จาก โพสต์ทูเดย์
ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาฯ ในวันนี้จึงเป็นเหมือนดั่งน้ำทิพย์หลั่งรินสู่คนรากหญ้า ที่ อ.บ่อเกลือ และ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน
โดย...ปวีณา สิงห์บูรณา
สัปดาห์นี้ทีมงานรายการโลก 360 องศา และ Mr.Bernd เพื่อนร่วมทางชาวต่างชาติที่สนใจในวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบไทยๆยังอยู่กัน ที่ภาคเหนือของประเทศไทยพวกเราเดินทางมุ่งหน้าสู่ จ.น่าน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของ จ.เชียงใหม่ ที่ซึ่งเราไปเรียนรู้แนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกันมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของ จ.น่าน ก็คือเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็คือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตลอดแนวชายแดนทางทิศเหนือและตะวันออกของประเทศไทยเป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 47 ปีของกรมพัฒนาที่ดินในการสนองพระราชดำริทางด้านทรัพยากรดิน ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาตามแนวพระราชดำริ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกแห่งหนึ่ง ที่กรมพัฒนาที่ดินได้เข้าร่วมดำเนินงานตั้งแต่เริ่มโครงการ
คำบอกเล่า ก่อนหน้าที่ทีมงานจะเดินทางมายัง จ.น่าน คือ ที่นี่เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม ผู้คนอยู่กันอย่างสงบสุข ที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งของสถานีพัฒนาที่ดิน จ.น่าน ซึ่งมีส่วนสนับสนุนโครงการตามแนวพระราชดำริ ก่อให้เกิดต้นแบบวิถีชีวิตพอเพียงของผู้คนบนที่สูง สัปดาห์นี้เราจึงพาคุณผู้อ่านมาศึกษาวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ รวมถึงเรียนรู้แนวทางการทำการเกษตรบนที่สูงว่ามีความน่าสนใจอย่างไร คนบนพื้นราบปลายทางการบริโภคสินค้าเกษตรอย่างเราๆ ก็ต้องไปเห็นต้นทางกันหน่อย
ระหว่างการเดินทางไปศึกษาวิถีชีวิตผู้คนที่ศูนย์เกษตรภูฟ้าพัฒนาฯ ในอ.บ่อเกลือ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายขอบของ จ.น่าน สถานที่แรกซึ่งพวกเราเลือกจะไปเพื่อตั้งต้นองศาแรกใน จ.น่าน คือโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองน่าน นั่นก็คือ“พระธาตุแช่แห้ง” ซึ่งในตำนานบอกว่าพระธาตุแช่แห้งนี้เป็นอนุสรณ์ความรักความสัมพันธ์ระหว่าง เมืองน่านและเมืองสุโขทัยในอดีต นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าพระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิด ปีเถาะหรือปีกระต่ายอีกด้วย
หลังจากที่นมัสการพระธาตุแช่แห้งเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ทีมงานโลก 360 องศา ก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่ตั้งใจกันไว้แต่แรก นั่นก็คือ “ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาตามแนวพระราชดำริฯ” ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2542 จากการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ อ.บ่อเกลือ และ อ.เฉลิมพระเกียรติ และทรงเห็นความทุกข์ยาก แร้นแค้นของราษฎร ในเรื่องการประกอบอาชีพและ|วิถีชีวิต จึงทรงมีพระราชดำริจัดตั้งศูนย์ภูฟ้าพัฒนาฯ โดยมีพระราชดำริให้ทางกรมพัฒนาที่ดิน โดยสถานีพัฒนาที่ดินน่านเข้ามาสำรวจพื้นที่ด้วยวิธีการศึกษาคุณภาพของ ทรัพยากรดิน สภาพภูมิประเทศ และใช้วิชาความรู้ของกรมพัฒนาที่ดินเข้ามาสำรวจและวางแผนการใช้ที่ดิน การใช้มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างไร การปรับปรุงบำรุงดิน รวมทั้งความเหมาะสมของชนิดพืชที่จะปลูก
