จากประชาชาติธุรกิจ
ข้อ พิพาทระหว่าง "กทพ." และคู่สัญญาสัมปทาน "บีอีซีแอล" มีมานาน เบ็ดเสร็จ 11 เรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กยันเรื่องใหญ่ แยกเป็น 2 กรณี คือ ข้อพิพาทที่บริษัทและบริษัทย่อยเป็นผู้ยื่นเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งมีมูลค่าฟ้องร้องจนถึงวันยื่นข้อพิพาทประมาณ 6,605.4 ล้านบาท
ประกอบ ด้วย 1.การปรับเพิ่มอัตราค่าผ่านทางปี 2541 ทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 วงเงิน 360,898,617 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7% ต่อปี 2.วันเปิดใช้งานของพื้นที่ส่วนแรกทางด่วนขั้นที่ 2 วงเงิน 3,831 ล้านบาท 3.สร้างทาง แข่งขันทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด วงเงิน 1,790 ล้านบาท 4.การออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงงานเพิ่มเติมโดย กทพ.วงเงิน 238 ล้านบาท
5.การ เปิดใช้งานทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วนดี และทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ดล่าช้า วงเงิน 85.5 ล้านบาท 6.การปรับเพิ่มอัตราค่าผ่านทางปี 2546 ทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 และ 7.การปรับเพิ่มอัตราค่าผ่านทางปี 2546 ของทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด ซึ่งบริษัทบีอีซีแอลประเมินความเสียหาย ปี 2551 ของคดีปรับค่าผ่านทางปี 2541-2546 อยู่ที่ 1,421.71 ล้านบาท
ขณะ เดียวกัน ก็มีข้อพิพาทที่ กทพ. เป็นผู้ยื่นเรียกร้องค่าเสียหาย วงเงินรวม 5,132,504,719 บาท ได้แก่ 1.การก่อสร้างถนนรวมและกระจายจราจรหรือ "ซีดีโรด" วงเงิน 5,114 ล้านบาท
2.ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากทางด่วนขั้นที่ 2 วงเงิน 1.7 ล้านบาท
3.ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกิดจากการดำเนินงานตามสัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 วงเงิน 16.4 ล้านบาท
4.ค่า ใช้จ่ายเกี่ยวกับปัญหาการร้องเรียน ทำทางเข้าออกแก่ที่ดินของ ผู้ร้องเรียนผ่านเขตทางด่วนขั้นที่ 2 ซึ่ง กทพ.เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย 404,719 บาท
ทั้งหมดเป็นข้อพิพาทที่ต่อสู้ยืดเยื้อยาวนาน ปัจจุบันไม่รู้ว่ามูลค่าจะวิ่งไปเท่าใด เพราะทั้งหมดเป็นการคิดแบบ "ทบต้นทบดอก"