จาก โพสต์ทูเดย์
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และส่อเค้าจะบานปลายออกไปทุกขณะ คือกรณีที่คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยออกประกาศ ยกเลิกการสอบขอขึ้นทะเบียนและรับใบนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะประเภท เภสัชกรรมไทย และการนวดไทย
โดย-ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน
ด้วยสาเหตุพบหลักฐานอันเชื่อได้ว่ามี “ข้อสอบรั่ว”
ว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ประเด็นนี้คงไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นกับ สำนักสถานพยาบาลและกองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง เพราะที่ผ่านมามีกระแสข่าวกรณี “ข้อสอบรั่ว” เกิดขึ้นอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงแต่ไม่เคยมีการประกาศ “ยกเลิก” การสอบมาก่อน
แต่ในการสอบปี 53 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 – 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่เปิดสอบแขนง “การนวดไทย” จากเดิมที่เคยเปิดสอบเพียง 3 แขนง คือ เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย และการผดุงครรภ์ไทย
กลับมีประกาศให้ยกเลิกการสอบ โดย “การนวดไทย” ก็ตกเป็นหนึ่งในสองแขนงที่ถูกยกเลิกด้วยเช่นกัน
พลันมติของคณะกรรมการวิชาชีพฯ เผยแพร่สู่สาธารณชน ได้ก่อให้เกิดแรงต้านจากกลุ่มผู้ที่เข้าสอบทั่วประเทศ ซึ่งเคลือบแคลงในหลักการการตัดสิน รวมทั้งอำนาจของคณะกรรมการฯ ชุดนี้
วันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้สอบฯ กว่าร้อยชีวิตในชุดสีดำ เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อยื่นรายชื่อผู้คัดค้านมติของคณะกรรมการฯ ต่อ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะเจ้ากระทรวง อีกทั้งยังขอให้รัฐมนตรีช่วยดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
สมพงษ์ ชื่นวิทยา ทนายความและหนึ่งผู้เข้าสอบ มองว่า กรณีข้อสอบรั่วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ที่เข้าสอบโดยสุจริต ดังนั้นจึงไม่สมควรลงโทษอย่างเหมารวม และตั้งข้อสังเกตว่าหากข้อสอบรั่วจริงก็คงรั่วทั้ง 4 แขนงวิชา ดังนั้นการที่คณะกรรมการฯ มีมติรับรองการสอบอีก 2 แขนง เป็นเพราะเหตุใด
การเข้าร้องเรียนในครั้งนี้ ยังผลให้ จุรินทร์ มีคำสั่งด่วนไปยัง สนั่น ศุภธีรสกุล รองประธานกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานฯ ให้ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริง รวมทั้งหลักการและเหตุผลของการออกมตินี้แก่ผู้ร้องเรียน ในช่วงบ่ายของวันที่ 3 ส.ค.
“การสอบสวนของคณะอนุกรรมการวิชาชีพสอบข้อเท็จจริง พบหลักฐานอันเชื่อได้ว่ามีข้อสอบรั่วจริง โดยมีแนวโน้มรั่วเป็นวงกว้างในทั่วประเทศ เป็นเหตุให้ไม่สามารถทราบได้ว่าผู้ที่ผ่านการสอบนั้นมีความรู้จริงหรือไม่ จึงจำเป็นต้องประกาศยกเลิกการสอบ”สนั่น ให้เหตุผล
เขาอธิบายว่า หลังจากเสร็จสิ้นการสอบ คณะกรรมการฯ ได้นัดประชุมกันอีกครั้งเมื่อวันที่ 19 พ.ค. โดยในวันนั้นเองที่ได้รับข้อร้องเรียนกรณีข้อสอบรั่ว จากนั้นในวันที่ 24 พ.ค. ประธานคณะกรรมการฯ (คนเก่า) จึงสั่งให้ตั้งคณะอนุกรรมการวิชาชีพสอบข้อเท็จจริง เพื่อสอบสวนเอกสารหลักฐานอย่างละเอียด
กระทั่งวันที่ 14 ก.ค.ซึ่งมีการประชุมคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่อีกครั้ง คณะอนุกรรมการสอบฯ ก็ได้เข้าชี้แจงรายงานการสอบกับที่ประชุมด้วยปากเปล่าว่าพบข้อสอบรั่วจริง พร้อมทั้งสำเนาเอกสารแจกคณะกรรมการฯ คนละชุด แต่อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังไม่มีมติใดๆ เนื่องจากยังไม่ได้ศึกษาเอกสาร จึงได้นัดประชุมเพื่อลงมติอีกครั้งในวันที่ 28 ก.ค.
