จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย : เอื้อพันธุ์
ใบย่านาง กำลังฮิต หมอพื้นบ้าน หมอไทย หมอรักษาแนวธรรมชาติบำบัด ใช้ ใบย่านาง เป็นเมนูกินฆ่าโรค ป้องกันโรค
ใบย่านาง กำลังฮิต หมอพื้นบ้าน หมอไทย หมอรักษาแนวธรรมชาติบำบัด ใช้ ใบย่านาง เป็นเมนูกินฆ่าโรค ป้องกันโรค มีหลักพื้นฐานว่าเป็นยาเย็น รักษาโรคฮิตคนเมืองที่มักเกิดจากการกินอาหารที่ร้อนเกินไป กินของทอดอมน้ำมัน กินผักน้อย อยู่ในที่ร้อนรุ่ม อารมณ์เร่งรีบ เครียดสะสม จนเกิดโรค
ในหนังสือเรื่อง บันทึกของแผ่นดิน ๒ ผักเป็นยา รักษาชีวิต โดย ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เขียนถึงใบย่านางไว้มากมาย เขียนไว้ก่อนใบย่านางจะมาดังระเบิดตอนนี้ สมุนไพรไทยก็เหมือนเป็นแฟชั่นเหมือนกัน ที่ว่า..ได้รับความนิยมเป็นพัก ๆ เป็นระยะ ๆ ใช้กันจนเกร่อแล้วก็เลิกฮิต ประเดี๋ยวก็มีพืชชนิดอื่นมาฮิตใหม่ เป็นต้น
ในหนังสือเล่มนี้บันทึกไว้ว่า ย่านาง เป็นยาล้างพิษ ฮิตมาทุกยุค ในทางแพทย์แผนไทยถือว่าเป็นยาเย็น มีสรรพคุณแก้ไข้ ถอนพิษ ผิดสำแดง พิษอื่น ๆ เช่น แก้เมารถเมาเรือ แก้เมาสุรา คนไทยแต่โบราณรู้จักกันดี เช่น ในตำรับยาห้าราก หรือเบญจโลกวิเชียร มีสรรพคุณระบุว่าแก้ไข้ทุกชนิด คุณค่าของตำรับยานี้เปรียบดั่งแก้วห้าดวง อันประกอบด้วย รากย่านาง รากชิงชี่ รากเท้ายายม่อม รากมะเดื่ออุทุมพร รากสีฟันคนทา
ในชุมชนอโศก ส่งเสริมให้คนในชุมชนใช้น้ำคั้นจากใบย่านางดื่ม ปรับสมดุล มีการรวบรวมประสบการณ์การใช้น้ำคั้นจากใบย่านาง รักษาโรคเรื้อรังต่าง ๆ โดยเชื่อว่า คลอโรฟิลล์ในใบย่านางช่วยกำจัดพิษ แนวคิดนี้มีความเป็นไปได้สูง เพราะใบย่านางมีวิตามินเอสูงถึง 30,625 IU ซึ่งถือว่าสูงมากกว่าผักทั่วไปในท้องตลาดแทบทุกชนิด ยกเว้นใบยอ และมีวิตามินซีสูงถึง 141 มิลลิกรัม (มะนาวมี 20 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม) น้ำคั้นที่ว่านี้ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอันดับต้น ๆ ในบรรดาผักพื้นบ้านทั้งหลายอีกด้วย
คนที่ไม่มีเวลาไปชุมชนอโศก นำน้ำคั้นใบย่านางกินแก้โรคเรื้อรังได้ ก่อนอื่นศึกษาสภาพร่างกายของตัวเองก่อน หรืออย่างง่ายที่สุดและกินอร่อยได้ด้วยคือ กินใบย่านางเข้าไปในอาหารที่เรากินทุกวัน เช่น ซุปหน่อไม้ แกงเปรอะ แกงหวาย แกงขี้เหล็ก หมกผักกุ่ม เมนูเหล่านี้เป็นอาหารพื้นบ้านคนอีสาน ส่วนคนเขมรเขาก็มีใบย่านางกินเหมือนกัน แต่อาหารเขมรหรือจะอร่อยสู้แกงไทย เวียดนามก็มีต้นย่านาง แต่เขาก็ไม่ได้กินแบบเรา มียอดอ่อนย่านางกินเป็นผักอยู่บ้าง ผลอ่อนย่านางคนไทยเราก็กิน ดังนั้นถ้าเห็นใบย่านางหรือน้ำคั้นสีดำ ๆ คล้ำ หนืด ๆ ในชามแกงเมื่อใด นั่นเป็นอาหารไทยและลาว นั่นเอง
