จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
โดย : ปิ่นบุตรี |
||||
หลังห่างเหินจากการเกาะหลีเป๊ะไปนาน ครั้นได้กลับไปเยือนอีกครั้ง ผมพบว่า 4 ปีผ่านไป ความเปลี่ยนแปลงบนเกาะหลีเป๊ะ ไวเหมือนโกหกยิ่งกว่าเสียอีก 1... “เกาะหลีเป๊ะ” (จ.สตูล) เป็นภาษาถิ่นชาวเลหมายถึงเกาะที่แบนราบเรียบคล้ายกระดาษ ซึ่งชาวเลเรียกตามสภาพลักษณะของเกาะ ด้วยความที่หลีเป๊ะเป็นเกาะที่อยู่ในตำแหน่งท้ายๆของทะเลไทยฝั่ง อันดามัน ในอดีตสมัยที่การเดินทางทางทะเลยังยากลำบากไม่สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ บนเกาะจึงมีเพียงชาวเล(อูรักลาโว้ย)อาศัยอยู่ ทำมาหากิน ใช้ชีวิตแบบคืบก็ทะเลศอกก็ทะเลตามวิถีของชาวเลทั่วไป กระทั่งเมื่อกาลเวลาผ่านไป มีคนจากแผ่นดินใหญ่เดินทางเข้ามาจับจองพื้นที่อยู่อาศัย มีการประกาศเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา และมีการท่องเที่ยวตามมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ชาวเลเจ้าถิ่นที่นี่ก็ค่อยๆถูกรุกคืบจากคนในกลายเริ่มกลายเป็นเหมือนคนนอก เข้าไปมากขึ้นทุกที |
||||
หลีเป๊ะแม้เป็นเพียงเกาะเล็กๆ แต่ในยุคสมัยที่เริ่มบูมทางการท่องเที่ยวมาจนถึงเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว เกาะหลีเป๊ะถือเป็นดังสวรรค์ของนักเดินทาง เพราะวิวทิวทัศน์และท้องทะเลที่นี่ช่างงดงามนัก งดงามถึงขนาดถูกหลายคนยกให้เป็น "มัลดีฟเมืองไทย" ทั้งๆที่หลีเป๊ะก็คือหลีเป๊ะ เป็นเกาะที่มีเสน่ห์เป็นเอกอุไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องไปใช้เครดิตของหมู่เกาะ มัลดีฟแต่อย่างใด บนเกาะหลีเป๊ะมีหาดหลักๆ อยู่ 3 หาด ได้แก่หาดพัทยา 2 หาดชาวเล(หาดซันไรส์) และหาดซันเซ็ท ซึ่งทั้ง 3 หาดต่างมีเสน่ห์ดึงดูดกันไปคนละแบบ หาดชาวเล เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามของเกาะ มีหาดทรายเคียงคู่ทิวสนอันสวยงาม หาดซันเซ็ท ไม่เพียงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอันสวย งามสมชื่อเท่านั้น หากแต่ยังมีโขดหิน ชายหาดขาวสวยเชื่อมต่อมาจากหาดขาวเล โดยมีเกาะอาดังตั้งตระหง่านอยู่ในฝั่งตรงข้าม หาดพัทยา 2 ถือเป็นหาดไฮไลท์แห่งหลีเป๊ะ เป็นเวิ้งหาดโค้งยาว มีพื้นทรายขาวเนียนเดินแน่นนุ่มเท้า น้ำทะเลที่หน้าหาดดูใสแจ๋วราวกระจกบริเวณน้ำตื้นสามารถมองลงไปเห็นปะการัง ได้อย่างไม่ยากเย็น นอกจากนี้ยามเย็นที่หน้าหาดพัทยา 2 ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกชั้นดีที่ให้ภาพแตกต่างออกไปจากมุมมองที่หาดซัน เซ็ท |
||||
