จากคุณ tanomsak
เงิน บาทแข็งค่าจริงหรือ ? ผมเป็นคนระดับรากหญ้าของประเทศ ในมุมมองของผม ผมว่าเงินเฟ้อร์ซิไม่ว่า ทำไมผมว่าเงินเฟ้อร์ อย่ามองแต่การส่งออกท่าเดียว ลองมามองการจับจ่ายในประเทศกันบ้าง แล้วจะรู้ว่าเงินเฟ้อร์ ปัจจุบันคุณลองนำเหรียญ 10 ไปจ่ายซื้อของในตลาดสด ดูบ้างว่าเหรียญ 10 ที่คุณถือไปคุณสามารถซื้ออะได้บ้าง ข้าวราดแกงบางที่กับสองอย่างจากสามสิบห้า ขึ้นเป็นสี่สิบบาท/จาน บางร้านขายสามสิบห้าก็จริง แต่คุณลองมองดูปริมาณ มีข้าวสวยกี่เม็ดมีชิ้นเนื้อกี่ชิ้น นี่หรือเงินบาทแข็ง อีกอย่างเงินสิบบาทที่ว่าคุณลองไปหยิบกระเทียมดูว่าแม่ค้าส่งให้คุณกี่กลีบ บางร้านมันไม่ให้ถุงใส่นะครับ หากคุณไม่เชื่อคุณมาเดินในตลาดนัดที่บ้านผมอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ขอบคุณครับ xx.xx@windowslive.com
E-mail ติดต่อกลับ xx.xx@windowslive.com
เบอร์โทรศัพท์ ติดต่อกลับ
IP Address 118.173.149.xxx
ปกติ ผมไม่ค่อยตอบคำถามพวกนี้ทางอีเมลล์ บังเอิญผมคิดว่าคุณเป็นคนที่ผมควรจะอธิบายอะไรบ้าง แต่ผมพิมพ์ไปยาวไปหน่อย เลยเอาลงเป็นบทความในเวปไซต์ผม ซะเลย
เงินบาทกับเงินเฟ้อมันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
คุณบอกว่าอย่ามองเฉพาะการส่งออก ถูกครับ คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมืองวันนี้หรือวันไหนผมคิดว่าไม่มีใครมองแค่นั้นแน่นอน ผมมั่นใจ
แต่เงินบาทแข็งค่ามันมีผลกระทบสองด้าน ส่งออกไม่ดีเพราะขายเป็นเงินดอลล์แล้วมาแลกเป็นเงินบาทได้น้อย แต่อย่าลืมเวลาคุณนำเข้า คุณนำเข้าด้วยเงินดอลล์คุณก็จ่ายน้อยเหมือนกัน เพราะคุณเอาเงินบาทไปแลกเงินดอลล์ไปจ่ายหนี้ได้เยอะขี้น
ผมอยากให้คุณคิดเรื่องพวกนี้ดูบ้าง
๑.แล้วคุณคิดว่าการส่งออกและนำเข้าของเราอะไรมันมากกว่ากันละ ระหว่างการขายข้าวกับสินค้าเกษตร กับการซื้อน้ำมันดิบมาใช้ในประเทศ ลองไปหาสถิติทางการนำเข้าส่งออกดูน่ะครับว่าอะไรมันเยอะกว่ากัน แล้วดูว่าเราควรจะใช้นโยบายเงินบาทแข็งหรือเงินบาทอ่อน
๒.คุณว่าสินค้าตัวไหนที่ทำให้ประเทศไทยเกินดุลการค้าระหว่าง การขายรถยนต์กับอะไหล่อิเล็กทรอนิคส์ หรือการขายสินค้าเกษตร
ยอดของสินค้าสองหมวดต่างกันแค่ไหนรู้ไหม ที่ให้เทียบเพราะสินค้าเกษตรเป็นสินค้าที่ใช้วัตถุดินในประเทศ แต่สินค้าที่เป็นรถยนต์หรืออะไหล่อิเล็กทรอนิคส์ในประเทศไทย เป็นการนำชิ้นส่วนเข้ามาประกอบเป็นส่วนใหญ่ ภาคการผลิตสินค้าประเภทนี้ ซื้อขายเป็นเงินดอลล์ มีผลกระทบจากเงินบาทไหม
