จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ HEALTH
โดย นับดาว
ปก ป้องตัวเองจากมะเร็งปากมดลูก
รู้หรือไม่ว่า...มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคมะเร็งอันดับหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงเสียชีวิต แต่ผู้หญิงจำนวนมากกลับเพิกเฉย คิดว่าตัวเองไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง เพราะมีคู่รักคนเดียว จึงหลีกเลี่ยงการไปขึ้นขาหยั่งให้หมอตรวจคัดกรองเชื้อมะเร็งปากมดลูกเป็น ประจำทุกปี
คลิค เรดิโอ จึงได้ร่วมกับสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ทำโครงการ "ผู้หญิงปกป้องผู้หญิงจากมะเร็งปากมดลูก" เพื่อรณรงค์ให้ความรู้ ความเข้าใจ และวิธีการป้องกัน เพื่อกระตุ้นให้หญิงไทยลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองแต่เนิ่น ๆ พร้อมบอกต่อให้คนที่รักได้ปกป้องตัวเองเช่นกัน
กิจกรรมนี้จะเริ่ม จากช่วงพูดคุยในดีว่าส์ ทอล์ก (Divas Talk) ทางคลิค เรดิโอ FM 102.5 เพื่อแชร์ประสบการณ์ รวมทั้งการให้ความรู้จากสูตินรีแพทย์ของสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย พร้อมด้วยสกู๊ปวิทยุให้ความรู้ การให้ข้อมูลและแชร์ประสบการณ์ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.womenprotectwomen.com การจัดโรดโชว์เพื่อจำหน่ายโปสต์การ์ดสำหรับส่ง ข้อมูล และบอกต่อให้กับเพื่อนผู้หญิงอื่น ๆ เพื่อเผยแพร่ความรู้ กระตุ้นให้เลิกเพิกเฉย และคิดว่าตนเองไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงที่จะปกป้องตัวเองจากโรคมะเร็ง ปากมดลูก
เลือก หนังสือให้ลูกวัยอนุบาล
โลกการเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นอย่างต่อ เนื่องและตลอดเวลา ปัจจุบันมีหนังสือประเภทเตรียมความพร้อม หนังสือเสริมประสบการณ์ มาเป็นตัวช่วยให้กับพ่อแม่ยุคใหม่ ได้เพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้กับลูก ๆ ได้อย่างสัมฤทธิผล
ผศ.ดร.ธัญ สุตา จิรกิตตยากร คณะกรรมการร่างหลักสูตรหัวหน้างานศูนย์พัฒนาศักยภาพผู้เรียนโรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) แนะนำว่า หลักการเลือกหนังสือให้เหมาะกับลูกวัยอนุบาลควรพิจารณาดังนี้
1.เริ่ม จากสังเกตด้วยตาก่อนว่า รูปภาพและภาพประกอบต่าง ๆ ต้องเหมาะสม มีความเป็นธรรมชาติ สามารถช่วยเสริมจินตนาการของเด็กได้ เช่น เป็นรูปร่างหน้าดูอ่อนหวาน ดูแล้วมีความสุข และไม่ใช่ภาพวาดที่เป็นแฟชั่น เพื่อให้เด็กสามารถจินตนาการได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ส่วนสื่อที่ผิดเพี้ยน ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ควรใช้ เด็ดขาด
2.ต่อมา เปิดดูแต่ละหน้า ควรระบุวัตถุประสงค์การเรียนรู้ให้ทราบ และด้านล่างมีคำสั่งประกอบ ถ้าเด็กอ่านแล้วไม่เข้าใจ ผู้ปกครองสามารถเสริมให้กับเด็กได้
3.แบบฝึกหัดภายในเล่ม ควรเลือกจำนวนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก คือไม่ควรเยอะเกินไป แต่ได้ทำอย่างมีความสุข
ที่สำคัญ...คุณพ่อคุณ แม่ควรใช้เวลานี้ในการดูแลลูกอย่างใกล้ชิด เพราะการเรียนรู้ร่วมกันเป็นการเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัว
ควร กินอะไรในหนึ่งวัน
อาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวันครบถ้วน ตามหลักโภชนาการหรือไม่ ซึ่งจะมีผลถึงภาวะทางโภชนาการของแต่ละบุคคล และส่งผลถึงสุขภาพร่างกายของเราโดยตรง
ศ.น.พ.สุรัตน์ โคมินทร์ โภชนบำบัด และเบาหวาน ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า การมีโภชนาการที่ดีคือการรับประทานให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วน และมีปริมาณที่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ซึ่งสามารถศึกษาได้จากธงโภชนา ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่จะบอกสัดส่วนที่เหมาะสมในหนึ่งวัน คือใน
1 วันต้องรับประทานข้าวและแป้ง 8-12 ทัพพี ผัก 4-6 ทัพพี ผลไม้ 3-5 ส่วน นม 1-2 แก้ว เนื้อสัตว์ 6-12 ช้อนกินข้าว และน้ำมัน น้ำตาล เกลือ วันละน้อย ๆ
และ เพื่อสุขภาพที่ดี เราควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย ด้วยการรับประทานอาหารหลายชนิดในแต่ละกลุ่มหมุนเวียนกันไป ไม่กินซ้ำซากจำเจ เพื่อให้ได้สารอาหารต่าง ๆ ครบถ้วน และเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมพิษจากการปนเปื้อนใน อาหารชนิดใดชนิดหนึ่งที่รับประทานเป็นประจำ โดยเฉพาะผักและผลไม้ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของการได้รับวิตามินและเกลือแร่ จึงควรรับประทานผลไม้ให้หลากสี
ทั้งหมดนี้เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา ทุกคน...
