สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กาง แผนยกเครื่องการเงินมะกัน ตรวจแถวคนชนะ-คนแพ้

จากประชาชาติธุรกิจ

ในที่สุด หลังจากอภิปรายกันอย่างกว้างขวางกว่า 20 ชั่วโมง สมาชิกสภาคองเกรสเดโมแครต และ เจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวได้บรรลุข้อตกลงร่างพระราชบัญญัติทางการเงินฉบับ ใหม่

ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะได้รับเสียง สนับสนุนมากเพียงพอจากสภาคองเกรส ก่อนที่จะเสนอต่อประธานาธิบดีบารัก โอบามา เพื่อลงนามภายในวันที่ 4 กรกฎาคม ก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ทั้ง นี้ประธานาธิบดีโอบามาระบุว่าเนื้อหา 90% ของร่างกฎหมายที่จะให้วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรลงคะแนนครั้งสุดท้ายใน สัปดาห์นี้ ล้วนเป็นข้อเสนอครั้งแรกของเขาเพื่อปฏิรูปวอลล์สตรีต และร่าง พ.ร.บ.นี้ถือเป็นการคุ้มครองการเงินผู้บริโภคที่เข้มแข็งที่สุดในประวัติ ศาสตร์ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าบรรดาบริษัทบัตรเครดิตและผู้ปล่อยเงินกู้เพื่อการ จำนองอสังหาริมทรัพย์จะไม่ข่มเหงผู้บริโภคอีกต่อไป หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นการยุติ วันเวลาของการเข้าอุ้มธุรกิจยักษ์ใหญ่โดยอาศัยเงินของผู้เสียภาษี และทำให้มั่นใจว่าคนทั่วไปจะไม่ต้องรับผิดชอบกับความผิดพลาดของบรรดาสถาบัน การเงิน

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีต เจอร์นัล ให้ข้อมูลว่า แผนยกเครื่องภาคการเงินของสหรัฐครั้งนี้จะทำให้ธนาคารและตลาดการเงินเข้ามา อยู่ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวดขึ้นของรัฐบาลในช่วงหลายปีต่อจากนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารสถาบันการเงิน และนักวิเคราะห์มองว่าข้อกฎหมายไม่ได้เข้มงวดมากเหมือนที่พวกเขาวิตก แต่ก็เข้มกว่าที่คาดหวังไว้

แน่นอนว่าในทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีคน ได้และคนเสีย ซึ่งสำหรับประเด็นนี้ รอยเตอร์ส ได้จำแนกออกเป็นกลุ่ม ๆ ดังนี้

กลุ่มแรกคือบรรดาบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่ได้และเสียในเวลาเดียวกัน โดยร่างกฎหมายใหม่กำหนดให้บริษัทเหล่านี้ต้องรับผิดชอบมากขึ้น และอาจถูกฟ้องร้องได้ หากพบว่าบริษัทขาดการไตร่ตรองและล้มเหลวในการพิจารณาข้อมูลสำคัญในการจัดอัน ดับเรตติ้ง แต่ขณะเดียวกันบริษัทจัดอันดับก็ยังมีเวลาหายใจหายคออีก 2 ปี ระหว่างที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หาแนวทางลดผลประโยชน์ ทับซ้อนของบริษัทเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ เช่น มูดีส์ เอสแอนด์พี และฟิทช์ ที่ผู้ออกหุ้นกู้ควักกระเป๋าจ่ายให้บริษัทเพื่อจัดความน่าเชื่อถือของหุ้น กู้

ขณะที่กลุ่มสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ต้องเสียประโยชน์เมื่อถูกห้ามไม่ให้ทำธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อผลกำไร ของบริษัท (proprietary trading) แต่สามารถลงทุนน้อยที่สุดในเฮดจ์ฟันด์และไพรเวต อีควิตี้ ฟันด์ได้ นอกจากนี้ธนาคารอย่างโกลด์แมน แซกส์ และเจพี มอร์แกน ถูกกดดันให้ขายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ หรือไม่ก็จะเสี่ยงที่จะหมดโอกาสเข้าถึงกองทุนฉุกเฉินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่ยักษ์ธนาคารก็ยังมีสิทธิซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและสวอปอัตรา ดอกเบี้ยต่อไป ส่วนผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น สินเชื่อจดจำนองและบัตรเครดิต จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ที่มีเป้าหมายคุ้มครองผู้บริโภคจากผลิตภัณฑ์ที่ มีความเสี่ยงสูง