แต่เมื่อการท่องเที่ยวที่เกาะหลีเป๊ะบูมอย่างแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ ผ่านมา หาดพัทยา 2 มักถูกใครและใครหลายคนยกไปเปรียบเทียบกับหาดพัทยาที่ชลบุรีว่า หาดพัทยา 2 เริ่มมีพฤติกรรมเดินตามหาดพัทยาเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายดังสาวน้อยใสซื่อที่ถูกอำนาจเงิน วัตถุ แสงสี ที่มาพร้อมกับการท่องเที่ยวพรากจากความน่ารักบริสุทธิ์ใสซื่อของเธอไป กลายเป็นหญิงสาวผู้กร้านโลกที่ดูคล้ายน้องห่างๆของหาดพัทยาเข้าไปทุกที 3… จากท่าเรือปากบารา อ.ละงู จ.สูตล ที่ปัจจุบันกำลังก่อสร้างใหญ่โตรับการเป็นท่าเรือน้ำลึก ซึ่งช่วงนี้คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ต่างเดินทางมาสัมผัสกับท้องทะเล สตูล ไม่ว่าจะเป็น หมู่เกาะเภตราหรือหมู่เกาะตะรุเตา เมื่อเรือพร้อม คนพร้อม ผมกับคณะก็ออกเดินทางบ่ายหน้า“เกาะหลีเป๊ะ” จุดหมายหลักของเราในทริปนี้ ระหว่างทางพวกเราแวะเกาะตะรุเตา เพื่อสักการะเจ้าพ่อตะรุเตาและพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมใช้เวลาทอดหุ่ยที่ “อ่าวพันเตมะละกา”อยู่พักใหญ่ อ่าวแห่งนี้มีหาดทรายละเอียดมาก บางจุดละเอียดยิบถึงขนาดยามเดินลงไปเหยียบย่ำจะมีเสียงดัง“เอี๊ยดๆ”เลยทีเดียว จากนั้นเรือของเราตียาวมุ่งตรงไปยังเกาะหลีเป๊ะ เกาะที่อยู่ในตำแหน่งเกือบท้ายๆของทะเลไทยฝั่งอันดามัน หลังเดินทางฝ่าเปลวแดด สายลม และเกลียวคลื่นมาจนถึงเวลาอันสมควร เรือก็แล่นมาถึงยังเกาะหลีเป๊ะในช่วงบ่ายแก่ๆของวัน |
||||
“นี่มันเหมือนไม่ใช่เกาะหลีเป๊ะที่เคยมา เคยรู้จักเลยสักนิด” น้องคนหนึ่งที่ไปด้วยบ่นออกมาดังๆ ซึ่งผมก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ เพราะเกาะหลีเป๊ะที่เห็นในวันนี้ดูเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วจริงๆ บริเวณหาดพัทยา 2 ฝั่งขวาจากที่เรือแล่นเข้าไป วันนี้มากไปด้วยสิ่งก่อสร้าง ที่พัก รีสอร์ท บาร์เบียร์ ที่ผุดขึ้นมาทั่วบริเวณ ผิดกับสมัยก่อนลิบลับ ครั้นพอตกค่ำบริเวณหาดที่นี่ก็คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ริมชายหาดถูกจับจองเป็นที่นั่งดื่ม นั่งพูดคุย บาร์เบียร์หลายร้านเริ่มมีกิจกรรม ดนตรี เปิดเพลง ควงกระบองไฟ ดูคล้ายๆกับเกาะพีพี แต่ว่ายังไม่มากถึงขนาดนั้น เช่นเดียวกับถนนคนเดินที่บนเกาะที่มีปรากฏให้เห็นตามรอยเกาะพีพีเพียงแต่ว่า นักท่องเที่ยวยังไม่พลุกพล่านเท่า แต่ร้านรวงต่างๆนั้นก็ผุดขึ้นมาเต็มแน่นสองข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านของชำ ร้านเหล้า ร้านนวด ร้านเสริมสวย ร้านขายเสื้อผ้า ขายของที่ระลึก และ ฯลฯ |
||||
ผมจำได้ว่าตอนที่มาหลีเป๊ะครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน หลังกลับจากดูพระอาทิตย์ตกที่หาดซันเซ็ท ขากลับเดินมาบนถนนสายนี้ ยังต้องใช้ไฟฉายส่องทางเลย เพราะ 2 ข้างทางมืดและเงียบมาก มีร้านเหล้า ร้านค้าอยู่เพียง 2-3 ร้านเท่านั้น แต่วันนี้บนเส้นทางสายเก่าเดินสบาย ไม่ต้องใช้ไฟฉายส่องทางแต่อย่างใด เพราะมีแสงสีและความพลุกพล่านอยู่ตลอดทางตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไปถึงราว 4 ทุ่ม-5 ทุ่ม นอกจากสิ่งก่อสร้าง วัตถุ แสงสี