สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หลักฐานใหม่ๆชี้เผา ราชประสงค์ มีเตรียมไว้จะโจมตีจะเว้นตึกไหน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มิถุนายน 2553 21:05 น.
เซ็นทรัลเวิลด์ของ ตระกูลจิราธิวัฒน์ถูกเผาหลังการสลายชุมนุมของคนเสื้อแดง

       เอเชียไทมส์ออนไลน์/ASTVผู้จัดการรายวัน – เว็บไซต์เอเชียไทมส์ออนไลน์ เสนอรายงานข่าวซึ่งระบุว่า จากข่าวสารข้อมูลที่กำลังปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าการวางเพลิงย่านราชประสงค์ของพวก “เสื้อแดง” ภายหลังจากแกนนำ นปช.ประกาศยอมสลายตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่มีการตระเตรียมวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ในเวลาเดียวกันก็เป็นที่คาดหมายกันว่า หลักฐานใหม่ๆ ที่จะมีการเปิดเผยกันในเร็ววันนี้ จะสามารถช่วยอธิบายได้ว่าทำไมอาคารบางแห่งในย่านดังกล่าวนี้จึงถูกเผา ขณะที่ตึกอื่นๆ ถูกปล่อยเอาไว้
       
       ในรายงานข่าวเรื่อง Smoke (and mirrors) behind Bangkok fires เขียนโดย วิลเลียม บาร์นส์ (William Barnes) ที่นำออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ข่าว “เอเชียไทมส์ออนไลน์” (www.atimes.com) เมื่อคืนวันพุธ(16) ระบุว่า ถึงแม้พวกผู้นำ นปช.จะกล่าวอ้างว่าผู้ประท้วงที่โกรธแค้นได้ทำการวางเพลิงเผาพวกอาคารในย่าน ราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียง โดยเป็นปฏิกิริยาต่อการปราบปรามของรัฐบาล แต่จากข่าวสารข้อมูลที่กำลังปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ กลับแสดงให้เห็นว่า การโจมตีเหล่านี้ในหลายๆ จุดเป็นสิ่งที่มีการตระเตรียมวางแผนกันไว้ก่อนแล้ว ไม่ใช่การอาละวาดทำลายทรัพย์สินอย่างหลับหูหลับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาดหมายกันว่าจะมีหลักฐานออกมามากขึ้นอีกในเร็วๆ นี้ จากการที่รัฐบาลเตรียมการเปิดเผยชื่อบุคคล 84 คน ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนายทุนให้เงินสนับสนุนแก่พวก “เสื้อแดง”
       
       ทางด้านเจ้าหน้าที่สอบสวนของวงการประกันภัยผู้หนึ่ง ซึ่งทราบเรื่องวงในเกี่ยวกับการประเมินสถานการณ์ของพวกบริษัทประกันภัยใน เวลานี้ ก็ให้ความเห็นกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ว่า จากการที่มีอาคารบางแห่งถูกโจมตี ทว่าบางแห่งกลับถูกละเว้นไม่ยุ่งอะไรด้วย “สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงความคิดอะไรมากมายเบื้องหลังการ โจมตีเหล่านี้”
       
       รายงานชิ้นนี้ยังได้อ้างความเห็นของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระหว่างแถลงต่อผู้สื่อข่าวในวันที่ 1มิถุนายน โดยเขาระบุว่า เชื่อว่าการวางเพลิงเช่นนี้ “มีการตระเตรียมวางแผนกันไว้ก่อน” พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า ขณะที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ถูกจุดไฟเผา แต่โรงแรมหรูหราอื่นๆ หลายแห่งซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน กลับถูกปล่อยเอาไว้ไม่แตะต้อง
       
       บาร์นส์ ผู้เขียนรายงานชิ้นนี้กล่าวว่า จากการสังเกตการณ์ของเขาในตอนที่เกิดเหตุ เขาประมาณการว่าพวกที่วางเพลิงเผาย่านราชประสงค์ในวันที่ 19 พฤษภาคมนั้น มีจำนวนไม่น่าจะถึง 50 คน โดยที่หลายๆ คนทำงานเป็นทีมเล็กๆ ทีมละ 5-6 คน แต่ทั้งนี้พวกเขาดูเหมือนทราบอย่างชัดเจนว่ามีภารกิจต้องทำอะไรบ้าง
       