คนที่ขายสินค้าเกษตรที่ใช้วัตถุดิบในประเทศจะเป็นคนเสียเปรียบ เพราะเงินบาทที่ได้จากการขายมันได้ลดลง ทางซี.พี.ถึงไปเอาวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน แล้วทำสัญญาเป็นเงินดอลล์ ในเมื่อนำเข้าก็เงินดอลล์ ส่งออกก็เป็นเงินดอลล์ ผลกระทบจากค่าเงินบาทก็เบาบางลง นี้คือวิธีที่คนประสบปัญหาประสบวิกฤต เขาคิดกัน ไม่ใช่เอาแต่โวยวาย
๓.เงินเฟ้อมันเกิด เพราะค่ามูลค่าเงินมันลดลงทำให้สินค้าแพงขึ้น เป็นเรื่องมูลค่าเงินในประเทศ มันคนละเรื่้องกับที่บอกว่าค่าเงินบาทแข็ง เงินบาทแข็งมัน คือการเปรียบเทียบค่าเงินของประเทศต่างๆมันเป็นเรื่้องการค้า และสภาพความเข็มแข้งของเศรษฐกิจโดยรวมระหว่างประเทศ
ที่นี้มาคุยกันเรื่องที่คุณบอกว่าให้ดูเรื่องจับจ่ายในประเทศบ้าง ที่คุณบอกว่าเงิน ๑๐ บาทซื้อของได้นิดเดียว มันต้องดูว่าเงิน ๑๐ บาทของคุณมันอยู่ตรงไหน เงินเฟ้อที่เขาพูดกันมันเป็นเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยทั้งประเทศ แต่เงินเฟ้อแต่ละที่ในประเทศไทยก็ไม่เท่ากัน ผมไปเชียงใหม่เกือบทุกเดือน แกงถุงที่ตลาดรวมโชค ราคา ถุง ละ ๓๐ - ๔๐ บาท มีราคาแพงกว่าตลาดต้นพยอม ที่ราคาถุงละ ๑๐ - ๒๐ บาท คุณรู้ไหมมันห่างกันแค่ไม่ถึงยี่สิบกิโล ยังไม่พูดถึงกาดธานินทร์ ที่กับข้าวบางอย่างราคา แค่ ๕ บาท บ้านผมอยู่สมุทรปราการ ข้าวนึ่งหน้าบ้านผม ขายเป็นกระป๋อง ข้าวขาวธรรมดา ๒ กระป๋อง ๑๐ บาท ถ้าเป็นข้าวหอมมะลิ ๒ กระป๋อง ๑๕ บาท ติดๆกันมีร้านขายของแบบทุกชิ้น ๒๐ บาทมีเกือบทุกอย่าง เช้าๆมีข้าวเหนียว ใส่หมูหลายๆอย่างให้เลือกได้ ๒ อย่าง ห่อละ ๑๐ บาท เด็กนักเรียนกินได้อิ่มพอ ก่อนไปโรงเรียน ผมเคยดูรายการตลาดสดสนามเป้าตอนที่น้องรถเมล์ไปเดินตลาดเช้าตลาดเย็นที่ พิษณุโลก ก็มีการขายของอย่างนี้เป็นปกติราคาก็อย่างนี้ แล้วคุณลองดูว่าคุณดูโทรทัศน์รายการอะไร แล้วเวลาดูคุณเห็นอะไรเหมือนผมหรือเปล่าหรือเห็นแต่น้องรถเมล์
ตอนนี้คุณคงพอรู้ว่า เงิน ๑๐ บาท ที่อื่นได้ข้าวได้ของเป็นอย่างไร ที่คุณให้ลองไปหยิบกระเทียมดูต้องดูว่าคุณจะให้หยิบกระเทียมอะไร กระเทียมจีนก็อย่าง กระเทียมศรีสะเกษก็อย่าง กระเทียมลำพูนแถวสวนผมก็อย่าง แต่บอกได้เลยครับ ทุกทีใส่ถุงได้ แล้วก็ไม่ใช่ได้เป็นกลีบแต่ได้เป็นหัว