พูดอย่างนี้ คนเหนือบอกว่า เขาก็กินใบย่านางแก่ ๆ คั้นน้ำใส่ในแกงหน่อไม้ แกงแค หรือนำยอดอ่อนมาลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก คนภาคใต้บางพื้นที่ใช้ยอดอ่อนย่านางใส่แกงเลียง ชาวมาเลย์เขาก็กินนำใบย่านางใส่แกงเขียวหวาน ไม่ว่าอยู่ในตำรับไหน ย่านางเป็นสมุนไพรเพื่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว เชื่อว่าช่วยแก้พิษได้ทั้งมวล
ใบย่านาง 100 กรัม ให้พลังงาน 95 กิโลแคลอรี่ เส้นใย 7.9 กรัม แคลเซี่ยม 155 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม เหล็ก 7 มิลลิกรัม วิตามินเอ 30,625 IU วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรนัม วิตามินบี 2 0.36 มิลลิกรัม ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม วิตามินซี 141 มิลลิกรัม น้ำคั้นสีเขียวอุดมด้วยคลอโรฟิลล์ ปรุงอาหารอร่อย ได้กลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และนำไปย้อมสีธรรมชาติได้ด้วย
คิดถึงผักแก้พิษ ปรับสมดุล สารต้านอนุมูลอิสระสูง ต้องกินถึง "ย่านาง" หาปลูกเป็นผักสวนครัวริมรั้วได้ยิ่งดี...
หมายเหตุ : ข้อมูลและภาพจากหนังสือ "บันทึกของแผ่นดิน ๒ ผักเป็นยา รักษาชีวิต" โดย ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร / ภาพบางส่วนจาก rodthipfoodcenter.blogspot.com, gotoknow.org/blog/plant145
ใบย่านาง กำลังฮิต หมอพื้นบ้าน หมอไทย หมอรักษาแนวธรรมชาติบำบัด ใช้ ใบย่านาง เป็นเมนูกินฆ่าโรค ป้องกันโรค มีหลักพื้นฐานว่าเป็นยาเย็น รักษาโรคฮิตคนเมืองที่มักเกิดจากการกินอาหารที่ร้อนเกินไป กินของทอดอมน้ำมัน กินผักน้อย อยู่ในที่ร้อนรุ่ม อารมณ์เร่งรีบ เครียดสะสม จนเกิดโรค
ในหนังสือเรื่อง บันทึกของแผ่นดิน ๒ ผักเป็นยา รักษาชีวิต โดย ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เขียนถึงใบย่านางไว้มากมาย เขียนไว้ก่อนใบย่านางจะมาดังระเบิดตอนนี้ สมุนไพรไทยก็เหมือนเป็นแฟชั่นเหมือนกัน ที่ว่า..ได้รับความนิยมเป็นพัก ๆ เป็นระยะ ๆ ใช้กันจนเกร่อแล้วก็เลิกฮิต ประเดี๋ยวก็มีพืชชนิดอื่นมาฮิตใหม่ เป็นต้น
ในหนังสือเล่มนี้บันทึกไว้ว่า ย่านาง เป็นยาล้างพิษ ฮิตมาทุกยุค ในทางแพทย์แผนไทยถือว่าเป็นยาเย็น มีสรรพคุณแก้ไข้ ถอนพิษ ผิดสำแดง พิษอื่น ๆ เช่น แก้เมารถเมาเรือ แก้เมาสุรา คนไทยแต่โบราณรู้จักกันดี เช่น ในตำรับยาห้าราก หรือเบญจโลกวิเชียร มีสรรพคุณระบุว่าแก้ไข้ทุกชนิด คุณค่าของตำรับยานี้เปรียบดั่งแก้วห้าดวง อันประกอบด้วย รากย่านาง รากชิงชี่ รากเท้ายายม่อม รากมะเดื่ออุทุมพร รากสีฟันคนทา