       ผู้เขียนรายงานชิ้นนี้กล่าวว่า ได้เห็นทีมวางเพลิง 1-2 ทีม ทำงานในลักษณะประสานกันเพื่อพยายามทำให้อาคารเซ็นทรัลเวิลด์อันใหญ่โตพินาศ วอดวายให้ได้
       
       รายงานชิ้นนี้ชี้ว่า ตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา ที่เป็นเจ้าของเซ็นทรัลเวิลด์ด้วย ดูเหมือนจะตกเป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างเจาะจงชัดเจน เรื่องนี้ถือว่าน่าประหลาดไม่น้อย เพราะตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงแรกๆ ตระกูลนี้แสดงความยินดีต้อนรับ อีกทั้งพวกจิราธิวัฒน์ก็ยังไม่เคยเป็นศัตรูอย่างชัดเจนกับตระกูลธุรกิจอื่นๆ ที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทักษิณ
       
       ผู้เขียนรายงานชิ้นนี้ได้อ้างความเห็นของนักการเงินอาวุโสชาวไทยผู้ หนึ่ง ซึ่งสันนิษฐานถึงเหตุผลที่เซ็นทรัลเวิลด์ตกเป็นเป้าหมายว่า “พวกเขา (พวกผู้นำการประท้วง) ดูจะต้องการแสดงให้เห็นถึงอำนาจของตน พวกเขาไม่เคยที่จะผละจากไปแบบเงียบเชียบ ผมคิดว่าพวกเขาต้องการทำลายอะไรบางอย่างที่ใหญ่โต แล้วอะไรจะดีไปกว่าศูนย์การค้าใหญ่ที่เคยใช้ชื่อว่า เวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ แห่งนี้ล่ะ” นอกจากนั้น “ตระกูลจิราธิวัฒน์อาจจะเพียงแค่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรมากนักกับทักษิณ และพวกเขาก็ใหญ่เกินกว่าที่จะมาพินอบพิเทาเขา”
       
       รายงานชิ้นนี้ยังกล่าวถึงการที่สาขาของธนาคารกรุงเทพหลายแห่งได้ตก เป็นเป้าหมายการถูกโจมตีด้วยระเบิดอย่างลึกลับ พร้อมกับชี้ว่าพวกแกนนำ นปช.ได้กล่าวหาว่าธนาคารแห่งนี้มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
       
       ขณะเดียวกัน รายงานชิ้นนี้ยังพูดถึงอาคารในย่านราชประสงค์ที่ไม่ถูกแตะต้อง โดยกล่าวว่า มีบางคนเชื่อว่าถ้าหาก นปช.เป็นพวกที่มุ่งทำการต่อสู้ทางชนชั้นในแบบคนรวยVSคนจนจริงๆ แล้ว ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่าอันหรูหรากว่าและตั้งอยู่คนละฟากถนนกับเซนทรัลเวิลด์ ก็น่าจะตกอยู่ในอันตรายด้วย ทั้งนี้ เกษรพลาซ่า นั้นควบคุมโดยตระกูลศรีวิกรม์
       
       รายงานยังได้บรรยายรายละเอียดเรื่องที่ นายเฉลิมพันธุ์ ศรีวิกรม์ ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลนี้ เคยเป็นผู้อุปถัมภ์นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำของ นปช. ตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่ผละออกมาจากพรรคประชาธิปไตยในช่วงปลายทศวรรษ 1980
       
       นอกจากนั้น รายงานชิ้นนี้ได้กล่าวถึงโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ซึ่งภายหลังการประท้วงทำให้ต้องปิดทำการแล้ว ก็รู้สึกมีความจำเป็นถึงขั้นต้องออกคำแถลงเพื่อปฏิเสธข่าวลือที่ว่า พวกเขาได้ให้ที่พักและให้การสนับสนุนแกนนำเสื้อแดง
       
       คำแถลงฉบับนี้ยังดูจะพยายามกันกลุ่มธุรกิจนี้ให้ห่างออกจาก นางพนิดา เทพกาญจนา สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลวัธนเวคิน ที่เป็น 1 ใน 2 ตระกูลซึ่งเป็นผู้ควบคุมโรงแรมหรูแห่งนี้ โดยที่นางพนิดา เป็นภรรยาของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา สมาชิกอาวุโสคนหนึ่งของพรรคไทยรักไทย และเคยเป็นทนายความส่วนตัวขอทักษิณอีกด้วย
       
