จาก โพสต์ทูเดย์
ปัจจุบันเด็กเร่ร่อนหันมาขายบริการทางเพศมากขึ้น เมื่อก่อนเวลาถามเขาจะตอบด้วยความอายว่าทำอาชีพนี้ แต่ปัจจุบันกลายเป็นอาชีพที่เป็นที่นิยม เด็กตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
โดย...วิทยา ปะระมะ
เด็กเร่ร่อนมีให้พบเห็นได้ทั่วไปทั้งสวนสาธาณะ ศูนย์การค้า สถานที่ท่องเที่ยวยามราตรี แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่าเด็กเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร อะไรทำให้พวกเขาต้องออกมาเร่ร่อน เร่ขายแรงงาน
จากข้อมูลของโครงการวิจัย “ถอดบทเรียนช่วยเหลือเด็กเร่ร่อน : ในกรณีของครูข้างถนนและบ้านพักสำหรับเด็ก” ของ ทศพล บัวศรี ผู้ประสานงานมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก คาดการณ์ว่าปัจจุบันมีเด็กเร่ร่อนกว่า 3 หมื่นคนทั่วประเทศ ขณะที่ปี 2549-2551 มีเด็กเร่ร่อนอยู่ 1.5-2 หมื่นคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ทศพล สรุปที่มาของเด็กเร่ร่อนไว้ 4-5 ประการ เริ่มจากปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจนของครอบครัวทำให้ใช้แรงงานเด็ก เช่น ขอทาน ขายดอกไม้ เรียงเบอร์ หรือรับจ้างต่างๆ
ประการที่สอง คือ ปัญหาจากตัวเด็กเอง เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นมีความต้องการเป็นอิสระ ไม่อยากอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อแม่ จึงหนีออกจากบ้านมาใช้ชีวิตเร่ร่อน
ประการต่อมาเกิดจากโรงเรียนที่เด็กส่วนหนึ่งอาจมีไอคิวน้อยกว่าเพื่อน และถูกมองว่าเรียนช้า เป็นตัวปัญหา หรือบางครั้งถูกครูลงโทษโดยไม่มีเหตุผล ประการสำคัญที่สุดคือ ปัญหาครอบครัวมีการใช้ความรุนแรง แตกแยก ทะเลาะกัน พ่อแม่แยกทางกัน จนเด็กไม่ได้รับความรักและเป็นส่วนเกินของครอบครัว
ประการสุดท้าย อาจพลัดหลงกับพ่อแม่ ถูกล่อลวง มีพ่อแม่เป็นคนเร่ร่อน หรือมีครอบครัวที่อพยพมาจากต่างประเทศก็มี
จะด้วยเหตุใดก็ตาม เด็กเหล่านี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด ในกรณีของเด็กเล็กมักหาเลี้ยงตัวเองด้วยอาชีพขอทาน เช็ดกระจกรถ ขายพวงมาลัย และรับจ้างต่างๆ ซึ่งในกรณีขอทานนั้นรายได้อาจสูงถึงวันละ 500 บาท แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็จะเข้าสู่วงจรยาเสพติดและการขายบริการทางเพศ ตกครั้งละ 300-800 บาท หรือบางคนอาจได้เงินถึง 3,000 บาท แต่ต้องแลกกับการถูกถ่ายวิดีโอเล่นเซ็กซ์หมู่
หลายคนจบลงด้วยการเสียชีวิตจากโรคเอดส์
“จุดนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะปัจจุบันเด็กเร่ร่อนหันมาขายบริการทางเพศมากขึ้น เมื่อก่อนเวลาถามเขาจะตอบด้วยความอายว่าทำอาชีพนี้ แต่ปัจจุบันกลายเป็นอาชีพที่เป็นที่นิยม เด็กตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่าขายบริการ เหตุผลเพราะหาเงินได้ง่ายเมื่อเทียบกับการรับจ้างหรือเก็บขยะ” ทศพล ระบุ
เมื่อถามเด็กกลุ่มนี้ว่าไม่กลัวโรคเอดส์หรือ คำตอบคือ มีเพื่อนติดเชื้อจนเสียชีวิตไปแล้วหลายคน แต่เมื่อตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็ขอกินอิ่มไว้ก่อน!
