จาก โพสต์ทูเดย์
การตีรวนของกลุ่มแพทย์เช่นนี้เอง สบช่องให้เครือข่ายภาคประชาชนใช้เป็นเหตุผลอัน “ชอบธรรม” ในการเคลื่อนไหวได้เต็มภาคภูมิ.....
โดย....ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน
มาตามนัดตั้งแต่ไก่โห่!
ม็อบหนุนพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุขกว่าพัน ในนามเครือข่ายภาคประชาชนจาก 20 จังหวัด กรีธาทัพเข้ายึดพื้นที่ประตู 4 ของทำเนียบรัฐบาล บริเวณด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก่อนประกาศเจตนารมณ์ขอหลักประกันจากรัฐบาลว่าต้องผลักดันร่างกฎหมายนี้เข้า สู่การพิจารณาก่อนปิดสมัยประชุมรัฐสภา
ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สารี อ๋องสมหวัง ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาชน บอกว่า ที่ต้องการหลักประกันเพราะไม่มั่นใจในท่าทีของรัฐบาล เห็นได้จากความขัดแย้งภายในที่ยังเกิดขึ้น เช่น จุดยืนของ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข ที่ตรงข้ามกับ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
พร้อมประณาม “กลุ่มแพทย์” ที่กำลังเคลื่อนไหวคัดค้านกฎหมายอยู่ว่า ไม่ยึดหลักเหตุผล
ย้อนกลับไปก่อนที่ภาคประชาชนจะประกาศชุมนุมใหญ่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะคนกลางได้พยายามไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้วยการตั้งวงถกเพื่อแสวงหาจุดร่วม แล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่เป็นผล นั่นเพราะต่างฝ่ายต่างยังคงยืนอยู่บนฐานความคิดของตัวเอง
ความเคลื่อนไหวเพื่อหนุนและต้านกฎหมายในขณะนั้นมีขึ้นเป็นระลอก แต่เริ่มคุกรุ่นเมื่อเข้าสู่วันที่ 21 ก.ย. เพราะ นิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ประกาศสิ้นสุดความอดทนกับรัฐบาล เนื่องจากเห็นว่าถูกเตะถ่วงมาโดยตลอด จึงยื่นคำขาดชุมนุมใหญ่วันที่ 5 ต.ค. หากรัฐสภาไม่หยิบยกร่างกฎหมายขึ้นพิจารณาภายในวันที่ 30 ก.ย.
ทันทีที่ถ้อยแถลงของแกนนำเอ็นจีโอจบลง ภาพหนึ่งได้ปรากฏขึ้นแก่สาธารณะ นั่นคือการใช้ “มวลชน” กดดันเพื่อต่อรองในสิ่งที่ตัวเองต้องการ คำถามที่ตามมาทันทีคือ การเคลื่อนไหวด้วยวิธีนี้ชอบธรรมและเหมาะสมต่อเหตุแล้วหรือ
แต่ทว่า ยังไม่ทันที่จุดยืนดังกล่าวจะถูกพุ่งเป้าหรือวิพากษ์วิจารณ์สักเท่าไร ก็มีความเคลื่อนไหวหนึ่งมาเบนความสนใจร่วมของสังคมไป
เพราะคล้อยหลังเพียง 1 วัน คือวันที่ 22 ก.ย. นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ รองประธานสหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศไทย (สผพท.) เปิดประเด็น แพทย์ทั่วประเทศขู่หยุดงานประท้วง หากรัฐบาลยังหนุนพ.ร.บ.ฉบับนี้
จับกระแสสังคมแล้ว เห็นว่าจะมีเฉพาะ “ก้อนอิฐ” เท่านั้นที่โถมใส่กลุ่มแพทย์อย่างจัง ส่วน “ดอกไม้” ยังหาไม่เจอ
หนำซ้ำในการประชุมคณะกรรมการเสริมสร้างสมานฉันท์ในระบบบริการสาธารณสุข ครั้งล่าสุด คือวันที่ 28 ก.ย. กลุ่มแพทย์ได้ “วอล์กเอาต์” ออกจากที่ประชุม 2 ฝ่ายหลังเริ่มไปแค่เพียง 15 นาที และภายหลังกลับว่า “การประชุมครั้งนี้มีวาระแอบแฝง และไม่เป็นประชาธิปไตย จึงต้องวอล์กเอาต์” ทำเอาหลายคนคลุมเครือไปตามๆ กัน
การตีรวนของกลุ่มแพทย์เช่นนี้เอง สบช่องให้เครือข่ายภาคประชาชนใช้เป็นเหตุผลอัน “ชอบธรรม” ในการเคลื่อนไหวได้เต็มภาคภูมิ
ปรียานันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ บอกว่า กลุ่มแพทย์ได้ล้มการประชุมเพื่อหาทางออกไปถึง 3 ครั้ง ทั้งๆ ที่ภาคประชาชนได้เข้าร่วมมาโดยตลอด แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ ทางเครือข่ายฯ จึงมีมติชุมนุมใหญ่ เพื่อถามหาความชัดเจนจากนายจุรินทร์ตามที่เคยรับปากไว้
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ภาคประชาชนจะรุกหนักหน่วงเพียงใด จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ก็ยังสามารถฉากหลบได้อย่างมีชั้นเชิง
ล่าสุดช่วงสายของวันที่ 5 ต.ค. เจ้ากระทรวงหมอได้ออกมารับหนังสือร้องเรียนจากเครือข่ายภาคประชาชนด้วยตัว เอง แต่มิวายยืนหลักแข็ง เรียกร้องให้คู่ขัดแย้งตั้งโต๊ะเจรจาอีกครั้ง วันที่ 12 ต.ค.ที่กำลังจะถึง ซึ่งเชื่อขนมกินได้เลยว่า “เละไม่เป็นท่า” อีกตามเคย
เพราะ “จุดยืน” ของภาคประชาชนตอนนี้คือไม่ร่วมสังฆกรรมใดๆ อีกแล้ว ขณะที่ซีกของกลุ่มแพทย์พร้อมเจรจาแต่มีเงื่อนไข และเป็นเงื่อนไขที่บั่นทอนความชอบธรรมของตัวเองโดยสิ้นเชิง
พญ.พจนา กองเงิน ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย (รพศ./รพท.) บอกว่า สมาพันธ์ฯ จะเข้าร่วมประชุมในวันที่ 12 ต.ค. แต่หากรัฐสภามีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข โดยไม่นำร่างของแพทย์ประกบกับ 7 ร่างที่มีอยู่ก่อน ก็จะต่อสู้โดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ด้วยมาตรการตรวจละเอียด กระชับพื้นที่และหยุดพิทักษ์สิทธิ
“การตรวจละเอียดเพื่อป้องกันความผิดพลาดซึ่งคนไข้รายหนี่งต้องใช้เวลามาก ขึ้น การกระชับพื้นที่คือการรักษาเท่าที่ทำได้ ถ้ารักษาไม่ได้ก็จะส่งต่อไปที่อื่น และการหยุดพิทักษ์สิทธิ์คือการหยุดงาน”ประธานสมาพันธ์ฯ ขยายความ
แสงสว่างที่เคยรำไรเริ่มริบหรี่ลงตั้งแต่ “ประชาชน” ถูกจับเป็นตัวประกัน ... เป็น 2 ครั้งที่กลุ่มแพทย์เลือกเดินหมากบนความเสี่ยง