ที่ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ดบนหาดพัทยา 2 และถนนคนเดินแล้ว บริเวณหาดชาวเลที่แต่ก่อนเป็นหาดเงียบๆ มีเพียงหมู่บ้านชาวเลและโรงเรียน แต่วันนี้กลับเต็มไปด้วยบังกะโลที่พักมากมาย เพียงแต่ว่าวันนี้ที่ฝั่งหาดชาวเล ถือเป็นเขตสงบ ที่แสงสีและความพลุกพล่านยังมาไม่ถึง แต่ถ้าเกิดไม่มีการวางแผนการบริหารและจัดการให้ดี แสงสีเสียงที่เป็นดังไฟลามทุ่งมันก็จะตามมาอีกไม่นาน ที่สำคัญก็คือทางผู้เกี่ยวข้องต้องควบคุมป้องกัน ไม่ให้แสงสีเสียงเหล่านี้ลามข้ามไปยังเกาะอื่นๆใกล้เคียง เพียงเพราะแค่คิดจะกอบโกยเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง โดยไม่มองถึงผลกระทบรอบข้างต่างๆในระยะยาวที่ตามมา |
||||
บนความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเกาะหลีเป๊ะ ผมถือโอกาสนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนที่เกี่ยวข้องต่อการ ดูแลเกาะนี้ หลายคนต่างพูดแสดงความห่วงใยในเกาะหลีเป๊ะกันทั้งนั้น แต่พอถามว่าแล้วจะมีแนวทางแก้ไข การจัดการยังไง คำตอบที่ได้มาคล้ายๆกัน คือเกี่ยงกันไป โยนปัญหากันไปโยนกันมาว่า หน่วยงานเราไม่ได้รับผิดชอบทางด้านนี้ต้องให้หน่วยงานนี้เขาไปทำ หรือไม่ก็บอกว่าไอ้หน่วยงานนี้มันไม่ให้ความร่วมมือ เราเลยไม่สามารถทำอะไรต่อได้ หรือบางคนก็อ้าปากตอบแบบเห็นลิ้นไก่ว่า เป็นเพราะงบประมาณไม่พอ เราเลยไม่สามารถทำอะไรได้ ส่วนที่ตอบได้ตรงจุดหน่อยก็เห็นจะเป็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่บอกว่า “ความเปลี่ยนแปลงที่หลีเป๊ะที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถไปขับไล่ชาวบ้านที่ทำมาหากินโดยสุจริตถูกกฎหมายได้ แต่หลังจากนี้ต้องควบคุมให้ดีและทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา โดยปัญหาเร่งด่วนก็คือปัญหาเรื่องขญะ กับน้ำเสีย เพราะถ้ามีนักท่องเที่ยวมากมาก มีที่พัก ร้านค้ามากมายบนเกาะ สองสิ่งเหล่านี้ย่อมตามมาแน่นอน” นอกจากนี้ผู้ใหญ่ท่านนั้นยังบอกว่า การจัดการปัญหาต่อไปคงต้องมาดูเรื่องการวางผัง การแบ่งโซนนิ่งกัน เป็นโซนแสงสี โซนสงบ โซนพักอาศัยของชาวเล โรงเรียน วัด การจัดระเบียบพื้นที่ สร้างความเป็นระเบียบความสะอาดบนเกาะ ซึ่งเขา บอกว่า อยากให้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากร มาลงพื้นที่ศึกษาปัญหา เพื่อนำไปแก้ไขต่อไป เพราะเกาะหลีเป๊ะอยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของกรมอุทยานฯ และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของเสียงสะท้อนต่อปัญหาที่เกิดขึ้นบนเกาะหลี เป๊ะ ซึ่งถ้าผู้ที่เกี่ยวข้องไม่รีบเข้ามาดูแลจัดการ ปล่อยให้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นบนเกาะหลีเป๊ะเป็นไปตามยถากรรม ในอนาคตข้างหน้าเราอาจจะต้องสูญเสียเพชรเม็ดงามแห่งท้องทะเลไทยไปอีกหนึ่งเม็ด ชนิดที่กว่าจะมารู้สึกตัวทีหลัง มันก็สายไปเสียแล้ว |