สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ว่างๆ ที่บางกรวย

จาก โพสต์ทูเดย์

ว่างเมื่อไหร่ก็เข้าไป ไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือท่าน้ำวัดจำปาบ้าง ก็อร่อยพอใช้ได้ และเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือที่ขายในเรือไม่ได้ยกเรือขึ้นมาอยู่ในร้าน

เรื่อง / ภาพ สุธน สุขพิศิษฐ์

ผมเคยเขียนถึงคลองบางกอกน้อย คลองอ้อม บางกรวย เมื่อ 2 เดือนที่แล้วว่าเป็นของดีของเมืองไทย ที่น่าจะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกที่มีวิถีชีวิต เหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่เอาชุมชนที่ยังมีวิถีชีวิต มีสังคม ประเพณี สิ่งแวดล้อม และรูปแบบสถาปัตยกรรม ทั้งทางศาสนาและที่อยู่อาศัย ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ที่เมืองจีนนั้นมีหลายเมือง เวียดนามก็มีฮอยอัน แม้กระทั่งลาวมีหลวงพระบาง ซึ่งของไทยโดยเฉพาะที่สองริมฝั่งคลองบางกอกน้อย คลองอ้อม มีทุกอย่างครบ แถมยังมีความเก่าแก่อายุมากกว่าหลายร้อยปี เพราะคลองนี้คือแม่น้ำเจ้าพระยาสายเก่าตั้งแต่ดั้งเดิม ก่อนที่จะมาตัดแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสายตรงเมื่อสมัยอยุธยา

แต่เมืองไทยมัวแต่งมเอาโบราณสถานที่แห้งแล้งเหลือแต่ซาก มาขึ้นทะเบียนมรดกโลก แล้วดูแลก็ไม่ดี จะหลุดจากทะเบียนมรดกโลกก็มี นั่นเป็นเรื่องที่เคยเขียนไว้
ผมไปเที่ยวสวนแถวริมคลองนั้นก่อนที่จะมี ถนนพระราม 5 หลายปี เรียกว่าหลงใหลแถวนั้นขนาดข้ามสะพานพระราม 7 ไปตอนกลางวันแดดเปรี้ยงๆ พอเข้าเขตบางกรวย ต้นไม้ ต้นไร่ ร่มรื่นเยือกเย็น สบายตาขึ้นมาทันที เดินเข้าไปตามทางในสวนผ่านวัดโพธิ์บางโอ วัดโตนด ออกวัดสักใหญ่ ซึ่งต้องผ่านวัดสักน้อยก่อน วัดสักน้อยเป็นวัดร้างจมอยู่ในดงเถาวัลย์วัชพืชและต้นไม้ใหญ่คลุมแน่น ไม่มีใครแตะต้อง ไม่มีใครยึดครองที่วัด คนไทยถือครับวัดก็คือวัด นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความคิดของคนไทยโบราณ

นอกจากเดินตามทางในสวนแล้ว ก็ขับรถเลาะผ่านวัดแก้วฟ้า ไปออกวัดจำปา ผ่านลำราง และคลองเล็กๆ ชาวบ้านอยู่กันริมคลองดูสงบสุขสบาย เรียกว่าฝันเลยว่าอยากอยู่อย่างนั้นบ้าง แต่พอมีถนนพระราม 5 ตัดผ่ากลาง คนชาวสวนเปลี่ยนวิถีชีวิต บ้านเรือนที่เคยอยู่ริมน้ำก็มาปลูกบ้านใหม่อยู่ริมถนน ห้องแถวก็ตามมา โรงงานก็มี เมื่อมีการก่อสร้างใหม่ๆ ก็ตัดต้นไม้ ความร่มรื่นก็หายไป ที่มาแทนก็คือความร้อน ก็นี่แหละที่ผมทิ้งแถวนั้นไม่เหยียบไปเลย