แพทย์เตือน "ยาผิวขาว"
ผู้หญิงกับความขาว เป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร ทุกวันนี้มีผลิตภัณฑ์และยาต่าง ๆ ออกมาให้คนอยากขาวได้เลือกใช้กันอย่างมากมาย ซึ่งหลายชนิดมีอันตรายอย่างมาก
รศ.น.พ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย แนะนำว่า เวลานี้ยังมีสารอีกชนิดที่ทำให้ผิวขาวได้ คือ สารไฮโดรควิโนน ซึ่งเป็นยาควบคุมพิเศษใช้ได้เฉพาะแพทย์เท่านั้น เป็นยาที่ใช้รักษาฝ้าและเป็นยาอันตราย บางรายใช้แล้วทำให้ผิวหน้ามีสีดำมากขึ้น หรือไปทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี ทำให้เกิดผิวหนังด่างขาวอย่างถาวรได้
และยังมียาที่วางขายตามท้อง ตลาดเพื่อช่วยให้ผิวขาวขึ้น มักเป็นยาที่มีส่วนผสมของสารปรอท ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อเซลล์เม็ดสี ทำให้ผิวสีดำคล้ำ หรือด่างขาวอย่างถาวรเช่นกัน และถ้ามีการทาในบริเวณกว้าง ยาจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย มีผลต่อไต ทำให้เสียชีวิตได้
ดังนั้น การใช้ยาสำหรับทำผิวขาวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ไม่ควรไปเลือกซื้อยาตามท้องตลาด ที่สำคัญควรจะต้องดูฉลากกำกับยาว่า มีชื่อสารเคมีที่ระบุไว้หรือไม่ รวมทั้งแหล่งผลิต วันที่ผลิต วันที่หมดอายุ
และควรซื้อยาที่อยู่ในความดูแลของแพทย์ หรือบริษัทที่เชื่อถือได้เท่านั้น
ผู้ชายจะยอมจำนน
ใน โลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่ใบนี้ มีความเชื่อหลากหลายที่กดขี่ผู้หญิงให้เป็นเบี้ยล่างมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า ทำอะไรไม่เป็น และที่สำคัญเธอทำเงินได้น้อยกว่า ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงที่มีพฤติกรรมตรงข้ามกันนี้ ก็จะถูกนิยามอีกแบบ รวมถึงบางความคิดของผู้ชายที่กลัวเสียศักดิ์ศรีเมื่อภรรยาทำเงินมากกว่า แต่รู้ไหม มีผู้ชายบางกลุ่มยอมจำนนแล้ว จากผลสำรวจของ Pew Research Center พบว่า ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงที่มีรายได้สูงกว่ามากขึ้น
เขาได้ สำรวจชาวอเมริกันวัย 30-44 ปี พบว่ามีถึง 22 เปอร์เซ็นต์ของภรรยาที่มีรายได้มากกว่าสามี ขณะที่ในปี 1970 มีภรรยาเพียง 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีรายได้มากกว่าสามี
นี่อาจเป็นชัยชนะสำคัญ ของผู้หญิงเหนือผู้ชาย ซึ่งในที่สุดสังคมเราก็จะวัดความเสมอภาคทางอำนาจด้านการเงินระหว่างเพศให้ เท่ากันเสียที และความจริงแล้วในปัจจุบันหลาย ๆ คู่ก็ยินดีกับผลงานอันยอดเยี่ยมทางด้านการเงินของภรรยา เดี๋ยวนี้ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่มีการศึกษามากกว่า
ผู้หญิง พบกับความไม่ยุติธรรมนี้มานานมากแล้ว ผู้ชายจะไม่ยอมที่จะเป็นเบี้ยล่าง หรือยอมที่จะเท่าเทียมกับภรรยา วัฒนธรรมนี้สนับสนุนความคิดที่ว่า ผู้ชายจะไม่พอใจจนกระทั่ง พวกเขาได้ผู้หญิงที่รูปร่างดี ใส่เสื้อผ้าสวยงาม มีการศึกษาที่ดี แล้วก็มีรายได้มากกว่าเขา
แต่ในทางกลับกัน นี่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่หรือ เพราะว่าผู้ชายเดี๋ยวนี้ยอมรับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จมากกว่าตน ! :D (หน้าพิเศษ D-Life)