ราคาข้าวบ้านคุณราคา ๓๕ - ๔๐ ผมฟังแล้วเฉยๆ ไม่ใช่รวยน่ะครับ แต่ราคานี้มันเป็นปกติตามข้างถนนในกรุงเทพไม่ใช่ในห้างที่ราคา ๔๐-๖๐ บาท แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี ๒๐ - ๓๐ บาทกินในกรุงเทพ มีครับอยู่ที่ว่าคุณจะหาหรือเปล่า คนมันต้องรู้ว่าเราควรจะเลือกความเป็นอยู่ให้เหมาะสมอย่างไร ไม่ใช่ตามสภาพแวดล้อมไปทุกเรื่อง คนกรุงเทพเขาปรับตัวเก่งเพราะแย่งกันกินแย่งกันอยู่ และก็ยังรู้ว่าจะกินจะอยู่กันอย่างไร ถึงจะรอด
ส่วนเรื่องที่คุณให้ผมไปเดินที่สงขลา ผมไม่ไปหรอกครับ เพราะรู้ว่ามันเป็นอย่างไร แต่ผมจะเล่าอะไรบางอย่างให้คุณอ่านดู จะได้พอรู้ว่าผมรู้เรื่องอะไรบ้างหรือเปล่า
ผมอยู่สมุทรปราการ แต่ผมมีพี่สาวเป็นอาจารย์สอนพยาบาล และพี่เขยเป็นอาจารย์สอน วิศวะ อยู่ ม.อ. มีหลานเรียนหมออยู่ที่ม.อ. เคยไปเยี่ยมลูกค้าระบบบัญชีของบริษัทที่หาดใหญ่ ทำไม่ผมจะไม่รู้ว่าสงขลาเป็นอย่างไร ผมจะบอกบางอย่างให้คุณฟัง สำหรับคนใต้โดยเฉพาะ
ผมเคยไปดูบัญชีให้เพื่อนที่ตรังทุกเดือน สิ่งที่เราเจอปัญหาตลอดคือ คน
คนใต้ไม่พอใจวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่มาทำงาน เพราะกรีดยางได้ มีกิน นี่คือสภาพการทางใต้ ที่ที่คุณคุ้นเคยและทำให้คุณไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะคุณไม่เคยสังเกตุ ไม่เคยลองคิดดู ปัญหาสภาพการดำรงชีพตรงๆของคุณมันเกิดจากเงินเฟ้อ ไม่เกี่ยวอะไรกับค่าเงินบาทจะแข็ง หรือไม่แข็ง
แต่คุณเชื่อไหมค่าเงินบาทแข็งที่ไม่เกี่ยวกันเลย กลับมีความเกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อในการดำรงชีพของคุณ
คุณลองไปคิดดูให้ดีว่า เมื่อก่อนราคายางมันราคาเท่าไหร่ กิโลละ ๓๐-๔๐ บาทก็หรูแล้วใช่ไหม ราคายางเคยลงไปถึง ๑๙ บาท คุณอยู่กันอย่างไร วันนี้ราคายาง ราคากิโลละเท่าไหร่ เป็นร้อยบาทใช่ไหม ในเมื่อรายได้โดยเฉลี่ยมันมากขึ้น คุณก็คิดในการใช้เงินน้อยลงเพราะเงินในตลาดในกระเป๋ามันเยอะ ในเมื่อคนคิดในการใช้เงินน้อยลงราคาสินค้าก็ขยับขึ้นเพราะคนมีกำลังจับจ่าย ใช้สอย ผลคือ เงินก็เฟ้อ แต่คุณไม่รู้ตัวหรอกเพราะมันชิน เหมือนกบในหม้อที่ต้มไฟแล้วจะชินกับความร้อนที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าตัวจะพองถึงกระโดดออกมาดิ้นจะตายอยู่นอกหม้อหรือในหม้อ หรือว่าจะเจ็บสาหัส ก็แล้วแต่ว่าคุณจะรู้สึกตัวเร็วแค่ไหน ผมรู้เรื่องพวกนี้เพราะเพื่อนผมที่ตรังเป็นร้านตัวแทนขายมอเตอร์ไซต์ คุณเคยรู้เรื่องดัชนีมอเตอร์ไซต์ไหม (ผมคิดผมเองน่ะดัชนี้นี้) ที่ถ้าราคายางดีก็จะขายได้มาก ราคายางตกก็รับซื้อคืนกลับมามากเหมือนกัน จะดูเศรษฐกิจภาคใต้ดีไม่ดีดูตัวนี้ค่อนข้างแม่น