       ผู้เขียนรายงานชิ้นนี้กล่าวย้ำว่า ตระกูลนักธุรกิจในย่านราชประสงค์ที่เอ่ยนามมาเหล่านี้ ย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินของพวกตนด้วยวิธีการทาง กฎหมายและทางจริยธรรมทุกอย่างที่เป็นไปได้ การที่หยิบยกข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเหล่านี้มาวิเคราะห์คราวนี้ก็เพียงเพื่อ บ่งชี้ให้เห็นว่า ความสำคัญของชนชั้นนำและเครือข่ายทางธุรกิจที่มีอยู่กับทักษิณ อาจจะเป็นเรื่องที่ถูกพิจารณามากกว่าปฏิกิริยาแบบคนรวยVSคนจน ในการวินิจฉัยว่าใครจะถูกโจมตีและใครจะถูกละเว้นในวันที่ 19 พฤษภาคม


Smoke (and mirrors) behind Bangkok fires
By William Barnes

BANGKOK - The arson attacks launched by anti-government protesters against Bangkok's posh Rajaprasong shopping district, private businesses and state agencies appeared to reflect the 17th-century French dramatist Pierre Corneille's advice that taking only half-hearted revenge is to court disaster.

The fiery assaults in mid-May came in response to the government's crackdown on the United Front for Democracy Against Dictatorship's (UDD) downtown protest site, where demonstrators had been camped for over a month in a bid to topple Prime Minister Abhisit Vejjajiva's government. Those attacks have contributed to government claims that UDD leaders, several currently in detention, were involved in acts of "terrorism".

While UDD leaders have claimed that angry protesters ran amok in reaction to the government's crackdown, where scores were killed leading up to the final May 19 crackdown, information is emerging that shows that several of the attacks were premeditated and not blind vandalism. More evidence could soon be revealed as the government prepares to name as many as 84 alleged financiers of the "red-shirt" protest movement.

"It stands out very much that on May 19 some buildings were attacked and others were left alone," said an insurance investigator with inside knowledge of the current insurance assessment. "To me that suggests a lot of thinking behind the attacks."

Bangkok governor Sukhumbhand Paribatra told reporters on June 1 that he believed many of the arson attacks were "premeditated". Sukhumbhand noted that the CentralWorld department store across from the UDD's Rajaprasong protest stage was torched while several other high-end hotels in the area, including the Hyatt Erawan and InterContinental, were left untouched because their owners had political connections to the UDD.

UDD leaders had earlier hinted they would resort to arson attacks in response to any government crackdown. In a widely viewed YouTube clip, UDD hardline leader Arisman Pongruangrong urged a group of provincial "red shirt" protesters preparing to travel to Bangkok to carry a liter of petrol each to ignite possible arson attacks. Other UDD leaders issued similarly incendiary threats.

"We, the UDD, are poor and rural people. We can easily get panicked, especially when the soldiers charge in. When we are panicked, we will smash glass windows of these luxurious shopping malls and run amok inside ... and when we are inside we can freely pick up brand-name bags or other expensive goods," UDD co-leader Nattawut Saikua said at the Rajaprasong protest stage on April 8. "You should actually start thinking what do you want for yourself or your friends if you get panicked and go inside those shopping malls."

When Nattawut called for an end to the protest in the early afternoon of May 19, with troops slowly advancing to the Rajaprasong main stage, this correspondent saw black-shirted "guards" scurrying around throwing Molotov cocktails, firing handguns and preparing petrol cans to light fires. The resulting blazes burnt an alarmingly large part of CentralWorld, Southeast Asia's second-biggest shopping mall, destroyed the flagship store of France's Casino group and razed a well-loved old cinema and many nearby boutique shops.

Outside the protest site's bamboo and tire barricades, other protesters burnt down a shopping mall near Victory Monument, set a fire at the stock exchange and the office tower of a television station, attacked a newspaper production building and destroyed several Bangkok Bank branches. In all, about 38 buildings were badly damaged in the national capital, and several state installations were put to the torch in four northeastern provinces.

The UDD was formed the year after former prime minister Thaksin Shinawatra was ousted in a bloodless 2006 military coup and has often benefited from highly sympathetic coverage by academics and reporters who have espied something pure and hopeful in the protest group rising above the self-serving mire of traditional Thai politics.

However, the extent to which the UDD is still remote-controlled by the self-exiled former premier is a matter of hot debate. Billionaire Thaksin frequently called in from abroad during the early phases of the UDD's protest, urging his supporters to fight against the double standards in Thai society of which he has often claimed he is a victim rather than beneficiary. As the protests turned more violent, including an April 10 melee where heavily armed protesters opened fire and launched grenades on troops, Thaksin sought to distance himself from the death and destruction.