มาเมื่อนี่เองที่พอปรับใจใหม่ว่า ทุกอย่างมันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไปยึดติดอะไรกันนักหนา ก็โชคดีที่เคยเห็นสิ่งดีๆ มาก่อนแล้ว เดี๋ยวนี้ก็กลับไปใหม่และไปบ่อย เพราะใกล้แค่จมูกแค่นี้เอง ว่างเมื่อไหร่ก็เข้าไป ไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือท่าน้ำวัดจำปาบ้าง ก็อร่อยพอใช้ได้ และเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือที่ขายในเรือไม่ได้ยกเรือขึ้นมาอยู่ในร้านแล้วบอกว่า เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ

ถ้าวันไหนไปตอนเย็นก็ไปนั่งที่ท่าน้ำวัดจำปา มีร้านอาหารตามสั่งอยู่ เป็นร้านชาวบ้าน นึกอยากกินอะไรแผลงๆ นอกจากที่เขามีขายตามปกติ ถ้าเขามีของ เขาก็ทำให้สนุกไปอีกอย่าง

บางวันก็เข้าวัดแก้วฟ้า วัดนี้ก็เป็นวัดสมัยอยุธยา ตัวอุโบสถเก่าซึ่งเป็นหลังเล็กๆ ฐานลวดบัวยังเป็นทรงท้องสำเภา แต่คงผ่านการซ่อมแซมมาบ้าง ครั้งสุดท้ายสุดคงเปลี่ยนจากกระเบื้องดินขอเป็นกระเบื้องกาบกล้วย ซึ่งกระเบื้องกาบกล้วยนี่ก็เป็นสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์เข้าไปแล้ว และมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ซ่อมอะไร หลังคาก็เอาสังกะสีคลุมไว้อีกที

ถึงวัดจะสร้างอุโบสถหลังใหม่สูงชะลูดแล้ว คนไปก็ยังไหว้พระในอุโบสถหลังเก่าอยู่ตลอดเวลา วัดแก้วฟ้ามีทางเดินออกไปที่ริมคลองได้มี 2 ทาง ทางหนึ่งมีชาวบ้านอยู่ริมทางประปราย อีกทางหนึ่งเป็นทางของวัดโดยตรงและมีท่าน้ำโล่งๆ ไว้สำหรับเวลามีประเพณีลอยกระทง หรือแห่พระทางน้ำ ผมชอบวัดแก้วฟ้าเพราะร่มรื่นด้วยต้นไม้ครับ ตรงที่จอดรถนั้นมีแนวต้นไผ่หนาแน่นมาก มีรถหลายคันไปจอดนั่งเล่น นอนเล่นเพลินๆ นั่งฟังเสียงนกเสียงกา ยิ่งร้อนๆ หาที่อย่างนั้นในกรุงเทพฯ ยาก ก็มีคนรู้ไปจอดรถตักตวงความสงบและความเย็นจากต้นไม้

แต่ที่ผมชอบมากกว่านั้นคือ ในบริเวณวัดมีชาวบ้านเอาผักผลไม้มาขาย ถึงบางอย่างไปเอามาจากที่อื่นก็ไม่ว่ากัน เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเข้าไปเจอของดีหลายอย่าง มีกล้วย มะม่วง มะละกอ ผักบุ้งไทยปล้องใหญ่ๆ เป็นผักบุ้งที่เด็ดมาจากคลอง เห็นผักบุ้งไทยแบบนี้แล้วอยากกินแกงส้มขึ้นมาทันที เมื่ออยากกินก็ซื้อมา ส่วนจะทำเมื่อไหร่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ทำแกงส้มก็ได้ ใช้ลวกจิ้มน้ำพริกก็ดี กำละแค่ 10 บาท หาได้ที่ไหน