ที่นี้ค่าเงินบาทแข็งมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณ อย่างที่บอกมันคนละเรื่องเดียวกัน ในเมื่อบ้านคุณ เศรษฐกิจบางส่วนมันอยู่ที่ราคายาง เมื่อเงินบาทมันแข็งค่า ก็ทำให้เงินในกระเป๋าคุณลดลง เพราะมันซื้อขายกันเป็นเงินดอลล์ เมื่อเงินบาทมันแข็งมันก็แลกเป็นเงินบาทได้น้อย แต่ในขณะเดียวกันเงินเฟ้อที่เป็นคนละส่วน มันขึ้นไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ราคายางมันขึ้น และค่าเงินบาทยังไม่แข็งค่า ทำให้คุณเพิ่งมีความรู้สึกว่าเงินเฟ้อทั้งที่เงินมันเฟ้อไปแล้ว ตอนนี้คุณรู้หรือยังว่าคุณเป็นกบตัวที่ผมบอกไว้เมื่อวรรคก่อน คุณจะโดดหรือไม่โดดแล้วแต่คุณ
ที่พูดถึงนี้ยังไม่รวมเรื่องท่องเที่ยวที่ค่อนข้างดีกว่าที่อื่น ที่ทำให้ภาวะเงินเฟ้อบ้านคุณ มันหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก
คุณเห็นข่าวไม่กี่วันที่ผ่านมาไหม ที่ดร.โกร่งมาให้รัฐบาลห่วงค่าเงินบาทมากกว่าห่วงเงินเฟ้อ โดยเสนอให้ลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลง แต่รัฐบาลไม่เห็นด้วย ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม เพราะถ้าลดดอกเบี้ย เงินที่ไหลเข้าประเทศจะลดลงค่าเงินบาทจะอ่อนลง เงินในกระเป๋าคุณจะเยอะขึ้น เพราะคุณจะขายสินค้าจะแลกเป็นเงินบาทได้เยอะขึ้น คุณก็จะใช้จ่ายเยอะขึ้นอีกนิดหนึ่ง ฟุ่มเฟือยขึ้นอีกนิดหนึ่ง แล้วความฟุ่มเฟือยคุณว่ามันจะเป็นสินค้าอะไร ถ้าไม่ใช่สินค้านำเข้า โดยเฉพาะน้ำมัน ที่มันควรจะแพงขึ้นแต่รัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือไม่ให้มันแพงเกินไป เพราะจะกระทบกับธุรกิจบางประเภท เงินในกระเป๋าที่เยอะขึ้นจะทำให้ของแพงหนักเข้าไปอีก เงินก็เฟ้อมากขึ้น ทำอย่างนี้เหมือนกับเอาน้ำร้อนเติมเข้าไปในหม้ออย่างไรอย่างนั้น ทำให้รัฐตัดสินใจไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง เพราะรัฐห่วงเรื่องวินัยการเงินส่วนบุคคลของคนในประเทศ
ถ้าจะถามว่าดร.โกร่งผิดหรือเปล่า หรือใครผิดใครถูก ไม่มีใครตอบได้ เพราะ เรื่องพวกนี้มันไม่มีอะไรผิดอะไรถูกมันเป็นเรื่องของ การตัดสินใจเลือกเครื่องมือให้มันเหมาะสมกับสถานการณ์