"This heroic and inspiring grassroots movement is completely autonomous and independent from myself," he said in a statement issued through his international lawyers on May 20. Thaksin hired Amsterdam & Peroff, a law firm that "offers legal counsel to companies and individuals facing critical challenges" in a bid to win international opinion over to his version of recent events, including the notion he neither controlled nor bankrolled the UDD.

The protest was, however, organized by people known to have strong links to Thaksin, who now spends much of his time in exile in the United Arab Emirates and Montenegro. He fled into exile in 2008, weeks before a Thai court sentenced him to two years in prison on a corruption conviction. The UDD's protest began just two weeks after the Supreme Court confiscated US$1.4 billion of his assets on corruption charges.

To be sure, there are questions about who commanded the UDD's black-shirted and often heavily armed guards. The number of them who actively attacked Rajaprasong's retail canyon on May 19 was small, perhaps less than 50, according to this correspondent's on-the-ground assessment. Many worked in small teams of half a dozen and they remained on a clear mission even after explosions and gunfire cleared the immediate area of the main protest stage.

This correspondent saw one or two teams make a concerted attempt to bring down the huge CentralWorld. Explosions could be heard inside the structure in the mid-afternoon of May 19 and police investigators say black-shirted arsonists, some of whom were also opportunistic looters, were caught by security cameras going about their destructive work.

The Sino-Thai Chirathivat family, which controls the listed Central Pattana, owner of eight big malls including the now torched CentralWorld, appears to have been singled out for attack.

Oddly, the family initially welcomed Thaksin as a go-ahead prime minister when he first came to power in 2001 and the Chirathivats also are not obvious rivals of any other business family with close ties to Thaksin.

Some analysts suspect tensions arose over a run-in between the Chirathivats and Thaksin's government over the extension of a Bangkok land lease agreement where one of Central's shopping malls is situated. Beyond that, the family has shown little interest in politics and has remained almost wholly focused on its expanding hotels-to-malls-to-property empire of listed and private companies.

"They [the protest leadership] wanted to show their power. They were never going to leave quietly. I think they wanted to destroy something big - and what better than a complex that used to be called the World Trade Center," said one senior Thai financier with an office overlooking the blackened ruins. "The Chirathivat family may simply not have had much of a relationship with Thaksin. And they are big enough not to kowtow to him."

There have been persistent rumors that at least some businesses in the occupied Rajaprasong area offered under-the-table payments to UDD leaders to end the rally, which would seem logical given the huge daily losses caused by the extended closure of the hotel and shopping district. The Rajaprasong Square Trade Association has estimated protest-related business losses at more than 11 billion baht (US$337 million).

The Chirathivats also took a hit from the arson attack on the nearby Big C headquarters and flagship store, which was left a smoking shell, even though it had remained open for protesters much longer than any other outlet in the area. Big C is controlled by France's Casino Group, but the Chirathivat family maintains a residual shareholding of about 6%.

Moreover, a mob several kilometers away attempted to burn down the offices of the Bangkok Post, an English-language newspaper controlled and partly owned by Chirathivat family members. In August 2005, the paper dismissed a desk editor, and let another editor resign, after coming under legal threat from Thaksin over a story that reported Suvarnabhumi airport, one of Thaksin's pet projects, had cracks in its runway. (The story turned out to be true). The popular paper greeted the September 2006 coup as something to be regretted, but its editorial line hinted that Thaksin had it coming.

Several Bangkok Bank branches were also targeted. UDD leaders had accused the bank of having close ties to Privy Councilor Prem Tinsulanonda, whom they have frequently alleged orchestrated the 2006 coup, and bankrolling the rival People's Alliance for Democracy protest group that paved the way for the ouster of a series of Thaksin-aligned governments. Bangkok Bank's branches were also hit during a wave of mysterious grenade attacks that coincided with the beginning of the UDD's protest.

Some believe that if the UDD was truly engaged in a rich-versus-poor class struggle, then it would have also symbolically torched the more upscale Gaysorn Plaza shopping mall, the other main commercial edge of its Rajaprasong protest stage directly opposite CentralWorld. Controlled by the local Srivikorn family, Gaysorn Plaza also owns the nearby Amarin Plaza shopping and office tower where the McDonalds - that stayed open throughout most of the protest - became a popular, air-conditioned gathering spot for UDD leaders.

