จากประชาชาติธุรกิจ
มนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยเซลล์จำนวนมาก หากการสื่อสารของเซลล์ไม่สมบูรณ์ หรือบกพร่อง จะส่งผลให้เกิดอาการและปัญหาต่าง ๆ ตามมา ซึ่งแท้จริงแล้วมนุษย์เราไม่ได้ป่วย แต่เป็นเซลล์ต่างหากที่ป่วย
แล้วจะรักษาเซลล์ป่วยยังไง ?
ผศ.น.พ.ถนอม บรรณประเสริฐ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า ความเจริญด้านวิทยาการการรักษาโดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารของเซลล์เกิดขึ้นมา นานแล้วในต่างประเทศ ตามแนวคิดสิ่งมีชีวิตประกอบด้วยเซลล์จำนวนมาก มีการติดต่อประสานงานภายใต้การควบคุมของยีน เมื่อเซลล์เกิดภาวะไม่ปกติ หรือมีปัจจัยต่าง ๆ ทำให้การทำงานของเซลล์บกพร่อง ไม่บรรลุประสิทธิผล สูญสลาย จะทำให้ก่อเกิดปัญหาและโรคอื่น ๆ ตามมา ซึ่งอนุมานได้ว่าแท้จริงแล้ว เซลล์ป่วย เราไม่ได้ป่วย
ฉะนั้นแนวทาง การรักษาในอนาคตอันใกล้ จึงเปลี่ยนไปจากอินดีเพนเดนต์ เบส เมดิซีน (independent base medicine) กลายเป็นเซลลูลาร์ เบส เมดิซีน (cellular base medicine) หรือการมุ่งรักษาลงลึกไปถึงระดับการทำงานของเซลล์ ซึ่งมีข้อดีคือ 1.แก้ที่ต้นเหตุ 2.ไม่มีอันตราย 3.ไม่ส่งผลกระทบหรือรบกวนต่อสรีรวิทยา และ 4.รักษาแบบตรงจุด
ด้าน ศาสตราภิชาน ดร.น.พ.พิชิต สุวรรณประกร ประธานกรรมการ แพนราชเทวี กรุ๊ป (มหาชน) พูดถึงการนำวิทยาการ การสื่อสารของเซลล์มาต่อยอดเป็นนวัตกรรมการรักษาว่า เซลล์ในร่างกายก็เปรียบเสมือนตัวรับสัญญาณ ซึ่งในภาวะปัจจุบันมีสัญญาณที่ดีและไม่ดีทั้งจากภายนอกและภายใน ทั้งหมดส่งผลกระทบและเป็นตัวการทำให้เกิดโรคและอาการที่เกี่ยวกับผิวพรรณ ต่าง ๆ
สัญญาณที่ไม่ดีจากภายนอก อาทิ แสงแดด ฝุ่นควัน มลพิษ เชื้อโรคต่าง ๆ ส่วนสัญญาณที่ไม่ดีจากภายใน อาทิ ความเครียด ฮอร์โมนสูงหรือต่ำเกินไป ส่วนสัญญาณที่ดีจากภายนอกและภายใน อาทิ เสียงเพลง อากาศบริสุทธิ์ อุณหภูมิ แสงที่เหมาะสม
ซึ่งโดยปกติเซลล์ของคนเราจะ มีการรับรู้และตอบสนองกับทั้งสัญญาณที่ดีและไม่ดี โดยไม่ได้สกรีนว่าสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นจึงได้มีการศึกษา ค้นคว้าวิจัยถึงแนวทางปฏิบัติในการจัดตั้งกระบวนการป้องกันบล็อกสัญญาณที่ ไม่ดี และบูทสัญญาณที่ดี ก่อนเข้าสู่ร่างกายเพื่อคงไว้ซึ่งสุขภาพที่แข็งแรง และผิวพรรณที่ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย ผ่านระบบ cell signaling หรือการสื่อสารของเซลล์ ซึ่งเรียกว่าการรักษาดุลยภาพของเซลล์
แนวทาง รักษาดุลยภาพของเซลล์แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่ม code blocker หรือเทคนิคในการระงับสัญญาณไม่ดีที่ทำให้เกิดอาการ ผลที่ได้รับคือปรับเปลี่ยนการทำงานของเซลล์ที่มากขึ้นให้กลับสู่ภาวะปกติ, ปรับเปลี่ยนจำนวนของเซลล์ที่มากขึ้นให้กลับสู่ภาวะปกติ, ปรับรูปร่างหรือหน้าที่ของเซลล์ให้กลับมาสู่ปกติ, หยุดการตายของเซลล์ ใช้ได้ผลดีกับผู้ที่มีอาการเป็นฝ้า, กระ
2.กลุ่ม code booster หรือเทคนิคการเสริมสร้างสัญญาณที่ดีให้ไปถึงเซลล์มากขึ้น เพื่อให้ทำงานสู่สภาพปกติ ทำได้โดยเพิ่มการทำหน้าที่หรือปริมาณของแต่ละเนื้อเยื่อ, ช่วยให้ระยะเวลาวงจรของเซลล์ต่าง ๆ ดีขึ้น, ช่วยเรื่องของ metabolism และลด catabolism ของเซลล์ผิวหนัง ซึ่งใช้ได้ผลดีกับผู้ที่มีอาการ ด่างขาว, ริ้วรอยเหี่ยวย่น, สีผิวไม่สม่ำเสมอ
และจากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า เซลล์ของคนเราจะเริ่มเสื่อมถอยเมื่อเข้าสู่วัยเริ่มต้นตั้งแต่ 30 ปี และเซลล์จะชัตดาวน์ตัวเองจนหมดสิ้นในวัย 60 ปี
ฉะนั้นจะต้องเรียนรู้และดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เซลล์ป่วยเร็ว จนเกินไปนัก