จากประชาชาติธุรกิจ

ใน สถานการณ์ที่การเมืองในบ้านเราไม่ปกติ การรับข้อมูลทางการเมืองมาก ๆ ทำให้เกิดอาการความเครียดได้

กลุ่มเสี่ยงมีหลายกลุ่ม กลุ่มแรกก็เป็นนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคฝ่ายค้าน หรือ แกนนำผู้ชุมนุมทั้งหลาย กลุ่มสนับสนุนทั้งสองฝ่าย กลุ่มผู้สนใจข่าวสารทาง การเมือง และกลุ่มที่เป็นปัญหาสุขภาพจิต โดยกลุ่มหลังนี้จะเสี่ยงมากกว่า เพราะอาจจะเป็นโรค อยู่แล้ว เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล เมื่อเจอภาวะกดดันเข้าไปยิ่งทำให้ตึงเครียดมากขึ้น

น.พ.โยธิน วิเชษฐวิชัย จิตแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิทชี้ว่าความเครียดจากการเมืองถือเป็นกลุ่มอาการหนึ่งที่ส่งผลกระทบ ต่อร่างกาย

อาการที่พบบ่อย คือ ปวดศีรษะ ปวดตามเนื้อตัว ตึงตามต้นคอ ถ้าเป็นมากจะนอนไม่หลับ หลับยาก หลับ ๆ ตื่น ๆ บางทีตื่นกลางดึก ฝันร้าย มีอาการใจสั่น แน่นหน้าอก ชาตามร่างกาย

และยังมีอาการทางใจ ซึ่งเป็นอาการที่รักษายากกว่า เพราะต้องใช้หลายรูปแบบในการรักษา

อันดับ แรกคือความวิตกกังวลว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร บ้านเมืองจะสงบไหม เราจะใช้ชีวิตกันต่อเหมือนเดิมได้หรือ ไม่ แล้วจะส่งผลให้เกิดความหงุดหงิด ความโกรธ พอโกรธไปมาก ๆ แล้วไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงก็เกิดความเบื่อหน่าย ท้อแท้

และต้องระวัง จะทำให้เกิดอาการซึมเศร้า ถ้าจมอยู่ในอาการนี้เกิน 2 สัปดาห์ อาการซึมเศร้าธรรมดาจะเปลี่ยนเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการทางสมอง สมองฝ่อลง ความคิด ความจำ สมาธิไม่ดี

นอก จากนี้ จะมีอาการด้านสัมพันธภาพ เช่น พอเจอกลุ่มคนที่คิดต่างกันก็อาจจะเกิดความรู้สึกอยากเอาชนะ โต้แย้ง หรือบางคนจะหงุดหงิด โกรธ โมโห คุมอารมณ์ไม่ได้ อยากใช้กำลัง จนอาจจะเกิดการปะทะกัน

เมื่อมีความเครียดทางการเมืองเกิดขึ้นแล้วจะ ทำอย่างไร ?

น.พ.โยธินแนะนำว่า ถ้ารับข่าวสารแล้วทำให้รู้สึกเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ควรจะหลีกเลี่ยง ถ้าไม่จำเป็นอย่าพยายามรับข่าวสารหรือข้อมูลทางการเมืองมากเกินไป เพราะถ้าใจเรา ยังไม่พร้อมหรือยังไม่แข็งแรงพอ ถ้ารับเรื่องพวกนี้จะทำให้เกิดความเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ

อันดับ ต่อมา หาทางระบายออกโดยอาจจะพูดคุยกับคนที่มีความคิดใกล้เคียงกัน หรือคนที่เป็นกลางจริง ๆ รับฟังได้ทุกเรื่อง

แล้วก็ควรจะออกกำลัง กาย พักผ่อน ผ่อนคลายตัวเอง มีสติ ฝึกสมาธิ

น.พ.โยธินกล่าวว่า ตอนนี้คนไทยมีความเมตตาลดลงมาก ถ้าเชียร์ข้างโน้นข้างนี้ ความรู้สึกนี้จะทำให้ร่างกายไม่เกิดความสมดุล ต้องถอยมาแล้วยอมรับว่าทุกคนมีความแตกต่างกันได้ ไม่ใช่คนที่แตกต่างจากเราจะเป็นศัตรูที่ต้องไปฆ่าแกงกัน

หากต้องดู ข่าวการเมืองก็ขอให้ใช้สติเตือนตัวเองว่า ตอนนี้เริ่มมีอารมณ์ เริ่มโกรธหรือเปล่า ถ้าเริ่มโกรธ เริ่มมีอารมณ์ และต้องพยายามตั้งสติให้ติด ควรหลีกเลี่ยงเข้าไปในสถานการณ์หรือสถานที่ที่เกิดความขัดแย้ง

สุด ท้ายก็ต้องให้อภัยกันเท่าที่จะพอทำได้ เพราะการให้อภัยเป็นสิ่งที่ทำให้ใจเราสบายที่สุด

ถ้าไม่ดีขึ้นคือ เป็นอยู่ทั้งวันทั้งคืนนานเกิน 2 สัปดาห์ก็ต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าอาการนั้นจะนำไปสู่ความเป็นโรคหรือ เปล่า

หรือหากเกิดความคิดว่าอยากตายหรืออยากใช้ยาเสพติดก็ต้องพาไป พบแพทย์

น.พ.โยธินย้ำว่า ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร มนุษย์เรามีทางเลือกเสมอ ทางเลือกนั้นอาจไม่ต้องสู้กันโดยใช้สติเป็นตัวตัดสินว่าเราจะเลือกแบบไหน แล้วเราจะได้รู้ทางออกที่ถูกต้องของตัวเอง