ในชุมชนอโศก ส่งเสริมให้คนในชุมชนใช้น้ำคั้นจากใบย่านางดื่ม ปรับสมดุล มีการรวบรวมประสบการณ์การใช้น้ำคั้นจากใบย่านาง รักษาโรคเรื้อรังต่าง ๆ โดยเชื่อว่า คลอโรฟิลล์ในใบย่านางช่วยกำจัดพิษ แนวคิดนี้มีความเป็นไปได้สูง เพราะใบย่านางมีวิตามินเอสูงถึง 30,625 IU ซึ่งถือว่าสูงมากกว่าผักทั่วไปในท้องตลาดแทบทุกชนิด ยกเว้นใบยอ และมีวิตามินซีสูงถึง 141 มิลลิกรัม (มะนาวมี 20 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม) น้ำคั้นที่ว่านี้ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอันดับต้น ๆ ในบรรดาผักพื้นบ้านทั้งหลายอีกด้วย
คนที่ไม่มีเวลาไปชุมชนอโศก นำน้ำคั้นใบย่านางกินแก้โรคเรื้อรังได้ ก่อนอื่นศึกษาสภาพร่างกายของตัวเองก่อน หรืออย่างง่ายที่สุดและกินอร่อยได้ด้วยคือ กินใบย่านางเข้าไปในอาหารที่เรากินทุกวัน เช่น ซุปหน่อไม้ แกงเปรอะ แกงหวาย แกงขี้เหล็ก หมกผักกุ่ม เมนูเหล่านี้เป็นอาหารพื้นบ้านคนอีสาน ส่วนคนเขมรเขาก็มีใบย่านางกินเหมือนกัน แต่อาหารเขมรหรือจะอร่อยสู้แกงไทย เวียดนามก็มีต้นย่านาง แต่เขาก็ไม่ได้กินแบบเรา มียอดอ่อนย่านางกินเป็นผักอยู่บ้าง ผลอ่อนย่านางคนไทยเราก็กิน ดังนั้นถ้าเห็นใบย่านางหรือน้ำคั้นสีดำ ๆ คล้ำ หนืด ๆ ในชามแกงเมื่อใด นั่นเป็นอาหารไทยและลาว นั่นเอง
พูดอย่างนี้ คนเหนือบอกว่า เขาก็กินใบย่านางแก่ ๆ คั้นน้ำใส่ในแกงหน่อไม้ แกงแค หรือนำยอดอ่อนมาลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก คนภาคใต้บางพื้นที่ใช้ยอดอ่อนย่านางใส่แกงเลียง ชาวมาเลย์เขาก็กินนำใบย่านางใส่แกงเขียวหวาน ไม่ว่าอยู่ในตำรับไหน ย่านางเป็นสมุนไพรเพื่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว เชื่อว่าช่วยแก้พิษได้ทั้งมวล
ใบย่านาง 100 กรัม ให้พลังงาน 95 กิโลแคลอรี่ เส้นใย 7.9 กรัม แคลเซี่ยม 155 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม เหล็ก 7 มิลลิกรัม วิตามินเอ 30,625 IU วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรนัม วิตามินบี 2 0.36 มิลลิกรัม ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม วิตามินซี 141 มิลลิกรัม น้ำคั้นสีเขียวอุดมด้วยคลอโรฟิลล์ ปรุงอาหารอร่อย ได้กลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และนำไปย้อมสีธรรมชาติได้ด้วย
คิดถึงผักแก้พิษ ปรับสมดุล สารต้านอนุมูลอิสระสูง ต้องกินถึง "ย่านาง" หาปลูกเป็นผักสวนครัวริมรั้วได้ยิ่งดี...
หมายเหตุ : ข้อมูลและภาพจากหนังสือ "บันทึกของแผ่นดิน ๒ ผักเป็นยา รักษาชีวิต" โดย ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร / ภาพบางส่วนจาก rodthipfoodcenter.blogspot.com, gotoknow.org/blog/plant145