Indeed, a number of terrified red shirt protesters sought shelter in the upper floors of the Amarin on May 19. The family - different members own different bits of the sprawling empire - also owns the two five-star hotels behind Gaysorn Plaza and some nearby condominiums. The Srivikorns were badly bruised by the 1997-98 Asian financial crisis and Pimol Srivikorn joined Thaksin's Thai Rak Thai (TRT), a political party that on the campaign trail capitalized on popular anger over a slow economic recovery. He was banned from politics by for electoral malpractice along with 110 other TRT MPs in May 2007.

The Srivikorn family's patriarch, Chalermphand, was a former patron to senior UDD leader Veera Musikhapong when both were in the Democrat Party in the late 1980s. They jumped together to a new party after a row over ministerial allocations and Veera was briefly jailed on lese majeste charges. Chalermphand eventually left politics and Veera's political star faded until he was rehabilitated several years later by Thaksin as a canny and experienced political operator.

The two families that control the Grand Hyatt Erawan Hotel, whose grandiose towers provided a classical backdrop to the UDD's on-stage anti-government rantings, felt obliged to issue a formal statement after the protest closed down, denying widespread rumors that they had provided accommodation and support for red shirt leaders. The rumors had "caused a misunderstanding and negative effect on our image and business", it said.

The statement left open the possibility that senior UDD cadres might have paid for their own rooms, at least during the early phases of the Rajaprasong protest, during which UDD leaders were certainly seen in the hotel. The statement also tried to distance the group from Panida Thepkanjana, a member of the Wattanavekin family, one of the hotel's two controlling families.

It said Panida had never been a director nor manager of the company. The company apparently felt compelled to make the statement because her husband, Thepchai Thepkanjana, was Thaksin's former personal lawyer and a senior member of the disbanded TRT party who held different ministerial posts. He is currently serving a five-year ban from politics, but is still viewed as a prominent Thaksin ally.

Other nearby buildings were mysteriously, or serendipitously, left unharmed. Siam Paragon, another elite shopping destination located about 100 meters from CentralWorld, was spared protesters' wrath. Some note that Thaksin was a guest of honor when the mall opened in 2006.

It should be emphasized that the mentioned Rajaprasong business families obviously had the right to protect their property in any legal and ethical way possible. The analytical point is merely to indicate that elite relationships and business networks with Thaksin may have mattered more than any rich-versus-poor antagonism in determining who was attacked and who left unscathed on May 19.

The attacks outside Rajaprasong, including on the partially damaged stock exchange and certain (ultimately unfinished) mob maneuvers against telecommunications buildings and multiple attacks against banks (particularly the dominant Bangkok Bank), seemed partially designed to undermine business and consumer confidence at a time the Abhisit government was poised to reap political gains from a gathering economic recovery.

The army's discovery of explosives in at least two pickups around Rajaprasong would seem to suggest that something even more dramatic than the CentralWorld attack might have been in the works. Certainly there were rifts between more accommodating reds, who wanted to accept Abhisit's offer of early elections in November in exchange for shutting down the protest, and hardliners who seemed inclined to use violence to overthrow the government.

The attack on the Channel 3 television building, located a few kilometers outside of the UDD's protest site, was peculiar because it is owned by the family of a one-time strong Thaksin ally, former sports minister Pracha Maleenont. Channel 3, which operates and produces programming under a government concession, had come under heavy UDD criticism for its perceived biased news coverage of the protest.

Insurance companies, too, will likely take a hit because CentralWorld was insured against riot damage. The Chirathivats' nearby Central department store on Chidlom road was torched in 1995 after an unfortunate dispute with a rogue army general who was romantically involved with Thailand's first Miss Universe, who at the time was married to a member of the Chirathivat family.

The estimated billions of baht in business lost by Rajaprasong shopkeepers and hotels during the protests will be partially absorbed by the government, although small shopowners in CentralWorld, Siam Square and other torched shopping complexes will suffer without new venues to peddle their wares. But elite business rivalries, which the UDD arson attacks have likely accentuated, will live on and potentially evolve.

The insurance company investigator said it would be necessary to pursue anyone who might be identified as responsible for the destruction. But there is a caveat: insurance companies would only take legal action if there was a reasonable chance of collecting damages from the masterminds behind the fires, an uphill task in Thailand's still highly charged and highly unaccountable political climate.

William Barnes is a veteran Bangkok-based journalist.

view