มีเจ้าหนึ่งเอาสับปะรดหางนาคกับหัวปลีกล้วยตานีมาขาย คนที่เอามาขายนั้นบ้านอยู่ใกล้วัดนั่นเองและเพิ่งตัดมาสดๆ สับปะรดหางนาคนี่ยาวแหลมมาก ดูน่าจะเป็นสับปะรดใส่กระถางสำหรับตกแต่งบ้านมากกว่า ผมไม่เคยเห็นมาก่อน คนขายบอกว่าเนื้อจะขาวแต่ไม่เปรี้ยวหากินยาก ถึงลูกละ 35 บาทก็นึกเสียว่าเป็นราคาที่ซื้อความไม่เคยเห็น และซื้อทั้งรส ถูกยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ข้อสำคัญมีมาลูกเดียว ไม่รีบซื้อใครเอาไปเดี๋ยวจะเสียใจ

หัวปลีกล้วยตานีมีอยู่ 2 หัวก็รีบเอามา หายากครับ หัวปลีกล้วยตานีเป็นสุดปรารถนาของผมมานานแล้ว ผมรู้จักคุ้นเคยดีกับร้านโชติจิตร แพร่งภูธร ซึ่งทำยำหัวปลีอร่อยมาก คุณกระช้อยชุลี เจ้าของร้านเคยบอกว่าที่ทำขายอยู่นั้นใช้หัวปลีกล้วยธรรมดา แต่ที่จะอร่อยสุดยอดต้องใช้หัวปลีกล้วยตานี เส้นเนื้อจะเล็กละเอียด ฉะนั้นเมื่อเจอแล้วก็เอามาก่อน จะไปให้ร้านโชติจิตรยำให้กินในวันหลัง

พอผ่านมาวันรุ่งขึ้นก็แกงส้มผักบุ้งกับพุงปลาช่อน เผอิญผมมีพุงปลาช่อนนอนแอ้งแม้งอยู่ในช่องแข็งอยู่แล้วก็เลยทำได้ทันใจนึก ส่วนสับปะรดหางนาคอร่อยใช้ได้ครับ ไม่หวานเจี๊ยบแต่ก็ไม่เปรี้ยวตามที่คนขายบอก

ก็มาเหลือหัวปลีกล้วยตานี พอหลายวันเข้าเปลือกชั้นนอกเริ่มเหี่ยว ขืนคอยกว่าจะไปร้านโชติจิตร หัวปลีคงเป็นหัวปลีตากแห้งเหี่ยวๆ แน่ ฉะนั้นจัดการแกง 1-2-3-4-5 หรือแกงเลียงเสียเลย ปลากรอบก็มีอยู่แล้ว ซื้อใบแมงลักมาเพิ่มกำเดียวกับกระชายแง่งหนึ่งเท่านั้น

เครื่องแกงก็ตำพริกไทย หอมแดง กระชาย กะปิ และพริกแห้งเม็ดใหญ่ๆ เม็ดเดียว ผมชอบหนักพริกไทย แล้วตำกับปลาแห้งซึ่งเอาไปนึ่งและแกะเอาแต่เนื้อมาก่อน
หัวปลีกล้วยตานี นี่เนื้อขาวจั๊ว มิน่าเล่าสมัยก่อนชอบพูดกันนักกันหนาว่าผีนางตานี ขาว สวย เหมือนหมวย น่าเจี๊ยะ ไม่รู้เพราะหัวปลีมันขาวหรือผีผิวขาวกันแน่
หัว ปลีกล้วยตานีเส้นรอบวงเส้นบางเล็กหั่นแล้วเป็นเส้นละเอียด ผมแกงเสร็จ เนื้อที่เห็นเส้นเล็กๆ นั้นทั้งกรอบและหวาน อร่อยครับ แต่ไม่ใช่ฝีมือแกง แต่เป็นหัวปลีกล้วยตานีต่างหาก ทั้งหมดผมก็ยกความดีของวัดแก้วฟ้าที่มีของดีๆ ขาย

นี่จากเริ่มต้นเป็นเรื่องคลอง เรื่องสวน แล้วมาลงท้ายกับพืชผักผลไม้ ทุกเรื่องไปด้วยกันได้ทั้งนั้นครับ ฉะนั้นวันหยุดลองเข้าไปเที่ยวดูครับอาจจะได้อะไรหลายๆ อย่าง หลายๆ เรื่องก็ได้ครับ

Tags : ว่างๆ บางกรวย

view