นอกจากนี้ การมีเงินเยอะยังหมายถึงการได้แต่งตัวสวยงาม มีกางเกงยีนส์ใส่ มีโทรศัพท์มือถือ ได้เล่นในร้านเกม มีเงินเลี้ยงข้าวเพื่อน และมีมอเตอร์ไซค์ขับ แม้ว่าจะต้องถูกยึดไปในภายหลังเพราะไม่มีเงินผ่อนค่างวดก็ตาม
กลุ่มเด็กที่ขายบริการทางเพศส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้ชายอายุ 14-24 ปี เช่นที่สวนลุมพินี ซอยคาวบอยในต่างจังหวัดก็มี เช่น ด้านหลังเชียงใหม่ไนท์บาซาร์ ภูเก็ต บางคนถึงขั้นแชตผ่านอินเทอร์เน็ตหาแขกด้วยซ้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อีกปัญหาที่น่าหนักใจคือ การเพิ่มขึ้นของครอบครัวเด็กเร่ร่อน ซึ่งหมายถึงพ่อและแม่ต่างก็เป็นเด็กเร่ร่อน เมื่อมีลูกก็ทำให้ลูกเป็นเด็ก|เร่ร่อนตามไปด้วย ซึ่งทศพลมองว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะมีครอบครัวลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น
รวมทั้งกรณีเด็กเร่ร่อนชาวต่างชาติ ซึ่งพ่อแม่มาขายแรงงานในประเทศ ทั้งชาวกัมพูชา พม่า และปากีสถาน ที่เดินทางผ่านพม่าเข้าทาง จ.กาญจนบุรี มาหากินในกรุงเทพฯ
“หากเป็นเขมรหรือพม่าจะพบได้มากที่ศาลเจ้าพ่อเสือ หากเป็นปากีสถานพบได้ย่านซอยนานา และคลองตัน เด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่หาเลี้ยงชีพด้วยการขอทานและขายดอกไม้ แต่ก็มีพ่อแม่เด็กบางรายให้เช่าลูกของตัวเองให้ไปขอทานก็มี คิดค่าเช่าวันละ 100 บาท พบได้ตามย่านหลังศูนย์การค้าเซียร์รังสิต และชุมชนแออัดด้านหลังห้างไอทีสแควร์ ตลอดจนผู้มีอิทธิพลบางรายซื้อเด็กมาจากต่างชาติมาปล่อยเช่าให้ขอทานอย่าง เป็นระบบ
ขณะที่เด็กเร่ร่อนที่เข้าสู่ระบบบ้านหรือสถานสงเคราะห์เด็กทั้งภาครัฐและ เอกชนนั้น ทศพล ประเมินตัวเลขไว้ที่ 5,000 คนเท่านั้น หมายความว่ายังมีเด็กที่เร่ร่อนอยู่ข้างถนนอีกกว่า 2.5 หมื่นคน รวมทั้งเด็กเร่ร่อนชาวต่างชาติอีกประมาณ 1 หมื่นคน” ทศพล กล่าว
สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหานี้ ครอบครัวต้องมีความอบอุ่น มาตรการบางอย่างของรัฐอาจต้องผ่อนผันให้มากขึ้น เช่น จะนำเด็กเข้าเรียน แต่ไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงตัวก็ยากที่โรงเรียนจะรับ หรือหากรับก็จะไม่อดทนต่อพฤติกรรมเด็ก และไล่ออกในภายหลัง ทำให้เด็กกลับสู่วงจรเดิม หรือหลักเกณฑ์การกำหนดอายุหากเด็กอายุไม่ถึงหรืออายุเกินก็ไม่สามารถเข้า เรียนได้
เช่นเดียวกันองค์กรต่างๆ ที่ดูแลเด็กก็มีข้อจำกัดหลายประการ ไม่ว่างบประมาณจำกัด ผู้ดูแลเด็กมีสถานะเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ไม่มีสิทธิในการเซ็นเอกสารทางราชการเพื่อรับรองสิทธิต่างๆ
ทศพล แนะนำให้มีการเพิ่มจำนวนครูข้างถนนให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันทั่วประเทศมีอยู่เพียง 100 คนเท่านั้น รวมทั้งตั้งศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อรองรับครอบครัวเด็กเร่ร่อนให้มีทักษะในการ ประกอบอาชีพ
ที่สำคัญที่สุด ภาครัฐต้องจริงจังและร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่กันในการ แก้ไขปัญหานี้ด้วย