“ในวันลงมติ ที่ประชุมเห็นตรงกันว่ามีข้อสอบรั่วใน 2 แขนงจริง จึงได้ดูแนวปฏิบัติของสากลว่าควรดำเนินการอย่างไร สุดท้ายมีมติเอกฉันท์ว่าให้ยกเลิกการสอบครั้งนี้”สนั่นอธิบาย
แต่ทว่า คำอธิบายของรักษาการประธานคณะกรรมการฯ ก็ยังไม่สามารถสร้างความกระจ่างให้กับผู้เข้าสอบได้
“ไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจแก่คณะกรรมการวิชาชีพในการประกาศยกเลิกการสอบ ดังนั้นที่คณะกรรมการฯ บอกว่าจะนำข้อเสนอของผู้เข้าสอบคือขอให้ยกเลิกประกาศ เข้าหารือในที่ประชุมวันที่ 6 ส.ค.นั้น หากยังคงยืนกรานในมติเดิม เราก็จำเป็นต้องฟ้องศาลปกครองและฟ้องอาญา โดยผู้เข้าสอบทั้งหมดกว่า 5,000 คน จะเป็นโจทย์แบ่งกันยื่นฟ้อง 10 คนต่อ 1 กรรมการ กระจายทั่วทั้งประเทศ”นายสมพงษ์ระบุ
เขา บอกว่า จะดำเนินการฟ้องอาญาต่อคณะกรรมการฯ ทั้ง 18 คน รวมทั้งสำนักสถานพยาบาลและกองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ตามมาตรา 157 และ 164
นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าสอบบางส่วนที่ถามหาความชัดเจนในรูปธรรมของกรณีข้อ สอบรั่ว
สมใจ อัศวสุริยะวงศ์ หนึ่งในผู้เข้าสอบฯ กล่าวว่า ไม่เชื่อมั่นในการดำเนินการของสำนักสถานพยาบาลและกองการประกอบโรคศิลปะ และคาดว่าข้อสอบจะรั่วในกระบวนภายใต้การดูแลของหน่วยงานนี้ จึงขอตั้งคำถามว่าหลังจากออกข้อสอบแล้วมีขั้นตอนการเก็บข้อสอบอย่างไร อยู่ห้องไหน ใครดูแล ใครถือกุญแจ และส่งไปที่ไหนอย่างไรบ้าง
“เราแค่อยากรู้ว่า ที่บอกว่ามีผู้ทุจริต 10 รายนั้น เป็นใคร อยู่จังหวัดไหน พื้นที่ใดบ้าง แต่คำตอบที่ได้รับคือข้อสอบรั่วเป็นวงกว้างทั่วประเทศ และเราอยากรู้ว่าใครเป็นคนดูแลข้อสอบ เพราะข้อสอบต้องรั่วก่อนการสอบแน่นอน คนปกติก็คงเข้าไปเอาข้อสอบไม่ได้ ดังนั้นอยากให้ชี้แจงมา เราจะได้ฟ้องถูกคน”เธอเรียกร้องความชัดเจน
มีคำอธิบายจากซีกคณะกรรมการฯ ต่อกรณีนี้ว่า ในวันที่ 3 ส.ค.จะเดินทางไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่ผู้ที่กระทำความผิด ดังนั้นข้อมูลในส่วนนี้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน ที่คณะกรรมการฯ ไม่สามารถจะไปก้าวก่ายได้
ส่วน นพ.วิศิษฐ์ ตั้งนภากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ในฐานะคณะกรรมการฯ บอกว่า จะเยียวยาผู้เสียหายด้วยการเร่งจัดสอบครั้งใหม่อย่างรวดเร็ว คือภายในเดือนกันยายน โดยจะไม่เก็บค่าธรรมเนียม และคาดว่าจะประกาศผลสอบได้ช่วงปลายเดือนเดียวกันนี้
แม้ว่าคำตอบยังคงคลุมเครือ และไม่ว่ามติของคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยในวันที่ 6 ส.ค. จะออกมาเป็นเช่นใด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนั้นนับเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่า ในกลไกนี้มี “ความบกพร่อง” และยัง “ด้อยคุณภาพ” อยู่จริง
