื่ออายุมากขึ้น ทุก ๆ ปีมวลกล้ามเนื้อจะลดลง 7% เพราะฉะนั้นเมื่อมวลกล้ามเนื้อลดลง กิจกรรมที่เราเคยทำมันจะลดลงไปด้วย เพราะฉะนั้นการเมนเทนกล้ามเนื้อของเรา นอกจากทำให้เราทำกิจกรรมได้มากขึ้นแล้ว การเผาผลาญพลังงานของร่างกายยังคงที่ หรือว่าใกล้ ๆ กับระดับตอนที่เราอายุน้อยด้วย

เพราะฉะนั้นอย่ามุเพื่อลดน้ำหนัก อย่างเดียว แต่ต้องสร้างกล้ามเนื้อควบคู่กันไปด้วย