เนื่องจากการเดินทางในครั้งนี้มีระยะทางที่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองน่าน ทีมงานโลก 360 องศา จึงเลือกที่จะพักค้างคืนกับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการของศูนย์ภูฟ้าพัฒนาฯ และตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพื่อพบกับธรรมชาติที่สุดแสนจะอุดมสมบูรณ์ ทิวทัศน์ที่สวยงามเขียวชอุ่ม พร้อมๆ กับได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับ
ชาวบ้าน เป็นความรู้สึกที่ต้องบอกว่า เหมือนได้ย้อนกลับไปใช้ชีวิตวัยเด็กที่เรียบง่าย หากทว่างดงามและอิ่มสุขจริงๆ
เจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาที่ดิน เล่าให้ทีมงานฟังว่า ศูนย์สาธิตภูฟ้าพัฒนาฯ มีแนวความคิดที่ว่า ถ้าเกษตรกรมีพื้นที่ 10 ไร่ ก็จะให้เขาแบ่งการใช้ประโยชน์แบบผสมผสาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างหลากหลาย เช่น ด้านนี้ปลูกผักเป็นพืชรายได้ มีพื้นที่ปลูกข้าว พื้นที่ใช้สอย พื้นที่ปลูกชา ถ้าเกษตรกรดูแลรักษาดีๆ ปีหนึ่งก็จะมีผลตอบแทนประมาณ 5 หมื่นบาทเลยทีเดียว ส่วนพื้นที่บางส่วนที่มีความลาดชันสูงต้องให้เก็บไว้เป็นป่า ปลูกต้นไม้เสริมเป็นป่ากินได้ ซึ่งปัจจุบันศูนย์ภูฟ้าพัฒนาฯ มีเกษตรกรในโครงการ 13 กลุ่ม รวม 127 ครัวเรือนในพื้นที่2 อำเภอคือ อ.บ่อเกลือ และ อ.เฉลิมพระเกียรติ ทุกครอบครัวมีความกินดีอยู่ดี และมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตผลที่เหลือจากการบริโภค ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาฯ ในวันนี้จึงเป็นเหมือนดั่งน้ำทิพย์หลั่งรินสู่คนรากหญ้า ที่ อ.บ่อเกลือ และ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ให้ชุมชนกว่าร้อยครัวเรือนได้มีอยู่มีกิน สร้างรายได้และลดรายจ่าย พึ่งพาตัวเองและเข้มแข็งในที่สุด
ทีมงานโลก 360 องศา ยังได้ไปชมการปลูกข้าวไร่ และศึกษาถึงความแตกต่างระหว่างข้าวที่ปลูกบนภูเขากับข้าวที่ปลูกในนา พวกเราไปทดลองทำปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเป็นอินทรีย์วัตถุอีกหนึ่งอย่างที่ช่วยในการฟื้นฟูดินให้สามารถเพาะปลูก ให้ได้ผลดี หลังจากสถานีปุ๋ยแล้ว เราก็เดินต่อไปเยี่ยมบ้านหมอดิน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า รอบบ้านหมอดินเต็มไปด้วยพืชผักกินได้นานาชนิด
เจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาที่ดิน พาทีมงานไปเรียนรู้วิถีชีวิตของเกษตรกรในโครงการของศูนย์ภูฟ้าพัฒนาฯ ที่เป็นหนึ่งในตัวอย่างของความสำเร็จในการพัฒนาน้ำและดินตามแนวทางของกรม พัฒนาที่ดิน ซึ่งเกษตรกรได้บอกกับทีมงานว่า ความสุขอยู่แค่เอื้อม ที่ประเทศไทยมีทุกอย่าง เงินรายได้ 3 หมื่นกว่าบาท ทำให้คนคนหนึ่งมีความสุขโดยไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว แล้วคุณผู้อ่านล่ะ ต้องมีรายได้เท่าไหร่จึงจะมีความสุข
ก่อนจะลากลับ คุณลุงเจ้าของบ้านใจดีพาพวกเราไปดูสับปะรดที่ปลูกไว้ แถมยังขนสับปะรดในไร่มาเลี้ยงพวกเราอีกด้วย ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพบเจอที่นี่จะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ สถานีพัฒนาที่ดินน่านที่บอกว่า “พัฒนาที่ดินให้สมบูรณ์ เพิ่มพูนผลผลิต ฟื้นฟูและแก้ไขดินมีปัญหา สร้างคุณค่าให้ยั่งยืน” ซึ่งทางทีมงานมีความภาคภูมิใจอย่างเต็มร้อยที่จะบอกว่า ผลไม้ไทยนั้นอร่อย มีรสชาติหวาน คนไทยมีความหวานมีความรื่นรมย์ มีความโอภาปราศรัย นั่นกระมังที่ทำให้ใครต่อใครที่มาประเทศไทยติดใจ มาแล้วก็ต้องมาอีก