คนที่เก่งก็คือคนที่ตัดสินใจเลือกถูกมากกว่าเลือกผิด ไม่ใช่พวกนักวิชาการที่ออกมาวิเคราะห์กันทีหลังเกิดเรื่อง แล้วว่าตอนนั้นทำไม่ไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนที่พวกเราชอบฟังและชื่นชมกันจัง ผมไม่ค่อยสนใจคนพวกนี้หรอก เพราะมันไม่ใช่ของจริง
ผมคิดว่าผมตอบไปครบแล้วเท่าที่จะมีเวลา และหวังว่าจะพอเข้าใจบ้างว่าสถานการณ์ที่คุณเจอมันเป็นอย่างไร
ผมโคตรเกลียดคนที่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นคนระดับรากหญ้า ฟังดูดีๆเหมือนเท่ห์ ดูเหมือนทำให้สังคมมันมีชนชั้นดี
ผมถามจริงๆเถอะว่ารากหญ้ากับรากแก้วมันอยู่ตรงไหนของต้นหรือของดิน ผมว่าทั้งสองรากมันระดับเดียวกันไม่ใช่หรือ เวลาขุดดินโคนต้นไม้รากหญ้ามันก็ระดับเดียวกับรากแก้ว ถ้าจะมีต่ำกว่าก็มีแต่รากแก้วต่ำกว่ารากหญ้า
หรือว่าไม่จริง
การเปรียบเทียบอย่างนี้ต้องคิดให้ดีว่า คนที่คิดคนแรกเขาคิดคำนี้ไว้อย่างไร คำว่ารากหญ้ารากแก้วมันคือความมั่นคง รากแก้วใหญ่กว่าหยั่งรากลึกกว่า ก็ต้องแสดงว่าเขายอมตัวลงไปต่ำกว่า ไม่เหมือนรากหญ้าที่เป็นรากเล็กกระจายไปทั่วหยั่งรากลงไปไม่ลึก ประเภทจมไม่ลง ก็ไม่มั่นคงเป็นธรรมดา เหมือนคนที่ไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อนไม่สามัคคี
จะไปเปรียบเทียบว่ามันคนละระดับมันเป็นไปไม่ได้ในแง่ความเป็นจริง
เรื่องการเปรียบเทียบการคิดในเชิงเป็นเหตุเป็นผล เพราะผมพยายามอ่านพระราชดำรัส พระราชดำริ พระบรมราโชวาท ผมว่าผมพยายามอ่านเยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถึงแม้ว่ายังไม่หมดก็ตามเถอะ วิธีคิดที่ผมเขียนไว้ข้างต้นทั้งหมด ผมว่าในพระราชดำรัสเก่าๆของในหลวงมีแล้วทั้งนั้น
ผมก็เคยเป็นรากหญ้าในนัยยะของคุณมาก่อน วันนี้คิดว่าก็ยังเป็นรากหญ้าอยู่ แต่เป็นนัยยะของผมที่เขียนไว้ข้างต้น เพราะผมอ่านพระราขดำรัส พระบรมราโชวาท ของในหลวง ทำให้ผมเป็นหญ้าแต่เป็นหญ้าแฝก ที่รากหยั่งลึงลงไปไม่ต่างจากรากแก้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ใหญ่เหมือนรากแก้วแต่รากหญ้าของผมลึกและเป็นกลุ่ม ชีวิตผมก็มั่นคงได้ไม่ต่างจากรากแก้ว บางทีผมอาจจะมั่นคงกว่ารากแก้วก็ได้เพราะ ผมเป็นหญ้าที่เตี้ยติดดินไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างต้นไม้ใหญ่ แต่รากผมลึกไม่ต่างจากรากแก้ว แถมไม่ได้มีรากเดียวอย่างรากแก้ว แต่มีจำนวนเยอะกว่า
สุดท้ายจริงๆครับผมเคยโดนด่าในเน็ทว่า เป็นพวกลัทธิซาบซึ้ง แต่ผมเฉยๆ เพราะผมคิดว่าผมเป็นจริง แต่ผมไม่ขอเป็นพวก ลัทธิพึ่งคนอื่นฝังหัว ก็พอใจแล้ว
ความคิดเห็น