ต่างจากธนาคารขนาดเล็กที่เป็นฝ่ายได้จากร่าง พ.ร.บ.ล่าสุด เพราะยังอยู่ภายใต้การดูแลของเฟดเหมือนเดิมตามที่ต้องการ เช่นเดียวกับเฟดที่ได้กำกับดูแลสถาบันการเงินขนาดใหญ่อย่างเป็นระบบ ตลอดจนมีอำนาจคุมธนาคารทุกขนาดในประเทศ และมอนิเตอร์ความเสี่ยงในระบบเพื่อตัดสินใจว่าบริษัทขนาดใหญ่จะต้องทิ้ง สินทรัพย์ใดออกไปบ้าง พร้อมกันนี้เฟดจะเป็นบ้านสำหรับสำนักงานคุ้มครองทางการเงินสำหรับผู้บริโภค ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ภายใต้กฎหมายใหม่เพื่อดูแลผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นอีกกลุ่มในสังคม ที่เป็นผู้ชนะในร่างกฎหมายใหม่เช่นกัน เพราะข้อบังคับใหม่ จะคุ้มครองคนกลุ่มนี้จากผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูง

ส่วน บรรดานักลงทุนและผู้ถือหุ้น จะเป็นทั้งผู้ชนะและแพ้ในเกมแล้วแต่กรณี เริ่มจากโบรกเกอร์ ดีลเลอร์ ผู้ให้บริการคำปรึกษาทางการเงิน ที่กฎหมายยังไม่ได้บังคับทันทีให้ดำเนินการใด ๆ โดยถือประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นสำคัญ แต่ ก.ล.ต.จะใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้ราว 6 เดือน ก่อนจะพิจารณาว่าโบรกเกอร์จะต้องปฏิบัติมาตรการดังกล่าวหรือไม่

พร้อม กันนี้ร่างกฎหมายใหม่กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจะต้องหยั่ง เสียงผู้ถือหุ้นว่าต้องการโหวตลงคะแนนแบบไม่มีข้อผูกพันเกี่ยวกับผลตอบแทน ของผู้บริโภคอย่างไร จะโหวต ทุกปี ทุก ๆ 2 ปี หรือทุก ๆ 3 ปี พร้อมกันนี้ ก.ล.ต.ยังมีอำนาจเปิดโอกาสให้บรรดา ผู้ถือหุ้นสามารถเสนอชื่อกรรมการบอร์ดบริหารของบริษัทได้ง่ายกว่าเดิม

ขณะ เดียวกัน ก.ล.ต.และคณะกรรมการควบคุมการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า เป็นอีก 2 กลุ่มที่ได้อานิสงส์จากร่างกฎหมายใหม่ เพราะทั้งคู่มีอำนาจใหม่คือการควบคุมตลาดตราสารอนุพันธ์นอกระบบตลาดมูลค่า 615 ล้านล้านดอลลาร์ และ ก.ล.ต.ยังได้พ่วงอำนาจดูแลธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในธุรกิจสำคัญของวงการการเงินสหรัฐ

นอกจากนี้กลุ่ม ดีลเลอร์ยานยนต์ที่ทำธุรกิจไฟแนนซ์ ก็เป็นผู้ชนะตัวจริงในร่างกฎหมายใหม่ เพราะไม่ต้องถูกควบคุมโดยสำนักงานผู้บริโภคที่จัดตั้งใหม่ แต่ยังอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการการค้าของรัฐบาลกลางเช่นเดิม

กลุ่ม อุตสาหกรรมและนักวิเคราะห์บางรายวิพากษ์ร่าง พ.ร.บ.นี้ว่า ความต้องการด้านทุนที่เข้มข้นขึ้นจะทำให้ธนาคารชุมชนปล่อยกู้ยากขึ้น ขณะที่คู่แข่งต่างชาติจะเข้ามายึดครองตลาดผลิตภัณฑ์ระดับสูงจากธนาคารขนาด ใหญ่ของสหรัฐ โดย ริชาร์ด โบฟ นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์โรชเดล ชี้ว่า เพราะการขยายอำนาจราชการที่ใช้ไม่ได้ จะทำให้ราคาผู้บริโภคในภาคธนาคารพุ่งสูงขึ้น

ด้าน ดีน เบเกอร์ ผู้อำนวยการร่วมของศูนย์วิจัยนโยบายและเศรษฐกิจ ระบุว่า น่าจะไม่มีนักเศรษฐศาสตร์คนไหนเชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.นี้จะหยุดความเสี่ยงของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เกินกว่าจะล้มได้สำเร็จ

view